ภาคที่ 29 จุดเริ่มต้นของศาสตร์โบราณ ตอนที่ 7 สถานที่ปลอดภัย

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 7 สถานที่ปลอดภัย โดย Ink Stone_Fantasy

ภายในวังหลวงแห่งนครภัตตาหารทองคำ

อาหารรสเลิศจานแล้วจานเล่าถูกส่งมา ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำนั่งลงตรงข้ามกับตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ห่างๆ เยื้องไปทางด้านหลังของตงป๋อเสวี่ยอิงก็คืออวิ๋นเผิง

ยามนี้อวิ๋นเผิงยังคงตื่นตระหนก เนื่องจากอานุภาพและกลิ่นอายที่ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำแผ่ออกมาตามธรรมชาตินั้นน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว นี่มิใช่การจงใจแผ่ออกมา หากแต่เป็นกลิ่นอายที่แผ่ออกมาตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยามนี้จิตใจของอวิ๋นเผิงก็ไม่สงบนัก “ที่แท้แล้วผู้อาวุโสตงป๋อคนนี้เป็นใครกัน ดูเหมือนผู้ครองนครภัตตาหารทองคำจะให้ความสำคัญกับเขามากทีเดียว เพื่อชดใช้ จ้าวผู้ชั่วร้ายเนตรมารก็ถึงกับกลืนผู้เคารพแมลงโลหิตศิษย์ของตนลงไป ที่ผ่านมาข้าไม่เคยพบเขาเลยจริงๆ! ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งทั้งหมดที่เขาข้องเกี่ยวด้วยนั้น…ก็คงมิมีผู้ใดมีคุณสมบัติพอที่จะผูกสัมพันธ์กับผู้อาวุโสตงป๋อได้”

เขาจิตใจไม่สงบ

เขากลับไม่รู้ว่าท่านอาจารย์อาที่ใส่ใจเขาเป็นที่สุดโชคดีได้ ‘หัวใจหลิวเมฆาแดง’ และเชิญตงป๋อเสวี่ยอิงมา!

“เชิญ หากพูดถึงเรื่องอื่นแล้ว นครภัตตาหารทองคำเราอาจจะธรรมดาสามัญ แต่หากพูดถึงอาหารรสเลิศ ฮ่าฮ่า โลกทิพย์ทะเลสัตตดาราคงมีไม่กี่ที่หรอกที่สามารถเทียบกับที่นี่ได้” ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำกล่าว ในระบบการบำเพ็ญเหล่ากลืนกิน ยิ่งเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงส่งเท่าใด ก็ดูเหมือนจะยิ่งมีเงื่อนไขในการกินมากยิ่งขึ้น! ทำให้ในเขตการปกครองของบรรพชนโลกา แม้จะมีความรุนแรงวุ่นวายไปหมด แต่อาหารรสเลิศกลับเยี่ยมยอดโดยแท้

ผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอจำนวนมากถูกบีบบังคับให้ศึกษาอาหารเลิศรส

“ไม่เลวจริงด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงกินบ้างเล็กน้อยเป็นครั้งคราว

“ได้ยินมาว่าโลกอนธการของผู้อาวุโสตงป๋อยอดเยี่ยมยิ่งนัก จะให้ข้าดูสักหน่อยได้หรือไม่เล่า” ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำพูดพลางหัวเราะฮ่าฮ่า

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้เก็บมาใส่ใจ เขารู้ว่าอีกฝ่ายมิได้มีเจตนาร้าย หากแต่ธรรมเนียมในเขตการปกครองของบรรพชนโลกาก็เป็นเช่นนี้เอง พวกเขานับถือพละกำลังขั้นสุดล้วนๆ

“ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำ ค่ายกลที่แฝงอยู่ในโถงตำหนักของพวกท่านช่างมั่นคงนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางรูปสลักศิลานอกประตูตำหนักตนหนึ่ง วัสดุที่ใช้ทำรูปสลักศิลานั้นก็ธรรมดาสามัญ แต่ภายใต้การปกป้องของค่ายกลทั้งวังหลวง ต่อให้ยอดฝีมือเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าคิดจะทำลายรูปสลักศิลานี้ก็เป็นเรื่องยากนัก ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือเบาๆ ตามอำเภอใจคราหนึ่ง ฟิ้วๆๆ…

โลกอนธการร่อนจากความเลือนรางลงมายังความเป็นจริงแล้วปกคลุมรูปสลักศิลานั้นเอาไว้ โลกอนธการที่ทับซ้อนกันนั้นดูดซับพลังฟ้าดินรอบด้านตามธรรมชาติ ก่อให้เกิดเป็นน้ำวนพลังฟ้าดินขึ้นมา

หนังตาของผู้ครองนครภัตตาหารทองคำกระตุกคราหนึ่ง

เขาสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดหวั่นของโลกอนธการแห่งนั้น

“ปัง!”

