บทที่ 192 ฝนตก โดย EnjoyBook
บทที่ 192 ฝนตก
“ลูกลืมเรื่องทุนการศึกษาไปได้เลย อย่างมากลูกก็ได้แค่ปากกาหรือไม่ก็แก้วเคลือบเท่านั้นแหละ” หลินชิงเหอบอก
แม้จะมีสัญญาณว่าการศึกษามีการพัฒนาแล้ว แต่มันก็ยังไม่ถึงระดับนั้นหรอก
จึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าทุนการศึกษา
หลินชิงเหอไม่ได้ปริปากเรื่องตะคริวของเจ้าใหญ่ เธอทำเพียงให้เจ้าใหญ่ดื่มนมมากขึ้น
นอกจากนมแล้ว เธอก็ยังปรุงไข่หรืออะไรทำนองนั้นให้เขานำไปกินรองท้องกันหิวที่โรงเรียนทุกวัน
หลังกินอาหารแบบนี้มาเพียงครึ่งเดือน เด็กคนนี้ก็บอกว่าเขาไม่เป็นตะคริวที่ขาในตอนกลางคืนอีกแล้ว
ท่านพ่อโจวก็มีความคิดเห็นว่ามันดีมาก
ส่วนท่านแม่โจวคิดว่าสะใภ้สี่ช่างเต็มใจทุ่มจ่ายเสียจริง ๆ
โจวชิงไป๋ผู้เป็นพ่อของเด็กก็เคยประสบกับเหตุการณ์นี้เช่นกัน ในตอนเข้าวัยแตกหนุ่มเขาก็ประสบกับภาวะนี้
แต่ในยุคนั้นย่ำแย่กว่ายุคนี้มาก แค่มีอาหารให้ทานอิ่มท้องก็นับว่าดีมากแล้ว เรื่องดื่มนมหรือกินไข่เหรอ? ต่อให้พ่อแม่จะอยากให้เขากินก็อย่าหวังว่าจะได้กินเลย
“เป็นเรื่องยากที่คุณจะตัวสูงได้ในยุคนั้นนะคะ”หลินชิงเหอพูดเรื่องนี้กับโจวชิงไป๋ตอนที่เธอว่าง
“ผมไม่ได้อยู่ที่บ้านนานนักก่อนจะได้เข้ากองทัพน่ะ” โจวชิวไป๋บอก
พูดถึงก็ทำให้รู้ว่าเขาเริ่มเติบโตจริง ๆ ก็หลังจากเข้ากองทัพแล้ว
ช่วงที่เขาเจริญเติบโตเร็วที่สุดคือตอนที่เขาสูงเพิ่มขึ้นเกือบ 13 เซนติเมตรใน 1 ปี
ทุกครั้งที่เขากลับมาบ้าน เขาก็ตัวสูงอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่แม่ของเขาบอก
หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม “ถ้าคุณอยากกินอะไรฉันจะทำให้คุณกินนะคะ ต่อให้มันจะช้าไปหน่อยก็เถอะ คุณเองก็ต้องบำรุงเหมือนกัน”
โจวชิงไป๋รู้ว่าภรรยากำลังหยอกเอินเขา มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ว่าอะไร
ตอนนี้หลินชิงเหอกำลังตุ๋นน้ำแกงอยู่
ซุปซี่โครงหมู ซุปกระดูกหมู ซุปปลา ซุปกุ้งแห้ง และซุปสาหร่ายคือสิ่งที่หลินชิงเหอทำบ่อย ๆ
แต่ต่อให้มีการบำรุงแบบนี้ เจ้าใหญ่ก็ไม่ได้อ้วนเลย ไม่เพียงแต่เขาจะไม่อ้วน แต่เขากลับดูผอมเสียอีก ซึ่งแน่นอนว่าเขาได้รูปร่างนี้มาจากโจวชิงไป๋
เขาดูผอมก็จริง แต่ถ้าถอดเสื้อออกแล้วจะพบว่าเขาไม่ได้ผอมเลย
เจ้ารองกับเจ้าสามก็มีรูปร่างดี ส่วนสองพี่น้องซูเฉิงน้อยกับซูสวิ่นน้อยนั้นมีรูปร่างอ้วนท้วนมากขึ้นเนื่องเพราะพวกเขายังเด็ก เด็กทั้งคู่ตัวอวบขึ้นอย่างเห็นชัด
แล้วแบบนี้ ใครจะไม่ชมกันละว่าคุณครูหลินผู้เป็นป้าสะใภ้เลี้ยงดูพวกเขาดีขนาดไหน?
