“เอาหล่ะ, ตอนนี้พักก่อนเถอะดยุค”

 

ตอนนี้ฉันอยู่ที่จุดพักใกล้ๆด้วยกันกับเยอร์เกน

 

แต่เดิมนั้นที่แห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นหนึ่งในจุดพักชั่วคราวระหว่างทาง แต่ตอนนี้มันทำหน้าที่เป็นจุดพยาบาล

 

อัศวินที่สภาพเละเทะเข้าออกที่แห่งนี้ในขณะที่รับการรักษาที่จำเป็นสำหรับพวกเขา

 

“ขอโทษนะครับ…..องค์ชาย…..”

 

“ท่านขอโทษเรื่องอะไร?”

 

“องค์ชายคงจะอยากไปอยู่เคียงข้างน้องชายแน่ๆ…..ทั้งหมดมันเป็นเพราะตัวข้านั้นอ่อนแอเกินไป”

 

“อ่อนแอหรอ? ท่านเนี่ยนะ?”

 

เยอร์เกนที่นอนอยู่ในกระท่อมพร้อมกับถูกถอดชุดเกราะออกแล้วทำสีหน้าเจ็บปวด

 

ฉันทำได้แค่ยิ้มให้กับคำพูดของเขา

 

คงจะไม่มีใครพูดออกมาได้หรอกว่าเยอร์เกนอ่อนแอ

 

“ท่านก็ถ่อมตัวเกินไปครับ ถ้ามีใครกล้าหัวเราะเยาะท่านคงจะถูกท่านพี่ฆ่าตายแน่ๆ”

 

“แต่ว่า…..องค์ชายครับ….”

 

“ข้าไม่เป็นไรหรอก ถ้ามันทำให้ท่านพี่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ข้าก็คิดว่าหน้าที่ของข้าได้สำเร็จลุล่วงแล้วด้วยการอยู่ที่นี่”

 

ในตอนที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นเยอร์เกนก็ตอบกลับมาว่า ‘งั้นหรอครับ’ แล้วก็ค่อยๆหลับตาลง

 

บางทีเขาคงจะถึงขีดจำกัดแล้วเพราะเขาลุยมาตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้นอนเลย

 

“ขอบใจนะ, ท่านดยุค คงจะอีกไม่นานหรอกที่ข้าจะได้เรียกท่านว่าพี่เขย”

 

ฉันพูดแบบนั้นกับเยอร์เกนที่กำลังหลับอยู่แล้วลุกขึ้นยืน

 

โชคดีที่, อัศวินของเยอร์เกนที่กระจัดกระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว

 

ฝากที่เหลือเอาไว้กับพวกเขาก็แล้วกัน

 

ฉันออกมาจากกระท่อมที่เยอร์เกนพักอยู่แล้วมุ่งหน้าไปยังกระท่อมที่จัดเตรียมไว้ให้ฉัน

 

ที่นั่น, ฉันได้ร่ายบาเรียที่ทำให้ผู้คนไม่สนใจและสร้างภาพลวงตาของตัวเองกำลังนอนอยู่เอาไว้ข้างใน

 

บาเรียกันคนนั้นไม่ค่อยได้ผลในตอนที่รักษาสภาพของมันจากระยะไกลแต่มันก็น่าจะได้ผลดีพอกับคนที่เหนื่อยล้าเหล่านี้ และเหนือสิ่งอื่นใด, ที่นี่ไม่น่าจะมีใครที่เข้ามาในห้องของเจ้าชายโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่เนื่องจากเยอร์เกนอาจจะเข้ามาในตอนที่เขาตื่น, ฉันก็เลยสร้างภาพลวงตาเผื่อเอาไว้ก่อน ตอนนั้นฟีเน่เองก็เคยเข้ามาในห้องของฉันดังนั้นฉันจะต้องระวังคนบ้านดยุคให้มากกว่านี้

 

ด้วยความคิดนี้เอง, ฉันก็เคลื่อนย้ายจากกระท่อมไปยังห้องลับที่เมืองหลวงของจักรวรรดิ

 

ที่นั่น, พ่อบ้านของฉันกำลังรออยู่ราวกับคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าฉันจะมา

 

“ยินดีต้อนรับกลับครับ, ท่านอาร์โนลด์”

 

“การเตรียมการเรียบร้อยแล้วสินะ?”

