ส่วนที่ 4 ตอนที่ 114.1 หินแปลกจากคนประหลาด (1)

ความลับแห่งจินเหลียน

จ่านป๋ายและซีเหมินจินเหลียนเดินไปที่เคาน์เตอร์ของงานเดิมพันหินใหญ่เพื่อจัดการเรื่องการวางเดิมพัน ในขณะที่ทั้งคู่เดินกลับมา จ่านป๋ายก็ดึงแขนเสื้อซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดขึ้น “จินเหลียน คุณดูนั่น ผู้หญิงคนนั้นแหละ…”

 

ซีเหมินจินเหลียนหันหน้าไปมอง สายตากวาดไปที่คนที่อยู่ในห้องจัดนิทรรศการ ระยะไม่ไกลกว่าเธอเท่าไหร่ สิ่งที่จ่านป๋ายพูดพรรณนามาไม่ผิดเพี้ยนสักนิด เป็นคุณนายจริงๆ มองดูแล้วอายุน่าจะราวๆ ห้าสิบกลางๆ แต่ความจริงอายุน่าจะมากกว่านี้ไปอีก แต่เป็นเพราะว่าการดูแลบำรุงอย่างดี บวกกับเสื้อผ้าที่ทันสมัย การแต่งกายถูกต้องเหมาะสม ทำให้คนที่พบเห็นรู้ได้เลยว่ามาจากตระกูลผู้สูงศักดิ์และสูงส่ง…

 

“ถ้าหากเธออายุแค่สามสิบ ก็คงดูคล้ายคุณมากเลยใช่ไหม” จ่านป๋ายพูดขึ้น

 

นิ้วมือของซีเหมินจินเหลียนแข็งทื่อ เธอไม่ได้ยินที่จ่านป๋ายพูดอะไรที่ข้างหูของเธอ แต่จดจ้องไปที่คุณนายผู้สูงส่งคนนั้น หัวมุมที่ตาราวกับมีน้ำใสๆ ไหลลงมา คิดถึงความทรงจำที่ปิดกั้นมานาน ไม่นานก็เหมือนเปิดประตูเขื่อนให้น้ำท่วมไหลทะลักพร่างพรูออกมา…

 

“จินเหลียน…จินเหลียน…คุณเป็นอะไรไปครับ?” จ่านป๋ายใช้มือเขย่าไปที่ไหล่ของเธอไปมาเพื่อเรียกสติ

 

ในที่สุดสติที่เหม่อลอยของเธอก็กลับเข้ามา มองจ่านป๋ายไปด้วยความมึนงงและถึงพูดขึ้นมาว่า “เธอยังมีชีวิตอยู่…เธอยังมีชีวิตอยู่?”

 

“จินเหลียน คุณรู้จักเธอเหรอ” จ่านป๋ายถามอย่างสงสัย ซีเหมินจินเหลียนเกิดในครอบครัวที่ยากจนในชนบท เธอไม่น่าจะไปรู้จักอะไรกับคุณนายผู้สูงศักดิ์เช่นนั้นนี่

 

“ใช่ เมื่อตอนที่ฉันยังเด็กมากๆ ฉันเคยเห็นเธอ” ซีเหมินจินเหลียนกัดฟันพูด “เดิมทีฉันคิดว่าน่าจะเป็นความฝันที่เลือนราง เมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่เหลืออะไรสักอย่าง แต่มันไม่ใช่ฝันจริงๆ แต่เป็นความจริง กลับกันปีที่ผ่านมานี้ ฉันต่างหากที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในความฝัน…”

 

“เธอเป็นใครกันครับ” จ่านป๋ายถามอย่างสงสัย       

 

“ฉันก็ไม่รู้” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ฉันรู้แค่ คุณพ่อคุณแม่ของฉันถูกเธอทำร้ายจนตาย”

 

“อะไรนะ?” จ่านป๋ายสีหน้าตกตะลึง พ่อแม่ของซีเหมินจินเหลียนมีความสัมพันธ์กับคุณนายผู้สูงศักดิ์คนนี้?

