ตอนที่ 468 ซีซีน้อยที่น่าสงสาร

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

ด้วยความสัตย์จริง เธอไม่ได้อยากให้หลิวเฉิงอวี่พาเธอมาโรงพยาบาลเลย แม้ว่าตามปกติเธอจะเป็นคนเปิดเผย เข้ากับคนได้ง่ายเวลาอยู่กับเพื่อนๆ แต่เธอมักอยากเข้าไปหลบอยู่ในกระดองเหมือนเต่าเวลาเจอคนที่เธอไม่ชอบ และหลิวเฉิงอวี่ก็จัดอยู่ในคนประเภทหลัง

 

 

เธอจึงรู้สึกโล่งอกอย่างยิ่งที่ได้เห็นหน้าเซียวส่า

 

 

“พี่ส่า พี่มาแล้ว!” ถังซีโอบแขนข้างที่ไม่เจ็บไปรอบคอเซียวส่า

 

 

เซียวส่ามองเธอด้วยความเป็นห่วง เขาเม้มปาก “เธอบาดเจ็บได้ยังไง เกิดอะไรขึ้น” เขาถามขณะอุ้มถังซีขึ้นบันไดไป แต่ก่อนที่ถังซีจะทันได้ตอบ เขาก็หันไปมองหลิวเฉิงอวี่ กล่าวว่า “ขอบคุณมากที่พาน้องสาวผมมาโรงพยาบาล ต่อจากนี้พวกเราจัดการกันเองได้ ลาก่อน”

 

 

หลิวเฉิงอวี่ซึ่งยังอยากจะอยู่ต่อทำหน้านิ่ว ส่วนถังซีก็หันไปมองเขา “ใช่ค่ะ พี่ส่าจะดูแลฉันเอง คุณกลับไปเถอะค่ะ ขอบคุณมาก”

 

 

หลิวเฉิงอวี่จึงได้แต่พยักหน้า “ก็ได้ คุณพักผ่อนให้หายเร็วๆ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ผมจะไปทวงความยุติธรรมให้คุณเอง” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วมองถังซี กล่าวด้วยความรู้สึกผิดว่า “เพราะถึงยังไง คุณก็ต้องมาเจ็บตัวเพราะผม”

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว หลังจากเขาจากไปแล้วเซียวส่าก็ถามถังซีด้วยความสงสัยว่า “นี่เธอบาดเจ็บเพราะไปตบตีกับเด็กผู้หญิงอื่นแย่งหลิวเฉิงอวี่เหรอ”

 

 

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้ เพราะคนแรกที่ถังซีโทรหาคือเขา ไม่ใช่เซียวจิ่ง เพราะเซียวจิ่งกับเฉียวเหลียงเป็นเพื่อนสนิทกัน!

 

 

เขาเองต้องยอมรับว่าโหรวโหรวสนิทกับเซียวจิ่งมากกว่าเขา ดังนั้น…

 

 

ถังซีชะงัก มองดูเซียวส่าด้วยความประหลาดใจ แล้วจึงกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เซียวส่ามองเธอด้วยสายตามีคำถาม ถังซีกล่าวพลางหัวเราะว่า “พี่ส่า พี่พูดเรื่องอะไรกัน ฉันเนี่ยนะจะไปตบตีกับผู้หญิงอื่นเพื่อแย่งหลิวเฉิงอวี่! เขาเกือบจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉันเลยนะ”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นล่ะ” เซียวส่าวางถังซีลงบนเตียงคนไข้ แล้วหมอศัลยกรรมคนหนึ่งก็เข้ามาทำการเย็บแผล เซียวส่าถามถังซีขณะมองสบตากับหมอ คุณหมอพยักหน้าอย่างเข้าใจกัน ในชั่วขณะที่ถังซีไม่ทันระวังตัว หมอก็ตัดแขนเสื้อถังซีออก แล้วฉีดยาชาเข้าที่แขนเธอ ถังซีร้องลั่นทันทีที่รู้สึกถึงความเจ็บ

 

 

“พี่สาวของเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งเป็นลูกสมุนเซียวจิ้นหนิง นักเรียนคนนั้นโกรธฉันเลยเข้ามาทำร้าย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก” ถังซีตอบ แล้วมองหน้าหมอซึ่งกำลังทำแผลให้เธออยู่ “คุณหมอคะ กรุณาเบาๆ หน่อยค่ะ เจ็บมากเลย!”

 

 

“เจ็บเหรอ” น้ำเสียงเย็นเยียบเสียงหนึ่งดังขึ้น

 

 

ถังซีผงกศีรษะขึ้นในทันที และเมื่อได้เห็นใบหน้าอันเย็นชาของเฉียวเหลียง เธอก็รู้ว่าต้องแย่แน่ๆ!