 

“แน่นอนครับ”

 

“ดีเลย ไปกันเถอะ, ถึงเวลาเคลื่อนไหวในเงามืดแล้ว”

 

พอพูดจบ, ฉันก็สวมเสื้อคลุมและหน้ากากเงินตามปกติของฉัน, แล้วเปลี่ยนเป็นซิลเวอร์

 

….

 

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

 

“ดูเหมือนว่าจะมีลูกบอลสีดำปริศนาปรากฎขึ้นทางใต้และมีมอนส์เตอร์ประเภทอันเดดจำนวนมากแห่กันออกมาครับ”

 

“แล้วลีโอเป็นยังไงบ้าง?”

 

“ตามข้อมูลที่ได้มาจากกิลด์นักผจญภัย, เขายังปลอดภัยดีอยู่ และองค์ชายลีโอนาร์ดก็ได้ขอให้ทางกิลด์ออกเรดเควสเพื่อต่อกรกับภัยคุกคามมอนส์เตอร์ด้วยครับ”

 

“เรดเควสหรอ? เข้าใจหล่ะ ต้องเป็นความคิดของลินเฟียแน่ๆ”

 

ดูเหมือนว่าเธอจะอยากใช้เงินที่ฉันให้ไปแล้วสินะ

 

ฉันคิดถูกจริงๆที่ให้เงินนั้นกับเธอ

 

ความรู้นักผจญภัยของเธอนี่มีประโยชน์จริงๆนะ

 

“แล้วท่านพี่ตอบสนองยังไงบ้าง?”

 

“คือว่า….เรื่องนั้นมีปัญหาอยู่ครับ จักรพรรดิออกคำสั่งให้กองทัพและลอร์ดที่อยู่ในระแวกส่งกำลังเสริมไปให้องค์ชายลีโอนาร์ดแต่ว่าจักรพรรดิไม่ได้เรียกระดมพลอัศวินหลวงเลย”

 

“มีอะไรเกิดขึ้นในตอนที่พวกเขาช่วยคริสต้ากับริต้าใช่ไหม?”

 

“…..ทำไมท่านถึงคิดว่าทั้งสองคนได้รับการช่วยเหลือหล่ะครับ?”

 

“เอลน่าไม่ทำให้ข้าผิดหวังหรอก ในตอนที่คริสต้าเห็นความตายของคนแบบเฉพาะเจาะจง, อนาคตนั้นจะแทบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อนานมาแล้ว, ในตอนที่คริสต้าเห็นความตายของคนใช้, ข้าก็ดูแลความปลอดภัยของเธอด้วยการให้เข้าไปอยู่ในบ้านพร้อมกับร่ายบาเรียคุ้มกันให้เธอด้วย แต่ในท้ายที่สุดนั้น, ฉากที่คริสต้าเห็นก็กลายเป็นความจริง การที่ข้าปกป้องคนใช้นั้นได้รวมอยู่ในภาพนิมิตของเธอด้วย ไม่ว่าข้าจะเคลื่อนไหวยังไง, ฉากที่เธอเห็นก็จะกลายเป็นจริง นี่คือสาเหตุที่ข้าทิ้งคนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าคิดได้ให้อยู่กับเธอ เอลน่าน่าจะสามารถทำอะไรซักอย่างได้ด้วยพลังของเธอ”

 

“แบบนี้เองสินะครับ ท่านคิดถูกแล้วหล่ะ ทั้งองค์หญิงคริสต้าและริต้าปลอดภัยดี”

 

ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของเซบาสอย่างเงียบๆ

 

มันเป็นเรื่องดีที่ฉันไม่ได้บอกเธอว่าอนาคตจะกลายเป็นจริงทุกครั้ง

 

ไม่ว่าเธอจะเคลื่อนไหวยังไง, ถ้าเธอรู้ล่วงหน้าว่าอนาคตจะกลายเป็นจริง, เธอก็จะไม่สามารถทำอะไรห่ามๆได้ เหตุผลก็คือว่าเธอจะจบลงด้วยการกังวลว่าการกระทำของเธอนั้นจะนำไปสู่ความตายของริต้ารึเปล่า และถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็คงจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้

 