 

“คนทุกคนต่างมีพ่อมีแม่ แน่นอนฉันก็เองก็มี ทำไมคุณถึงไม่เคยถามฉันเลยว่าพ่อแม่ของฉันไปไหน หรือไม่ก็พ่อแม่ของฉันทำไมถึงจากไปตั้งแต่วัยหนุ่มสาว คุณก็รู้ว่าคุณย่าเป็นคนเลี้ยงฉันมา” ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจเข้าไปอย่างลึก และพยายามควบคุมอารมณ์ความตื่นเต้นที่ครอบคลุมในใจ

 

“จินเหลียน ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็จะสนับสนุนคุณทั้งนั้น!” จ่านป๋ายประคองไหล่เธอไว้แล้วกระซิบพูด “ถึงถ้าคุณอยากจะฆ่าเธอ ผมก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ!”

 

“ฆ่าเธออย่างนั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนยกมุมปากแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย เธอเก็บมันมานานตั้งหลายปี ตอนนี้ความทรงจำที่เลวร้ายในใจก็ควบคุมไว้ไม่อยู่แล้ว “อย่างนั้นก็คงปราณีเธอไปหน่อย! เสี่ยวป๋าย ฉันรู้ว่าคุณมีวิธี ลองหาประวัติความเป็นมาของเธอก่อนเถอะ”

 

“ได้ ไม่มีปัญหา” จ่านป๋ายยิ้ม “เรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะนะ” ในขณะที่พูด เขาก็กระซิบขึ้นที่ข้างหูของเธอ จากนั้นรีบเร่งเดินไปทางอีกฝั่งของห้องจัดนิทรรศการ

 

“จินเหลียน ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่? ผมตามหาตั้งนาน” เมื่อจ่านป๋ายเพิ่งจะออกไปจากตรงนี้ จ่านมู่ฮวาก็รีบเร่งเดินเข้ามาถามพร้อมรอยยิ้ม “คุณกับมู่หรงคุยอะไรกันเหรอ หรือว่ามีอะไรที่บอกผมไม่ได้?”

 

“พวกเรากำลังปรึกษากันว่าจะทำลายทรัพย์สินหรือชีวิตของใครบางคนยังไงดี คุณเชื่อไหม?” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างเจ้าเล่ห์

 

“ถ้าหากเป็นเขาผมก็เชื่อแน่ แต่ถ้าเป็นคุณ ผมไม่เชื่อหรอก คุณก็จิตใจงดงามขนาดนี้!” จ่านมู่ฮวารีบตบหัวแล้วลูบหลัง

 

จิตใจดีเหรอ? งดงามเหรอ? นั่นเป็นคำที่ใช้ก่อนหน้านี้ แต่จากนี้เป็นต้นไปเธอยินดีที่จะใช้ชีวิตตกต่ำลงมาสู่ห้วงแห่งความชั่วร้าย

 

“คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

“คืออย่างนี้ครับ!” จ่านมู่ฮวาพูด “ตอนนี้เวลายังเหลือเวลาก่อนงานเดิมพันหินใหญ่อยู่สักระยะ พวกเราก็ไปนั่งด้านหลังดีไหม ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

 

“ฉันไม่ไปค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบปฏิเสธตัดวาจาขึ้น

 

“เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ นะ” จ่านมู่ฮวาพูด

 

“ฉันควรจะต้องเชื่อคุณเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนย่นคิ้วขึ้นถาม จู่ๆ เธอก็เชยคางขึ้นมาถามอีก “คนคนนั้น คุณรู้จักไหม?”

 

“ใครกัน?” จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปทันควัน และมองไปทางสายตาที่ซีเหมินจินเหลียนมองไป ทันใดนั้นคิ้วขมวดขึ้นเป็นปม เธอมาได้อย่างไร?

