DND.
ฟึ่บ!
เหล่ามู่สะบัดแขนซือหยูรู้สึกถึงคลื่นลมรุนแรง จากนั้นทั้งคู่ก็ถูกพามายังที่แห่งหนึ่ง
นี่เป็นพลังของอสูรเนรมิตร…ซือหยูทึ่ง
เขามาถึงบ้านไม้ในสภาพสมบูรณ์แบบในสวนมีแต่ความเขียวขจี มันเป็นบ้านที่ได้รับการดูแลดีมาก ในสวนนั้นมีหลุมศพโดดเดี่ยวตั้งอยู่ คำว่า “เหยามู่” ถูกสลักเอาไว้
ซือหยูมองหลุมศพด้วยความเศร้าปรมาจารย์แห่งยุคสมัยสิ้นชีวิตในสถานที่แห่งนี้แต่ก็ไม่มีคนเผ่ามนุษย์เลยสักคนที่สวดอธิษฐานให้เขาก่อนหมดลมหายใจ
เขาก้าวไปโค้งคำนับเพื่อแสดงความนับถือและกล่าว
“ผู้เฒ่าหยินมู่ก่อนเหยามู่จะตาย เขาตายอย่างเจ็บปวดหรือไม่?”
หยินมู่ส่ายหน้า
“เขาหมดอายุขัยตายไปตามธรรมชาติเจ้าไม่ต้องเสียใจหรอก”
ซือหยูพยักหน้าและเดินเข้าบ้านด้านในบ้านนั้นเรียบง่าย เขาไม่เห็นสิ่งอื่นอยู่ภายใน ไม่แน่ใจว่าสิ่งของอื่นๆถูกฝังไปพร้อมกับเหยามู่เต๋าเหรินหรือสลายหายไปตามกาลเวลา ในบ้านไม่มีอะไรอยู่เลย
สิ่งเดียวที่มีในบ้านคือม้วนคัมภีร์สองชิ้นที่เก็บรักษาไว้อย่างดีโดยชาวเผ่าไม้ทองแดงม้วนคัมภีร์ด้านซ้ายค่อนข้างบาง ส่วนด้านขวาหนาและหนักกว่ามาก ไม่นานซือหยูก็พบทรายสีทองที่เขาเสียไปขณะที่ไล่ตามมันในป่าปีศาจร้าง ทรายเหล่านั้นได้เข้ามาอยู่ในม้วนคัมภีร์ที่ด้านขวา
“ภาษาไม้โบราณทั้งหมดในผนึกถูกบันทึกอยู่ในม้วนคัมภีร์ทั้งสองม้วนด้านซ้ายเป็นภาษาที่เหยามู่เต๋าเหรินแปลความ เจ้าไม่ต้องเสียเวลามากนัก ม้วนขวาคือคำที่ยังมิได้แปลความ…”
หยินมู่กล่าว
ซือหยูพยักหน้าและก้าวไปคลี่ม้วนด้านขวาข้อความอัดกันแน่นอยู่ในม้วนคัมภีร์นี้ มีบันทึกหมึกแดงเขียนไว้ทุกคำ มันคือรายละเอียดที่เหยามู่เต๋าเหรินศึกษาเอาไว้
บันทึกของเขาเขียนอยู่หนึ่งในสิบและจู่ๆก็หายไปนั่นจะต้องเป็นเวลาที่เขาเสียชีวิต
ซือหยูเสียใจเล็กน้อยเมื่อมองรายละเอียดในบันทึกเขาเปรียบเทียบมันกับภาษาไม้โบราณ ซือหยูทั้งพยักหน้าและส่ายหน้าเป็นระยะๆ
สักพักหยินมู่ถาม
“เจ้าคิดอย่างไรกับบันทึกของเขา?”
ซือหยูเห็นความเชี่ยวชาญภาษาไม้ของเหยามู่เต๋าเหรินได้เด่นชัด
“ยอดเยี่ยมแต่ก็มีขีดจำกัด”
ซือหยูพูดความเห็น
“ในฐานะมนุษย์การศึกษามาถึงระดับนี้โดยใช้ความรู้ที่มีจำกัดย่อมเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ น่าเศร้าที่เขามิอาจไประดับต่อไปได้ด้วยสภาพเช่นนี้”
หยินมู่ยินดี
“แสดงว่าเจ้าเชี่ยวชาญภาษาไม้โบราณยิ่งกว่าเหยามู่งั้นรึ?”
ซือหยูตอบ
“จะว่าอย่างนั้นก็ย่อมได้แต่ขอเวลาข้าศึกษาม้วนคัมภีร์สักครึ่งวัน อย่ารบกวนข้า”
“ดีตราบเท่าที่เจ้าช่วยเทพไม้ได้ ข้าพร้อมแลกกับทุกสิ่ง!”