 

 

แต่เธอไม่ได้บอกเซียวจิ่งด้วยซ้ำนี่นา ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเฉียวเหลียงรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน ขณะพยายามนึกถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ถังซีก็หันมามองหน้าเซียวส่า ซึ่งกำลังยกนิ้วขึ้นถูจมูกด้วยท่าทางลำบากใจ “คือจริงๆ แล้ว พี่กำลังอยู่กับเฉียวเหลียง ตอนที่เธอโทรมา”

 

 

เขาอยู่กับเฉียวเหลียงอย่างนั้นหรือ

 

 

ทำไมล่ะ ถังซีหันกลับไปมองเฉียวเหลียง ในขณะเดียวกันกับที่เซียวจิ่งก็รีบร้อนเข้ามาในห้อง “เด็กผู้หญิงที่ชื่อเผิงอวี้โดนไล่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว และจะไม่มีโรงเรียนอื่นในประเทศจีนรับเธอเข้าเรียนอีกแล้วด้วย พ่อแม่เธออาจพยายามส่งเธอไปต่างประเทศ แต่เสียใจด้วย เพราะเราจะไม่เปิดโอกาส…”

 

 

ถังซียังคงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจากการโดนฉีดยาชา เมื่อเฉียวเหลียงเห็นสีหน้าที่บ่งบอกความเจ็บปวดของถังซี ความโกรธก็มลายหายไปในทันที หัวใจเขารู้สึกเจ็บปวดแทนเธอ เขารีบเข้าไปหาและโอบไหล่ถังซีไว้ “ไม่เป็นไรนะ”

 

 

ถังซีรู้สึกผิดนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเฉียวเหลียงเป็นห่วงเธอมาก จึงกระซิบว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บนะ ตอนเธอเข้ามาทำร้าย ฉันพยายามหลบเลยสะดุดล้ม อย่าโกรธฉันเลยนะคะ”

 

 

“ทำไมคุณถึงไม่บอกผมว่าได้รับบาดเจ็บ” เฉียวเหลียงเฝ้าดูหมอเย็บแผลทุกขั้นตอน เขานิ่วหน้า แล้วพยายามเยี่ยงเบนความสนใจของถังซี  

 

 

ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงอย่างเกรงๆ แล้วเม้มริมฝีปาก “ฉันไม่อยากให้คุณโกรธ”

 

 

เธอไม่อยากให้เขาโกรธอย่างนั้นหรือ

 

 

“ในอนาคตต่อจากนี้ไป ต้องบอกให้ผมรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณ ตกลงไหม ไม่อย่างนั้นผมจะโกรธจริงๆ” เฉียวเหลียงจ้องตาเธอ กล่าวด้วยเสียงแผ่วต่ำ “เข้าใจไหม”

 

 

ถังซีพยักหน้า “เข้าใจค่ะ”

 

 

“เอ้ย สองคนนี้จะออกนอกหน้าเกินไปหน่อยแล้ว เรายังอยู่ตรงนี้นะ!” เซียวจิ่งทนดูต่อไปไม่ไหว เมื่อเห็นทั้งคู่แสดงออกถึงความรักซึ่งกันและกันอย่างเปิดเผยอีกแล้ว! เขาตะเบ็งเสียง “ฉันจะแจ้งตำรวจ ถ้าพวกเธอยังทำแบบนี้กันอยู่อีก”

 

 

“โอ๊ย…” ถังซีนิ่วหน้า มองหน้าหมอศัลยกรรม “คุณหมอคะ ทำไมเจ็บมากอย่างนี้…” 

 

 

“ก็เพราะว่าแผลของคุณลึกมาก ก็เลย…” หมอกระแอม ก่อนจะพยายามอธิบายอย่างใจเย็น

 

 

 

 

ที่บ้านเผิงอวี้ ชายวัยกลางคนตบหน้าเผิงอวี้อย่างแรง ส่งเสียงคำรามว่า “นังลูกโง่! พี่สาวแกก็โง่ ตัวแกก็โง่! กล้าดียังไงถึงไปมีเรื่องกับคุณหนูตระกูลเซียว แกควรหาทางสนิทสนมกับเธอ ไม่ใช่ไปหาเรื่องเธอ! ตอนนี้แกดับอนาคตตัวเองไปแล้ว และอย่าหวังนะว่าฉันจะช่วยแกได้!”

 

 

“แต่พี่สาวก็โดนไล่ออกเพราะนังผู้หญิงคนนี้ มันทำลายชีวิตพวกเรา แล้วพ่อจะให้หนูไปสนิทสนมกับมันได้ยังไง!” เผิงอวี้ยกมือกุมใบหน้า จ้องมองบิดาอย่างโกรธเกรี้ยว “หนูไม่เสียใจเลยที่ทำไปแบบนั้น แต่ที่หนูเสียใจคือไม่ได้ฆ่ามันให้ตายไปเสียเลย!”

 

 

“แกเสียสติไปแล้วหรือไง!” ชายคนนั้นตบหน้าเธออีกฉาดใหญ่ “แกเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถ้าแกไปฆ่าเขา เราทั้งหมดนี่แหละจะต้องตาย!”

 

 

“พอได้แล้ว!” หญิงวัยกลางคนซึ่งนั่งกุมขมับอยู่ใกล้ๆ จู่ๆ ก็ลุกขึ้น กล่าวทั้งน้ำตาอาบหน้าว่า “จะเถียงกันไปทำไม จำที่ผู้ชายพวกนั้นพูดวันนี้ไม่ได้หรือ อวี้อวี้อายุสิบเก้าแล้ว เขาเอาผิดลูกได้ตามกฎหมาย พวกเขาบอกว่าจะแจ้งความจับลูก ทำไมเราไม่มาปรึกษากันล่ะว่าต้องทำยังไงถึงจะช่วยลูกได้”

 

 

เผิงอวี้รู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้ยินเช่นนี้ มือเธอสั่นระริกขณะกรีดร้อง “แม่คะ พ่อคะ ต้องช่วยหนูนะ หนูไม่อยากติดคุก!”

 

 

“เพิ่งจะมากลัวงั้นเหรอ” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “สายไปหน่อยไหม! แกเพิ่งจะพูดอยู่เมื่อกี้ว่า แกไม่เสียใจในสิ่งที่ทำลงไปไม่ใช่เหรอ!”