 

“จินเหลียน ไม่น่าล่ะตอนแรกที่ผมเห็นคุณ ถึงได้มีความรู้สึกว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน ที่แท้คุณกับเธอก็คล้ายกันมาก ถ้าหากคุณนายอวิ๋นยังเป็นสาววัยสามสิบ เธอคงจะเหมือนคุณมากจริงๆ!” จ่านมู่ฮวาส่งเสียงขึ้นอย่างตกใจ

 

“คุณนายอวิ๋น?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างเคลือบแคลงใจ

 

“คุณน่าจะรู้ว่าตระกูลอวิ๋นทำธุรกิจขายเพชร ตระกูลอวิ๋นและตระกูลซูเป็นคนคร่อมวงการโลกอัญมณีนี้มาตลอด” จ่านมู่ฮวาพูดอธิบาย “เดิมทีผมก็เสนอเพชรจำนวนหนึ่งไปให้ทางตระกูลอวิ๋น แต่ตอนนี้คุณต้องการมัน เพราะฉะนั้นเราเลยเกือบจะผิดใจกันแล้ว”

 

“แต่ยังไงตอนนี้ก็เป็นของฉันแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

“ตอนที่ผมอยู่ทางหนานเฟย มีเหมืองเพชรอยู่สามแห่ง ถ้าอนาคตคุณว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ผมจะพาคุณไปขุดเพชรสนุกๆ หน่อยเป็นยังไง” จ่านมู่ฮวาพูด

 

ซีเหมินจินเหลียนฟังแล้วใจก็เต้นแรงไม่หยุด สำหรับเพชรมีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบบ้าง? การขุดเพชรกลายเป็นเรื่องสุดแสนโรแมนติกไปแล้วเรื่องหนึ่ง? ถ้าโชคดีสามารถไปดูเหมืองกำเนิดเพชรได้ แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่น่ายินดี ในที่สุดเธอก็เข้าใจได้ ไม่น่าล่ะเพชรที่จ่านมู่ฮวาให้เธอดูเหมือนจะสวยกว่าเพชรตามงามนิทรรศการอัญมณีเสียด้วยซ้ำ คนคนนี้ก็มีเหมืองเพชรนี่เอง

 

“ทางคุณคงกวาดกินเพชรของผมไปไม่หมดหรอก เพียงแต่ผมจะให้ราคาที่ถูกกับคุณ ส่งผลให้ทางนั้นไม่พอใจขึ้นมาก็แค่นั้น” จ่านมู่ฮวาพูดต่อ

 

“ตระกูลอวิ๋นนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณหนูอวิ๋นเจียเพื่อนสาวสนิทคนนั้นของฉินเฮ่าหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย

 

“มีสิ!” จ่านมู่ฮวาพูด “ก็เป็นตระกูลของพวกเขาไง คุณคิดว่ายังมีตระกูลอวิ๋นที่ไหนอีก? ใช่สิ ผมเกือบลืมเรื่องสำคัญไปแล้ว คุณนายซูก็อยากจะเชิญคุณไปร่วมเดิมพันสักรอบ”

 

“เดิมพันอะไรกัน” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความไม่เข้าใจ

 

“เดิมพันหินใหญ่ในคืนพรุ่งนี้” จ่านมู่ฮวาพูด “เมื่อคืนหินก้อนนั้นของบริษัทหมิงเยว่มีคนเล่นสกปรกจริง จินเหลียน คุณดูไม่ผิด หินก้อนนั้นเปิดออกมาเป็นหินสีขาวจริงๆ…”

 

“อืม” ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าตนเองไม่มีทางที่จะดูผิดแน่ เธอมีความสามารถในการมองทะลุผ่าน ในการเดิมพันหินน่าจะยืนหนึ่งอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว

 