นี่คือเหตุผลที่ฉันเดิมพันกับเอลน่า

 

ถ้าเป็นเอลน่าหล่ะก็, ฉันคิดว่าเธอจะสามารถทำอะไรซักอย่างได้

 

“แต่ว่า, ท่านเอลน่าถูกปลดออกจากภาคีอัศวินหลวงเพราะเธอถูกตั้งข้อหาว่าเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยขององค์หญิงคริสต้า เธอถูกสั่งให้กักตัวอยู่ในคฤหาสน์ด้วย นี่คือสาเหตุที่จักรพรรดิเรียกรวมพลอัศวินหลวงไม่ได้ครับ”

 

“เข้าใจหล่ะ…..เอลน่าโดนแบบนั้นสินะ….ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ข้าคงต้องไปชดเชยให้เธอแล้วหล่ะ แต่ท่านพ่อเลือกให้ความสำคัญกับการป้องกันปราสาทหรอเนี่ย เอาเถอะ, ช่วยไม่ได้เจ้าหญิงพึ่งจะถูกลักพาตัวไปนี่นะ”

 

“ว่าแล้วเชียว, สถานที่ที่ท่านอาร์โนลด์ฝากความหวังเอาไว้มากที่สุดก็คือกิลด์นักผจญภัยสินะครับ”

 

“ว่าแล้วเชียว?”

 

เซบาสพยักหน้าอย่างเงียบๆในขณะที่ฉันทวนคำพูดของเขา

 

ดูเหมือนว่าเขาจะมองสิ่งที่ฉันคิดออกสินะ

 

แน่นอนว่า, ฉันไม่ได้ตั้งใจจะยืมพลังของจักรวรรดิ

 

ถึงยังไงจักรวรรดิก็ใหญ่โต ฉันไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่ามันจะสามารถตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว ในฐานะสมาชิกราชวงศ์, ฉันรู้เรื่องนี้ดี แค่เพราะมีเหตุผิดปกเกิดขึ้นทางใต้มันก็ไม่ได้หมายความว่ากองทัพจะพร้อมลุยในทันที

 

ในกรณีของการแทรกแซงจากต่างประเทศกองทัพคงจะถูกส่งไปที่ชายแดนในทันทีแต่ว่าการตอบสนองของพวกเขาต่อเหตุฉุกเฉินภายในนั้นเชื่องช้า

 

คนที่ควรตอบสนองต้องเป็นรัฐบาลกลางหรือกองทัพเขตใต้ดีหล่ะ เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่ยากต่อการตัดสินใจ

 

เนื่องจากคำสั่งของจักรพรรดินั้นไม่สามารถถ่ายทอดได้ในทันที, ดังนั้นช่วงเวลาที่คำสั่งล่าช้าก็ถือว่าเป็นปัญหาแล้ว แถมระยะทางระหว่างเมืองหลวงจักรวรรดิกับชายแดนใต้ก็ไกลมาก

 

สำหรับแง่นี้, นักผจญภัยจะยืดหยุ่นกว่า ในกรณีแบบนี้, พวกเขาดูน่าเชื่อถือกว่ากองทัพหรืออัศวินของลอร์ดท้องถิ่น

 

“ก็นะ, ข้าฝากความหวังเอาไว้กับนักผจญภัยจริงๆนั่นแหล่ะแต่เจ้ารู้ได้ยังไง?”

 

“ท่านฟีเน่บอกว่าท่านอาร์โนลด์จะทำแบบนี้อย่างแน่นอนเธอก็เลยชิงเคลื่อนไหวไปก่อนแล้วครับ ตอนนี้เธอกำลังเรียกร้องให้นักผจญภัยในเมืองหลวงและที่อยู่ในระแวกเข้าร่วมเรดเควสเพื่อองค์ชายลีโอนาร์ด”

 

“ฟีเน่เนี่ยนะ?”

 

“แต่เธอไม่ได้มีหลักเหตุผลในตอนที่เธอพูดออกมานะครับ……”

 

“ก็สมกับเป็นเธอหล่ะนะ ข้าสามารถคาดหวังนักผจญภัยในกิลด์ได้รึเปล่า?”