หยินมู่ตอบและสั่งชาวเผ่าไม้สองต้นป้องกันทางเข้าสวนเพื่อไม่ให้มีสิ่งใดรบกวน
ก่อนจะเดินออกไปหยินมู่เหลือบเห็นทรายสองคำที่ม้วนคัมภีร์ด้านขวาและถาม
“สิ่งนั้นคืออะไรรึ?”
ซือหยูแอบปิดทรายสีทองและตอบ
“บางทีอาจจะเป็นของของเหยามู่เต๋าเหรินขอข้าศึกษามันสักหน่อย”
หยินมู่ลังเลก่อนจะพยักหน้าเขาทิ้งซือหยูตามลำพังในสวน
ซือหยูปิดประตูและนั่งลงเขาเปิดม้วนคัมภีร์หนาอีกครั้งและเปิดไปยังบันทึกสีแดงสุดท้ายที่เหยามู่เต๋าเหรินบันทึกเอาไว้
ขณะนั้นเขาก็รวบรวมทรายสีทองในฝ่ามือและเทที่เหลือในขวดใส่มือเมื่อทรายทองคำเหล่านี้กระทบหมีกแดง มันก็มีชีวิตขึ้นมา มันเดินไปทั่วม้วนคัมภีร์ราวกับฝูงมด!
สุดท้ายทั้งหมดก็สงบนิ่งซือหยูหรี่ตามองทรายก่อนจะพบความลับ เขาแปลความทั้งหมดในทรายทองคำแต่ก็ล้มเหลวในการจัดเรียงให้เป็นประโยคสมบูรณ์.novel-lucky.
ตอนนี้เมื่อทรายทองคำแบ่งเป็นสิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็ได้รายล้อมคำโบราณ ทรายทองสิบส่วนผสมเข้ากับหนึ่งคำโบราณ จากนั้นมันก็ถูกแปลเป็นประโยค เช่นเดียวกับอีกสิบเก้ากลุ่มคำ!
เมื่อรวมทุกคำพูดเข้าด้วยกันมันก็กลายเป็นรหัสลับ เหยามู่เต๋าเหรินพยายามจะส่งข้อความนี้กับซือหยู!
ซือหยูใจเต้นแรงเขาแปลประโยคคำโบราณในภาษามนุษย์และจัดเรียงทั้งหมด มันกลายเป็นคำสั่งเสียที่เหยามู่เต๋าเหรินส่งผ่านมา
ต่อมาซือหยูก็ชักสีหน้า เหยามู่เต๋าเหรินบอกซือหยูในสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก มันน่ากลัวจนเหยามู่เต๋าเหรินต้องเร้นข้อความในทรายสีทองในคู่มือเพื่อให้มีคนเปิดมาเจอในเวลาต่อมา!
เมื่อซือหยูนั่งเงียบในบ้านเขาก็คิดว่าจะทำสิ่งใดต่ออยู่นาน ใบหน้าเขาคืนความเยือกเย็นมามากแล้ว เขาเข้าสู่ภาวะเร่งเวลาและศึกษาสิ่งที่หยุนย่าสีทิ้งไว้ให้ต่อไป ครึ่งวันต่อมา หยินมู่ก็กลับมาเรียกเขาอย่างที่คาดไว้
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ซือหยูยิ้ม
“ข้าแปลคำโบราณพวกนี้เสร็จแล้วมันคือคำที่เหมือนกับแท่นบูชา และข้าก็เข้าใจทั้งหมดแล้วในครึ่งวัน!”
“ว้าว!แปดในสิบของคำทั้งหมด เจ้าใช้เวลาแค่ครึ่งวันเองรึ? เจ้ายอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่าเหยามู่เต๋าเหรินเสียอีก! ถ้าเทพไม้ตื่นขึ้นมา เจ้าจะต้องได้รางวัลอย่างงามแน่!”
หยินมู่พูดด้วยความตกใจ
“เจ้าแปลคำพวกนี้เป็นภาษาไม้ปัจจุบันได้หรือไม่ข้าจะไปบอกเทพไม้”
ซือหยูตอบ
“เกรงว่าข้าจะยังทำไม่ได้มีมากกว่าสิบคำที่ข้าไม่แน่ใจ มันกระจัดกระจายในความทรงจำข้า ข้าไม่แน่ใจว่าจะแปลได้ตรงนัก ข้าอยากจะเห็นข้อความในผนึกด้วยตัวเอง”
หยินมู่ขมวดคิ้ว
“เทพไม้คือเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์ข้าและเขาก็อ่อนแอมาก ข้าเกรงว่าจะให้คนนอกเข้าไปไม่ได้”
ซือหยูตอบ
“ย่อมได้แต่ข้าจะแปลตามคัมภีร์ หากมีสิ่งใดผิดพลาดก็อย่ามาโทษข้า”
หยินมู่ลังเลเขาจ้องซือหยูและถาม
“เจ้าแน่ใจจะว่าจะไม่ทำร้ายเทพไม้?”