“หินก้อนนั้น คุณนายซูก็ได้เล่นตุกติกจริงๆ ผมก็ขี้เกียจจะฉีกหน้าเธอแล้ว เพราะคิดดูแล้วเป็นเพื่อนร่วมสายงานกันทั้งนั้น เลยไว้หน้าเธอบ้าง แต่ติดใจก็แต่เงินของพวกเราที่ไม่ได้รับการชดเชย คุณว่าถูกไหม?” จ่านมู่ฮวาพูด

 

“คุณไปหาเธอเพื่อเรียกร้องเงินมาเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนไม่เพียงแต่ยิ้มฝืน “ที่เธอเล่นสกปรกก็เพราะไม่อยากจะชดใช้เงิน คุณก็โง่หรือยังไง? ไปหาเธอเพื่อเรียกเงินเนี่ยนะ?”

 

จ่านมู่ฮวาลูบมือแล้วพูด “คนอื่นผมจะไม่สนใจ แต่นี่เธอเอาเปรียบผมเรื่องเงิน แน่นอนว่าผมไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เงินนี้ก็ชั่วจริงๆ คนที่ไม่มีเงิน มันแย่กว่าสารเลวอีก”

 

 ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคนรวยที่ไม่เคยตกระกำลำบาก หรือคนที่ไม่เคยจนมาก่อน จะรู้ถึงความสำคัญของเงินได้อย่างไร?

 

“ผู้หญิงคนนั้นแม้ว่าจะดูมีพิษสักหน่อย แต่ก็จัดการเรื่องอย่างรวดเร็ว แค่ครู่เดียวเธอก็ยอมรับออกมาแล้ว แต่ว่าเธอก็ขอเดิมพันกับคุณอีกรอบ ถ้าพวกเราชนะ เธอจะนำเงินมาให้พวกเรา แต่ถ้าพวกเราแพ้เธอก็จะเพิกเฉย” จ่านมู่ฮวาพูด

 

“เดิมพันครั้งนี้คงจะไม่ง่ายสินะ?” ซีเหมินจินเหลียนนิ่งไปชั่วครู่ก่อนถามขึ้นมา

 

“เดิมพันทรัพย์สิน!” จ่านมู่ฮวาทำเสียงเหอะใส่ “ความโลภของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ”

 

“เดิมพันทรัพย์สิน?” ซีเหมินจินเหลียนอึ้งไป ไม่นานก็พูดขึ้น “เดิมพันบริษัทจินเหลียนกับบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่?”

 

“ความตั้งใจแรกเริ่มของเธอก็เป็นอย่างนั้น!” จ่านมู่ฮวาพูด “แต่บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่อยู่ในเครือหุ้นส่วน เธอไม่สามารถตัดสินใจได้เองทั้งหมด ถ้าหากจะเดิมพันลงไปทั้งหมด อย่างน้อยต้องเปิดประชุมหุ้นส่วนกันก่อน ส่วนบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ก็อยู่ในนามหุ้นส่วน ถึงในความจริงจะเป็นธุรกิจส่วนตัวของคุณ นอกจากนี้บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ไม่ได้อยู่ในตลาด เรื่องนี้มีข้อแตกต่างไปจากบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ เพราะฉะนั้นถ้าจะเดิมพัน คุณจะเสียเปรียบเยอะมาก”

 

“ฉันก็รู้สึกว่าเสียเปรียบเช่นกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันไม่รู้เลยว่าบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่มีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่ สามารถเทียบกับบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ที่ยังไม่ได้ตีสู่ตลาดหรือเปล่า” เพราะว่าถ้าหากจะวางเดิมพันลงไปทั้งหมด นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการนำหยกราชางูไปเดิมพันด้วย อันอื่นยังพอว่า ถึงจะแพ้หมดตัวเธอก็สามารถสร้างตัวขึ้นมาได้ใหม่ แต่ถ้าหากแพ้หยกราชางูไปด้วย เธอจะไปหาหยกแบบนี้อีกสักก้อนได้จากที่ไหน