 

เซบาสพยักหน้า

 

ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะไวขึ้น

 

มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางใต้แต่ถ้าฉันสามารถพานักผจญภัยจากสาขาเมืองหลวงจักรวรรดิไปด้วยได้มันก็จะช่วยได้อย่างมาก

 

“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”

 

“ได้ครับ เรื่องการคุ้มกันท่านฟีเน่ไว้ใจข้าได้เลย”

 

ฉันบอกกับเซบาสว่าฉันขอฝากเธอเอาไว้กับเขาแล้วเคลื่อนย้ายไปที่ทางเข้ากิลด์

 

คนที่อยู่ในระแวกนั้นพากันตกใจเนื่องจากจู่ๆฉันก็ปรากฎตัวขึ้นแต่ฉันไม่สนใจพวกเขาแล้วเข้าไปในกิลด์

 

อย่างไรก็ตาม, ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ก็มีเสียงนึงดังมาจากข้างในกิลด์ มันคือเสียงที่ตอนนี้กำลังเผยแพร่ทั่วทั้งเมืองหลวง

 

[ถึงทุกท่านที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงจักรวรรดิ ชื่อของข้าคือฟีเน่ ฟ็อน ไคลเนลต์ ตอนนี้, กิลด์นักผจญภัยกำลังมองหานักผจญภัยที่เต็มใจเข้าร่วมเรดเควสเพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินทางใต้ ได้โปรดเถอะค่ะ, ข้าอยากให้นักผจญภัยทุกท่านที่ได้ยินเสียงนี้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ มีผู้คนกำลังทุกข์ทรมานอยู่ทางใต้ พวกเราต้องการความช่วยเหลือของท่านเพื่อช่วยพวกเขา]

 

สุนทรพจน์ของฟีเน่ดังก้องไปทั่วเมืองหลวง

 

ในตอนที่ได้ฟังนั้น, ฉันก็ยิ้มออกมา

 

สมกับเป็นเธอจริงๆ ไม่ใช่คำสั่ง, แค่ความปราถนาจากใจจริงก็สามารถเคลื่อนไหวผู้คนได้แล้ว

 

“นี่คือประกาศจากกิลด์ ตอนนี้, สถานการณ์เป็นอย่างที่ท่านฟีเน่อธิบายไป, ตอนนี้กิลด์กำลังออกเรดเควส เควสนี้มีชื่อว่า ‘ความช่วยเหลือของนกนางนวลสีน้ำเงิน’ นักผจญภัยแรงค์ B ขึ้นไปสามารถเข้าร่วมภารกิจนี้ได้! นี่คือเรดเควสครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้ออกมานาน! มันถึงเวลาสร้างโชคให้ตัวเองแล้ว! เชิญมาเข้าร่วมได้เลยค่ะ!”

 

นี่ต้องมาจากพนักงานต้อนรับกิลด์แน่ๆ

 

และนี่ก็เป็นประชาสัมพันธ์ที่ดีสำหรับพวกเขาด้วย

 

แต่ว่า, ความช่วยเหลือของนกนางนวลสีน้ำเงินเนี่ยนะ? กิลด์เป็นคนที่ตัดสินใจตั้งชื่อภารกิจก็จริงอยู่แต่นี่มันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ

 

เอาเถอะมันอาจจะฟังดูดีสำหรับนักผจญภัยที่ชอบเกาะกระแสก็ได้

 

พวกเขาน่าจะมีความสุขที่จะได้มีโอกาสต่อสู้เพื่อเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินด้วย

 

“เหวอ? แม้แต่ซิลเวอร์ก็มาอยู่ที่นี่ด้วยหรอ? งานนี้ต้องสำคัญมากแน่ๆ”

 

คนที่พูดออกมาก็คือไก

 

เขาต้องรีบมาที่นี่แน่ๆ เขายังผมพะรุงพะรังอยู่เลยแถมเสื้อผ้าก็ไม่เรียบร้อยอีก

 

“เจ้าจะเข้าร่วมด้วยหรอ?”

 

“ไม่ได้รึไง? ถ้ามันเป็นคำขอของเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน, คงไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกที่จะปฏิเสธ!”