วันนั้นหลินชิงเหอไม่มีสอน เธอจึงปั่นจักรยานเข้าไปในอำเภอแต่เช้าตรู่
เธอมาที่นี่เพื่อมาซื้อปลา ครั้งนี้เธอวางแผนจะซื้อในปริมาณมากเพื่อเก็บไว้ในมิติ โดยเฉพาะปลาจี้อวี๋ที่จะมาต้มซุป ซึ่งปลาจี้อวี๋ในยุคนี้เป็นปลาป่าที่จับจากธรรมชาติโดยแท้
หลินชิงเหอชอบซุปที่ทำจากเต้าหู้เป็นการส่วนตัว
เธอไม่ชอบกินปลาจี้อวี๋นักเพราะมันมีแต่ก้าง ทั้งหมดที่เธอทำคือการบำรุงโจวชิงไป๋ล้วน ๆ
ในตลาดมืดมีปลาขาย หลินชิงเหอจึงซื้อมาเต็มถุงตาข่าย แถมที่ตลาดยังมีปลาน้ำจืดอย่างปลานิล ปลาจี้อวี๋ ปลากะพงด้วย
หลินชิงเหอซื้อพวกมันมาทั้งหมดโดยไม่ยั้งมือ และเก็บมันเข้ามิติในทันทีที่ไม่มีใครอยู่
จากนั้นเธอก็ซื้อเก๋ากี้ถุงหนึ่งและพุทราจีนถุงหนึ่ง รวมทั้งลูกอมถุงหนึ่งด้วย จากนั้นก็ไม่มีอะไรต้องซื้อแล้ว
เธอนำของเหล่านี้กลับบ้าน
หลินชิงเหอจัดการทุบปลาจี้อวี๋ทันทีที่กลับถึงบ้าน จากนั้นก็นำลงเคี่ยวกับเต้าหู้ เมื่อถึงเวลาเหมาะเธอก็โรยเก๋ากี้ลงไปนิดหน่อย ซึ่งจะทำให้มันอร่อยขึ้น
ในตอนเที่ยงวัน ทุกคนก็รับประทานอาหารกันอย่างสำราญใจ
“ไม่รู้ว่าบ่ายนี้ฉันจะขึ้นไปเก็บเห็ดบนภูเขาได้หรือเปล่านะคะ” หลินชิงเหอบอก
“ตาเฒ่า คุณคิดว่าฝนจะตกเมื่อไหร่น่ะ?” ท่านแม่โจวถามสามี
ประสบการณ์ของท่านพ่อโจวช่างแม่นยำนัก เขาบอกว่า “อีกไม่นานหรอก ยิ่งช่วงนี้อากาศอบอ้าวแบบนี้”
อากาศในหลายวันที่ผ่านมานี้ช่างร้อนอบอ้าวนัก โจวชิงไป๋ถึงกับต้องพัดให้หลินชิงเหอในตอนนอน ไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะนอนไม่หลับ
และแน่นอนว่าพอถึงวันที่ห้า ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม แล้วฝนก็เริ่มตกในตอนเย็น มันตกเป็นฝนปรอย ๆ จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นเทลงมาอย่างหนัก
ตอนนี้เข้าสู่เดือนพฤษภาคมแล้ว ในช่วงนี้พืชพรรณธัญญาหารได้เติบโตอย่างมาก ฝนตกในครั้งนี้ช่วยประหยัดแรงงานคนในการรดน้ำไปได้มาก เรื่องนี้ทำให้ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลินชิงเหอยังคงยึดขนบเก่าของตัวเอง เธอเผาใบอ้ายเย่รมควันฆ่าเชื้อทั้งในและนอกบ้าน เธอยังคงนิสัยแบบนี้อยู่ ตรงที่ว่าเมื่อไหร่ที่ฝนตกและฝนซาลงแล้ว เธอก็จะจุดเผาใบอ้ายเย่รมควันทั่วทั้งบ้าน
“แม่ครับ ผมแก้โจทย์ข้อนี้ไม่ได้” เจ้ารองที่เลื่อนชั้นเป็นเด็กประถมศึกษาปีที่ 3 แล้วได้เอ่ยขึ้นมา
หลินชิงเหอเหลือบมองมันและเอ่ยตอบ “ลูกลองเปลี่ยนวิธีคิดสิ มันเหมือนกับโจทย์ที่ลูกทำเมื่อวานนี้นั่นแหละ”
เจ้ารองยังคงครุ่นคิด โจทย์ข้อนี้ข้อเดียวเขาใช้เวลาคิดไปครึ่งชั่วโมง แต่ในที่สุดเขาก็แก้ออก
หลังแก้โจทย์ออกแล้ว เขาก็พบว่ามันไม่ยากเลยหลังกลับมาอ่านโจทย์อีกรอบ
“แม่ตั้งจุดหลอกไว้เยอะเกินไปแล้ว” เจ้ารองอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม
โจทย์ที่โรงเรียนเขาแก้ได้เพียงเหลือบมองผ่าน ๆ ในขณะโจทย์ที่แม่ของเขาให้มาล้วนมีจุดหลอกหลุมพรางอยู่เต็มไปหมด หากไม่ได้อ่านดี ๆ ก็จะตกหลุมพรางง่าย ๆ
ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นโจทย์คณิตศาสตร์โอลิมปิก ไม่ใช่โจทย์คณิตศาสตร์ของเด็กประถมปีที่สามธรรมดาอีกด้วย
“โจทย์ข้อนี้จะไปยากอะไร นายไม่ได้ทำโจทย์ที่แม่ให้ฉันทำนี่ โจทย์นี่น่ะต่อให้ครูที่โรงเรียนเห็นก็ยังไม่รู้จะแก้ยังไงเลย” เจ้าใหญ่แย้งขณะทำโจทย์อีกข้อหนึ่งในมือ
เขารู้ว่าจะแก้โจทย์ของเจ้ารองอย่างไร ในขณะที่โจทย์ของเขาเองช่างโหดหิน
เขาแก้มันตั้งแต่เลิกเรียนแล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังแก้ไม่ได้
ในตอนที่เขาแก้มันขณะอยู่ในโรงเรียน คุณครูก็ได้มาเห็นเข้า หลังจากนั้นคนที่เป็นครูก็ยังแก้มันไม่ได้
เมื่อถามเจ้าใหญ่ เขาก็ทราบว่าแม่ของเด็กชายเป็นคนให้โจทย์ข้อนี้ คุณครูถึงกับรู้สึกชื่นชมอย่างสุดซึ้ง
คุณครูหลินสมกับเป็นต้นแบบของหมู่บ้านโจวเจี่ยผู้ร่ำเรียนวิชาด้วยตัวเองและเอาชนะเหล่าบัณฑิตรุ่นเยาว์มาได้ เธอสมแก่การเคารพนับถือจริง ๆ
หลินชิงเหอยิ้ม เธอเองก็บอกใบ้วิธีแก้โจทย์ให้เจ้าใหญ่เหมือนกัน
เจ้าใหญ่แก้โจทย์ข้อนี้อยู่นานมาก พอหลินชิงเหอบอกใบ้ให้ เขาก็เหมือนกับเห็นแสงสว่างที่ส่องผ่านม่านเมฆ
พอเขาใช้วิธีที่ได้รับคำใบ้มา เขาก็แก้โจทย์ยากระดับสี่ดาวนี้ได้
หลินชิงเหอกวาดมองผ่าน ๆ จากนั้นก็ให้โจทย์ยากระดับห้าดาวกับเขาข้อหนึ่งและให้เขากลับไปคิดแก้ปัญหาช้า ๆ
ส่วนเจ้าสามนั้น หลินชิงเหอให้เขาคัดเลขอย่างว่าง่าย
ปีนี้เขาอายุ 6 ขวบแล้ว หลินชิงเหอจึงตั้งใจส่งเขาเข้าโรงเรียนประถมศึกษา ในตอนที่เริ่มการเรียนการสอนระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 ในปีนี้
ในตอนนี้จึงเท่ากับว่าสามพี่น้องได้ไปโรงเรียนกันหมด
โจวชิงไป๋กลับเข้ามาในบ้านด้วยสภาพสวมชุดกันฝนพร้อมถือจอบในมือ แม้เขาจะไม่ต้องทำงานตอนฝนตก แต่ก็ยังต้องตรวจดูน้ำในแปลงว่าไหลดีหรือไม่ ไม่อย่างนั้นจะเกิดน้ำขังท่วมต้นกล้าในแปลงหากน้ำระบายออกไม่ดี
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนธรรมดาต้องพึ่งพาฟ้าฝนเพื่อให้มีอาหารกิน
ไม่มีฝนก็ไม่สามารถปลูกพืชได้ มีฝนมากเกินไปก็ไม่ดี ฝนน้อยเกินไปก็เช่นกัน พูดง่าย ๆ คือการทำนามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ทุกอย่างปกติดีไหมคะ?” หลินชิงเหอถาม
“ปกติดีอยู่” โจวชิงไป๋ยืนยัน
แม้ฝนจะตกหนัก แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในระดับร้ายแรง
หลินชิงเหอไม่ใส่ใจอีกเมื่อได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว และเริ่มลงมือนวดแป้งนึ่งหมั่นโถว
เนื่องจากฝนตกหนักมาก เธอจึงแบ่งอาหารส่วนของท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวใส่ตะกร้าและให้โจวชิงไป๋เป็นคนนำไปส่ง เมื่อเขาส่งอาหารเสร็จ มันก็ได้เวลากินข้าวของครอบครัวเธอพอดี
…………………………………………….
สารจากผู้แปล
แม่โหดไปไหนคะเนี่ย ถึงกับเอาโจทย์เลขโอลิมปิกให้ลูกแก้ สำหรับผู้แปลคืออย่าถามเลยค่ะว่าแก้ยังไง ความรู้คณิตศาสตร์สมัยมัธยมคือคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว
ปล.อยากลองตุ๋นปลาใส่เก๋ากี้แบบที่แม่ทำบ้างจังเลยค่ะ
ไหหม่า (海馬)