บทที่ 348 ‘มายาเที่ยงแท้’

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 348 ‘มายาเที่ยงแท้’

อันที่จริงในตอนแรกชายวัยกลางคนต้องการทดสอบอะไรบางอย่างกับหลิงตู้ฉิง แต่เมื่อเขาเห็นวิธีการที่หลิงตู้ฉิงเปิดช่องมิติ เขาก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงจากไป ชายวัยกลางคนก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ “ผู้อาวุโสลั่ว ทำไมข้ารู้สึกว่าคนผู้นั้นช่างดูแปลกประหลาดมาก?”

ลั่วหยุนขมวดคิ้วและพูดขึ้น “อย่าหลงเชื่อรูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่เจ้าเห็น และถ้าข้าเดาไม่ผิด คนที่ต้องการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเป็นเขาใช่ไหม ลูกชายของเจ้า?”

ชายวัยกลางคนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้วท่านผู้อาวุโสลั่ว! นี่คือลูกชายของข้า ปิงยู่หลาง แม้ว่าก่อนที่เขาจะทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราเขาจะใช้ขอบเขตทะเลปราณระดับ 13 ในการทะลวงขอบเขต แต่รากฐานของเขากลับไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก แต่แล้วเมื่อข้าได้ยินว่ามีการประมูลสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข้าจึงลองมาประมูลมันสักหน่อยเผื่อว่าเขาจะอาจจะได้เข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อเติมเต็มช่องว่างของรากฐานการบ่มเพาะของเขาให้สมบูรณ์ หรือว่าใครจะรู้เขาอาจจะโชคดีสามารถบรรลุเข้าสู่ขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 และกลายเป็นอัจฉริยะในรอบ 10,000 ปี เมื่อตอนที่เข้าไปด้านในนั้นก็เป็นได้”

ลั่วหยุนส่ายหัวเล็กน้อย “มันจะไปง่ายเหมือนอย่างที่พวกเจ้าสองผัวเมียคิดกันได้ยังไงในการเป็นอัจฉริยะในรอบหมื่นปีอะไรนั่นน่ะ แต่ถ้าให้ข้าแนะนำพวกเจ้า พวกเจ้าควรให้ลูกชายของเจ้า ติดตามชายผู้นั้นไปยังจะดีกว่า ถ้าลูกของพวกเจ้าโชคดี เขาก็น่าจะได้รับผลประโยชน์ไม่มากก็น้อย”

“ผู้อาวุโสคิดว่าเขามีดีขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ? ท่านจะบอกได้ไหมว่าเขาเป็นใครกันแน่?” ชายวัยกลางคนถามด้วยความประหลาดใจ

ลั่วหยุนยิ้มและพูดว่า “ข้าเองยังต้องการความช่วยเหลือจากเขา เจ้าคิดว่าเขามีดีพอรึยังล่ะ? สำหรับพลังของเขา เดี๋ยวในอีกไม่กี่วันเจ้าก็จะรู้เอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วหยุน คู่สามีภรรยาวัยกลางคนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจและแววตาของพวกเขาก็จริงจังขึ้น ชายผู้นั้นมีความสามารถถึงขนาดที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งก้าวจักรพรรดิยังต้องขอความช่วยเหลือเลยงั้นหรือ?

“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปได้แล้ว คนผู้นั้นอยู่ที่เรือนบนยอดเขาเหนือสระหยูหลัน” ลั่วหยุนโบกมือ คู่สามีภรรยาวัยกลางคนพยักหน้า จากนั้นพวกเขาจึงเดินออกไปพร้อมกับปิงยู่หลางทันที

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่หลิงตู้ฉิงได้รับ ‘หยกจันทราเยือกแข็ง’ มาแล้วเขาก็กลับไปห้องหมายเลข 1 และพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกเราเตรียมตัวกลับกันได้แล้ว!”

“อืม!” มี่ไลและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้า

หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็กลับไปถึงเรือนบนยอดเขา

แต่เมื่อพวกเขากลับไปถึง พวกเขาก็พบว่าหุ่นเชิดได้หายไปแล้ว แต่เรือนยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์

“สามี พวกเราควรออกไปดูรอบ ๆ เพื่อตามหาว่าใครขโมยหุ่นเชิดของท่านดีไหม?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดที่ไม่มีจิตวิญญาณ มันไม่สามารถสำแดงความแข็งแกร่งของมันออกมาได้มากนักหรอก เอาล่ะ จัดวางค่ายกลกระบี่เหินเมฆากันไปก่อน ข้ามีบางอย่างที่ต้องการหารือกับเทียนหยุน ข้าต้องการความเป็นส่วนตัวสักพัก อย่าให้ใครเข้ามารบกวนข้า”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงจึงเรียกหลิงเทียนหยุนไปที่ห้องของเขา ปล่อยให้เย่ชิงเฉิงจัดวางค่ายกลปกป้องรอบบริเวณเรือนด้วยตัวนางเอง