 

พอพูดจบ, ไกก็ยิ้มอย่างเริงร่า

 

ฉันถอนหายใจให้เขาตามปกติ

 

แต่ว่า

 

“แถมตอนนี้น้องชายของเพื่อนข้ายังอยู่ทางใต้ด้วย ไม่มีทางที่ข้าจะไม่ไปช่วยพวกเขาหรอกถูกไหมหล่ะ?”

 

“งั้นหรอ…..”

 

ไกยิ้มร่าแล้วเดินเข้าไปในกิลด์

 

มีนักผจญภัยมารวมตัวกันที่กิลด์มากขึ้นเรื่อยๆ

 

มันไม่ได้มีแค่พวกที่จะมาเข้าร่วมภารกิจ, แต่ยังมีพวกที่มาเพื่อให้กำลังใจพวกเขาด้วย

 

ฉันเดินเข้าไปในกิลด์ที่เต็มไปด้วยนักผจญภัยนี้

 

และในตอนที่พวกเขาเห็นฉัน, เสียงโหวกเหวกในกิลด์ก็เงียบลงในทันที

 

ในกลุ่มพวกเขา, คนที่พูดกับฉันมีแค่พนักงานต้อนรับที่กำลังเขียนชื่อคนเข้าร่วมอยู่

 

“ข, ขอชื่อกับแรงค์ด้วยค่ะ”

 

“นักผจญภัยแรงค์ SS, ซิลเวอร์ ข้ามาลงทะเบียนเข้าร่วมเรดเควสหน่ะ”

 

พนักงานต้อนรับเขียนชื่อของฉันลงไปอย่างเกรงๆ

 

ไม่ว่าจะเป็นกิลด์นักผจญภัยที่มืออาชีพแค่ไหน, มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะเคลื่อนย้ายนักผจญภัยลงใต้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่ายังไง, เหตุผลที่กิลด์เรียกรวมนักผจญภัยมาที่สาขานี้ก็เพราะฉัน

 

พวกนักผจญภัยเองก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี

 

ฉันคือคนที่พวกเขากำลังรอให้มาอยู่

 

เมื่อเห็นแบบนี้, นักผจญภัยก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน

 

“ในที่สุดก็มาสินะ! ซิลเวอร์!”

 

“ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่พวกเราก็เหมือนมีกำลังคนเป็นพันคนนั่นแหล่ะ!”

 

“ลุยเลยเราจะไปช่วยพวกเขากัน, เย้!”

 

ท่ามกลางนักผจญภัยที่ส่งเสียงโหวกเหวกนี้

 

ฉันก็เจอฟีเน่ที่อยู่ด้วยกันกับพนักงานกิลด์

 

ในตอนที่เธอเห็นฉัน, ฟีเน่ก็โค้งให้เล็กน้อยแล้วยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน

 

พวกเราไม่ได้แลกเปลี่ยนคำพูดกันแต่พวกเราก็ถ่ายทอดความคิดกันได้

 

ฉันพยักหน้าให้เธอแล้วพูดกับทุกคนที่อยู่ในกิลด์

 

“โดยปกติแล้ว, คนที่มีแรงค์สูงสุดจะได้เป็นหัวหน้าเรดเควส สำหรับครั้งนี้, มันก็คงจะเป็นข้าแต่ว่ามีใครจะคัดค้านรึเปล่า?”

 

ไม่มีใครตอบสนองอะไร

 

นี่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเนื่องจากแรงค์ที่สูงที่สุดของสาขานี้คือแรงค์ SS และคนที่อยู่หลังจากนั้นก็คงจะตกลงไปที่แรงค์ AA

 

อย่างไรก็ตาม, มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะดูไม่น่าเชื่อถือ

 

พวกเขาคือนักผจญภัยมากประสบการณ์ที่คอยปกป้องจักรวรรดิด้วยวิธีของตัวเอง

 

“ถ้าไม่มีใครคัดค้านข้าก็ขอรับหน้าที่เป็นหัวหน้าของพวกเจ้าเลยก็แล้วกัน ชีวิตของพวกเจ้า, ข้ายินดีที่จะรับฝากมันเอาไว้เอง”

 

ไม่มีการตอบกลับ

 

แต่มันมีเสียงเชียร์ดังลั่นไปทั่วกิลด์แทน

 

ขวัญกำลังใจเป็นสิ่งที่ดี พวกเราสามารถต่อสู้ได้ด้วยสิ่งนี้