 

“เธอยืนกรานอยากจะเดิมพันกับคุณ เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่าจะช่วยคุณสักหน่อย เธอวางเดิมพันเป็นหุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่สิบห้าเปอร์เซนต์ ส่วนผมจะวางเดิมพันเป็นหุ้นของเหมืองเพชรสิบห้าเปอร์เซนต์” จ่านป๋ายพูดอย่างขมขื่น

 

“ฉันปฏิเสธไม่ได้เลยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ทำไมฉันต้องไปเดิมพันกับเธอด้วย ที่นี่เป็นงานประมูลของเธอ เธอเป็นคนจัดงาน ในเมื่อหินหยกก้อนนั้นของบริษัทหมิงเยว่จิวเวอรี่เธอยังสามารถเล่นสกปรกได้ แล้วถ้าหากภายในการเดิมพันหินใหญ่นี้เธอเล่นอะไรขึ้นมาอีก ฉันก็คงต้องแพ้จนก็ไม่เหลือเลย?”

 

“จินเหลียน นี่เป็นที่ของผม!” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างชัดเจน “คลับหยกนี่เป็นของผม”

 

“ฉันรู้ แต่เธอเป็นผู้จัดงานของนิทรรศการหยกนะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “แถมถ้าเธอบอกว่าเดิมพัน เราก็ต้องเดิมพันน่ะเหรอ นี่วัดจากอะไรกัน?”

 

“จินเหลียน” ในขณะที่ทั้งสองคุยกันอยู่ จู่ๆ จ่านป๋ายก็พุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน

 

“เกิดอะไรขึ้น” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ

 

จ่านป๋ายไม่สนใจจ่านมู่ฮวา เข้าไปกระซิบข้างหูเธอไม่กี่ประโยค ซีเหมินจินเหลียนก็ขมวดคิ้วขึ้นและพยักหน้าตาม

 

“ได้ข่าวอะไรมาอีก” จ่านมู่ฮวาถามอย่างหมดอารมณ์

 

“ฉันไม่รู้ว่าระหว่างคุณกับคุณนายซูจะมีข้อตกลงอะไรกัน แต่ตอนนี้คุณสามารถไปบอกเธอได้เลยว่า การเดิมพันหินใหญ่ในวันพรุ่งนี้ฉันตกลงจะเดิมพันกับเธอ” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็พูดขึ้น

 

“หา?” จ่านมู่ฮวาไม่เข้าใจ ระหว่างเขาและคุณนายซูมีข้อตกลงกันจริงๆ แต่จากภาพรวมทั้งหมดเขาก็ทำเพื่อซีเหมินจินเหลียนทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นถึงพรุ่งนี้ซีเหมินจินเหลียนจะแพ้ แต่ก็แพ้ที่ธุรกิจที่บ้านของเขา บริษัทจินเหลียนของเธอไม่ได้เสียหายไปแม้แต่ปลายเล็บ

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดไปมาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ถ้าหากวันพรุ่งนี้ฉันชนะ หุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่สิบห้าเปอร์เซนต์ทั้งหมดจะเป็นของคุณคนเดียวเท่านั้น เพราะว่าทรัพย์สินในการเดิมพันเป็นของคุณ ฉันเพียงแค่ช่วยคุณอยู่ด้านหลังเท่านั้น”

 

“ถ้าหากชนะจริง หุ้นก็แบ่งให้เท่ากันก็ได้ แต่ถ้าแพ้ผมจะเป็นคนแพ้เอง รับรองว่าจะไม่ทำให้คุณเสียหายแม้แต่น้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณจะให้ผมทำอะไร” จ่านมู่ฮวามองไปที่จ่านป๋ายแล้วถามขึ้น เขาสามารถไม่ระวังตัวจากซีเหมินจินเหลียนได้แต่กลับจ่านป๋ายไม่ได้อย่างแน่นอน