“ท่านพ่อ ท่านมีเรื่องอะไรกับข้างั้นเหรอ?” หลิงเทียนหยุนถามอย่างสงสัย

หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “วันนี้เจ้านี่ช่างโชคดีจริง ๆ พ่อได้พบกับสิ่งที่เหมาะกับเจ้ามาก มา! เข้ามาเอามันไปสิ”

หลิงเทียนหยุนมองไปที่มือที่ว่างเปล่าของหลิงตู้ฉิง ที่แบมือยื่นออกมาหาเขาด้วยสายตางุนงง

เขารู้ว่าพ่อของเขาไม่ได้ล้อเล่น แต่สิ่งที่พ่อเขาว่ามันอยู่ที่ไหนกัน?

เขาพยายามจะเอื้อมมือไปสัมผัสสิ่งที่อยู่บนฝ่ามือของหลิงตู้ฉิง แต่เขากลับไม่พบอะไรเลย

และด้วยประเด็นที่เขายังไม่สามารถใช้พลังจิตของตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถใช้จิตของเขาสัมผัสได้ถึงสิ่งของที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าที่อยู่ในมือของหลิงตู้ฉิงได้

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ถ้าเจ้าหยดเลือดลงไปบนมัน เจ้าจะสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมัน จากนั้นเจ้าก็เก็บมันไว้ในร่างกายของเจ้าและค่อย ๆ ทำความเข้าใจมัน”

เมื่อฟังที่พ่อของเขาพูดจนจบ หลิงเทียนหยุนจึงทดลองหยดเลือดลงบนมือของหลิงตู้ฉิงทันที และจากนั้นภาพที่เขาเห็นก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก เมื่อวัตถุที่มองไม่เห็นและไม่สามารถแตะต้องได้ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น มันโปร่งใสราวกับปีกของจักจั่นและบางมากดูเหมือนยันต์สั่งสวรรค์

แต่ความแตกต่างระหว่างมันกับยันต์สั่งสวรรค์ก็คือ ยันต์สั่งสวรรค์เป็นการจำลองจากสิ่งที่มีอยู่จริง ในขณะที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นของจริง

เมื่อเลือดของหลิงเทียนหยุนได้หลอมรวมเข้ากับของประหลาดนี้จนสมบูรณ์ มันก็พุ่งเข้ามาหลอมรวมกับร่างกายของเขาทันที

เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งของแปลกใหม่ที่เข้ามาอยู่ในร่างกายของเขา หลิงเทียนหยุนจึงถามขึ้นด้วยความงุนงง “ท่านพ่อ ไอ้นี่มันคืออะไรเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ลองอัญเชิญร่างเงาของเจ้าออกมาสิ”

หลิงเทียนหยุนพยักหน้าและลองอัญเชิญร่างเงาของเขาออกมา แต่คราวนี้ร่างเงาที่แยกออกมาจากร่างของเขากลับกลายเป็นดูเหมือนร่างจริงของเขาราวกับเป็นคนคนเดียวกัน แต่ในทางกลับกันร่างกายที่แท้จริงของเขากลับกลายเป็นเหมือนร่างเงาไปซะอย่างนั้น

เพียงแค่การอัญเชิญร่างเงาแบบง่าย ๆ ก็ทำให้หลิงเทียนหยุนได้เห็นความมหัศจรรย์ของสิ่งนี้ เขาจึงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ท่านพ่อ เจ้านี่มันคืออะไร?”

หลิงตู้ฉิงถอนหายใจและพูดว่า “สิ่งนี้มันคือเศษชิ้นส่วนของสมบัติที่พิเศษมาก ๆ ที่ถูกใครบางคนในอดีตเมื่อนานมาแล้วทำลายมันลง ซึ่งถ้าหากสมบัติชิ้นนั้นมันยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มันคงจะเป็นสมบัติที่เหมาะกับเจ้ามากที่สุดและชื่อของมันก็คือ ‘มายาเที่ยงแท้’ ”