ซือหยูชี้หน้าตัวเอง
“ข้าก็แค่ภูติระดับห้าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเทพไม้หรอก!”
“ก็ได้เราจะแหกกฎสักครั้งและให้เจ้าได้เจอกับเสพไม้ จงอย่าสัมผัสผนึก การสัมผัสผนึกจะทำให้เจ้าตาย อีกยังทำให้เทพไม้ลำบากอีกด้วย!”
หยินมู่เป็นห่วงเทพไม้อย่างมาก
“ข้ารู้แล้ว”
ซือหยูพยักหน้า
ไม่นานณ ที่แห่งหนึ่งลึกลงไปใต้ดิน ไม่รู้ว่าลึกเท่าใด ซือหยูรู้สึกว่าเขาเกือบจะทะลุทวีปจิวโจวลงไปแล้ว กำแพงไม้แข็งแกร่งทอดยาวในทุกทิศทางของความลึกใต้ดินนี้ มันกลายเป็นเขาวงกตที่ยากจะหลุดออกไป
“เพื่อซ่อนร่องรอยและเลี่ยงการถูกศัตรูตามล่าเทพไม้จมตัวเองลงสู่ส่วนลึกของทวีป กำแพงไม้ที่เจ้าเห็นก็คือปลายรากที่ขยายจากเทพไม้ มันคือส่วนที่บางที่สุด…”
หยินมู่กล่าว
ซือหยูตกตะลึง
“เทพไม้มีรากเท่าไหร่กันแน่?”
“นับไม่ถ้วน!มันปกคลุมทั่วใต้ดินทวีปจิวโจว! มันมีอยู่ทุกที่…”
หยินมู่กล่าว
ร่างกายของเทพไม้นั้นใหญ่จนน่ากลัวความกว้างขวางของทวีปจิวโจวเป็นแค่แผ่นดินเท่านั้น
ต่อมาความร้อนสูงของใต้ดินก็ปะทุ มันร้อนถึงขีดสุด ซือหยูต้องใช้พลังของแก่นเพลิงในการต้านความร้อนระดับนี้
หยินมู่แสบร้อนเล็กน้อยวงแสงสีเงินปรากฏรอบผิว มันเป็นพลังที่มีแต่อสูรเนรมิตรเท่านั้นที่จะปล่อยออกมาได้
“เจ้าไฟน่ารังเกียจ…”
หยินมู่พูดเบาๆเพราะไฟนั้นไหม้ไม้ ชาวเผ่าไม้ย่อมรังเกียจไฟอยู่แล้ว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามซือหยูก็มาถึงชั้นใต้ดินที่เป็นโลกแห่งเพลิง เมื่อมองครั้งแรก เขาไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากทะเลเพลิง
เพลิงนี้มีความร้อนจนน่าขนลุกพลังนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าวิบัติสวรรค์! แม้แต่อสูรเนรมิตรก็ไม่มีทางรอดหากตกลงไป!
“นี่คือส่วนลึกสุดของทวีปจิวโจวเงาสมุทรแห่งเพลิง มันคือแห่งกำเนิดพลังของทวีปด้วยเช่นกัน…”
หยินมู่อธิบาย
เพลิงใต้พิภพนี้เป็นแหล่งพลังงานของทวีปมันทำให้ทุกสิ่งได้เติบโต ถ้าหากเงาสมุทรแห่งเพลิงดับลง ทั้งทวีปจะเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็วและกลายเป็นดินแดนที่ถูกแช่แข็ง จมลงสู่ความเงียบเพราะความตาย
“เทพไม้อยู่ที่นั่น”
หยินมู่ชี้ไปยังส่วนลึกของทะเลเพลิงที่นั่นมีต้นไม้ทองคำหนาสามสิกศอกที่จมเงาสมุทรแห่งเพลิงอยู่ ต้นไม้ทองคำนี้ตั้งตระหง่านไร้การเคลื่อนไหว มิได้รับผลกระทบจากความร้อนโดยสิ้นเชิง
“นี่น่ะรึเทพไม้?”
มันแตกต่างจากต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ซือหยูจินตนาการไว้
หยินมู่ตอบ