“พ่อเองก็ไม่คิดว่าจะเจอชิ้นส่วนของมันที่นี่ โชคของเจ้าช่างไม่เลวเลยจริง ๆ เจ้าจงค่อย ๆ ศึกษาทำความเข้าใจในความลึกลับของมันให้มากที่สุด ยิ่งเจ้าเข้าใจมันได้มากเท่าไหร่มันก็เป็นผลดีต่อเส้นทางการบ่มเพาะของเจ้ามากเท่านั้น และอีกอย่างของสิ่งนี้เป็นของที่พ่อแลกเปลี่ยนมาจากหญิงสาวที่ชื่อว่าตวนจู้ ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจากพ่อไปเป็นคนแรก ในเมื่อเจ้าได้รับผลประโยชน์ชิ้นโตมาจากนางเช่นนี้ ถ้าหากเจ้ามีโอกาสเมื่อไหร่เจ้าจะต้องตอบแทนนางกลับคืนไปเช่นกัน”

“เข้าใจแล้วท่านพ่อ!” หลิงเทียนหยุนพยักหน้า

แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ศึกษามัน แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าสมบัติชิ้นนี้จะต้องมีความสำคัญกับเขาเป็นอย่างมาก

แค่เขาลองคิดว่าถ้าเขาพกพาสิ่งนี้ไปข้างนอกและใช้มันเมื่อตอนที่เขาเผชิญกับสถานการณ์คับขันใครจะสามารถหาเขาเจอ?

ขณะนี้ยิ่งเขาทำความเข้าใจกับมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้ว่าพลังของสิ่งนี้มันก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น

“เอาล่ะเจ้าจงออกไปเรียกชิงเฉิง ให้เข้ามาหาพ่อที” หลิงตู้ฉิงออกคำสั่ง

หลิงเทียนหยุนพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป และไม่นานหลังจากนั้น เย่ชิงเฉิงก็เดินเข้ามา นางรีบไปหาหลิงตู้ฉิงทันทีและพูดอย่างมีความสุข “สามี ท่านเรียกข้ามาเพราะเรื่อง หินจันทราศักดิ์สิทธิ์ ใช่ไหม?”

หลิงตู้ฉิงผงกศีรษะเล็กน้อย และยื่นหินจันทราศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งแสงสีขาวสว่างไสวไปทั่วห้องให้กับเย่ชิงเฉิง จากนั้นเขาพูดขึ้นว่า “ข้าจะให้เจ้าเก็บมันเอาไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวข้าจะถ่ายทอด ‘วิชาศักดิ์สิทธิ์มหาจันทรา’ ให้กับเจ้า และเมื่อเจ้าคุ้นเคยกับวิชาที่ข้าสอนดีแล้ว ข้าค่อยสร้างสมบัติวิเศษประจำกายของเจ้าให้กับเจ้าอีกที”

“ขอบคุณสามี!” เย่ชิงเฉิงโผกอดเข้าไปขอบคุณเขา

ผ่านไปสักพักหลังจากที่นางได้รับการถ่ายทอดเคล็ด ‘วิชาศักดิ์สิทธิ์มหาจันทรา’ จากหลิงตู้ฉิง นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยแววตาอ่อนโยนและพูดว่า “ข้าไม่รู้จะตอบแทนอะไรให้สามีที่แสนดีของข้าผู้นี้จริง ๆ ข้าคิดว่าสิ่งเดียวที่ข้าพอจะทำให้ท่านได้ก็คือการมีทายาทให้กับท่าน ท่านว่าดีไหมสามีของข้า”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ก่อนจะตอบแทนข้า ตอนนี้เจ้าจงรีบไปบ่มเพาะก่อนเถอะ และเมื่อออกไปแล้วจงเรียกเฟ่ยเฟ่ยให้เข้ามาหาข้าด้วย”

“เพคะสามี! ข้าจะรีบไปเรียกน้องเฟ่ยมาหาท่านเดี๋ยวนี้แหละ!” เย่ชิงเฉิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นนางกอดและจูบหลิงตู้ฉิงอยู่สักพักก่อนที่จะนำหินจันทราศักดิ์สิทธิ์เก็บเข้าไปในแหวนมิติ และเดินออกไปหาหลิวเฟ่ยเฟ่ย

แม้ว่านางจะยังไม่ได้เริ่มฝึกฝน ‘วิชาศักดิ์สิทธิ์มหาจันทรา’ แต่นางก็รู้ว่ามันจะต้องเป็นเคล็ดวิชาที่ทรงพลังเป็นอย่างมากแน่นอน

ส่วนเรื่องของสมบัติวิเศษประจำกายนั้นนางยังไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันมากนัก

เมื่อเย่ชิงเฉิงพบกับหลิวเฟ่ยเฟ่ยที่ด้านนอก นางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เฟ่ยเฟ่ย สามีเรียกเจ้าไปพบ!”

“อืม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หลิวเฟ่ยเฟ่ยลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ห้องของหลิงตู้ฉิง