โลกอนธการแห่งนี้ ทั้งหมดมีถึงสามร้อยหกสิบชั้น เมื่อปะทุออกมาทั้งหมด ปริมาณก็ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจากแก่นแท้ พละกำลังที่มีพละกำลังทำลายล้างพลันทำลายค่ายกลที่ส่งผลต่อรูปสลักศิลา

หลังจากได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังกึกก้อง รูปสลักศิลาก็กลายเป็นความว่างเปล่า

ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำตกใจขึ้นมา

ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ร้ายกาจนัก แม้ผู้แกร่งกล้าส่วนใหญ่ในเขตการปกครองของบรรพชนโลกาจะไม่เชี่ยวชาญในการวางค่ายกล แต่วังหลวงของเขานั้นเป็นสถานที่บำเพ็ญตามปกติ ดังนั้นจึงตั้งใจเชิญผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งจากการบำเพ็ญระบบทิพย์ให้ช่วยวางค่ายกลโดยเฉพาะ! ในด้านการวางค่ายกล…แม้ผู้แกร่งกล้าระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์จะร้ายกาจ แต่ก็ยังคงต้องจัดอยู่หลังจากการบำเพ็ญระบบทิพย์ลงไปอีก ค่ายกล การหลอมอาวุธ การบำเพ็ญระบบทิพย์ล้วนแต่จัดอยู่ในอันดับหนึ่ง

ในสถานที่รับรองแขกตามปกติ แม้จะมิได้มีการป้องกันแน่นหนาเหมือนสถานที่ที่เขาเก็บตัวหรือพักผ่อน  ทว่าแม้แต่ตัวเขาเอง เกรงว่าคงจะต้องทุ่มเทสุดกำลังจึงจะสามารถฝืนแทงทะลุค่ายกลเข้ามาได้!

แต่เมื่อครู่นี้  ค่ายกลที่ปกคลุมบริเวณรูปสลักศิลาล้วนถูกพละกำลังอันบ้าคลั่งทำลายล้าง รูปสลักศิลาก็สลายไปด้วย

“กระบวนท่านี้ของเขายังมีอานุภาพสูงกว่าท่าไม้ตายของข้าตั้งขุมหนึ่งเชียวหรือนี่” ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำลอบตกใจ

นี่เป็นเรื่องปกตินัก

โลกอนธการหกร้อยชั้น พลังรบก็เพียงพอจะบรรลุถึงระดับเจดีย์ดาวชั้นที่หกแล้ว แม้สามร้อยหกสิบชั้นนี้จะอ่อนแออยู่บ้าง แต่พลังกลับเกือบจะถึงขีดจำกัดของเจดีย์ดาวชั้นที่หก เพียงพอจะสั่นสะท้านไปทั่วทุกฝ่ายแล้ว

“นับถือๆ” ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำกล่าว “วันคืนในการบำเพ็ญของผู้อาวุโสตงป๋อสั้นกว่าข้ามากนัก เกรงว่าบัดนี้ข้าคงจะสู้ผู้อาวุโสตงป๋อมิได้”

“พลังรบนั้นมีหลายด้าน มิใช่แค่อานุภาพในการรุกโจมตีเพียงอย่างเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “ผลการต่อสู้ของผู้ครองนครภัตตาหารทองคำนั้นเลื่องลือไปทั่ว การต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นการพิสูจน์ตนเอง”

ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำยิ้มออกมา

แต่เขาก็เข้าใจดีมากว่า ต่อให้บัดนี้ทั้งสองคนพลังเท่าเทียมกันเช่นนี้ แต่ด้วยความเร็วในการบำเพ็ญของตงป๋อเสวี่ยอิง อีกไม่นานนัก ก็คงจะสะบัดเขากระเด็นไป

……

หลังจากนั้นบรรยากาศระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ปรองดองกันมากยิ่งขึ้น ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำก็ทวีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น อาหารรสเลิศชนิดต่างๆ ถูกนำมาให้ เห็นได้ชัดว่าอยากผูกสัมพันธ์ฉันมิตรกับตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ด้วยใจจริง! เพราะถึงอย่างไรพลังระดับผู้ครองนครภัตตาหารทองคำ สายตาก็คงจะไม่หยุดอยู่แค่ในโลกทิพย์นิจนิรันดร์ หากแต่มองไปทั่วโลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่านแล้ว

“ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำไม่จำเป็นต้องมาส่งแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “หากในภายหน้ามีเวลาว่าง และผ่านมาทางสำนักปักษาเขียว สามารถไปหาข้าที่สำนักปักษาเขียวได้”

“ท่านมีความสัมพันธ์กับสำนักปักษาเขียวจริงๆ น่ะหรือ” ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำที่มาส่งตงป๋อเสวี่ยอิงออกเยอกเมืองด้วยตนเองพูดด้วยความตกใจอยู่บ้าง

อวิ๋นเผิงที่คอยติดตามอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ ก็มองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความตกใจแวบหนึ่ง

“ใช่แล้ว ข้ารู้จักกับยอดฝีมือของสำนักปักษาเขียวท่านหนึ่ง และได้สัญญากันไว้ ว่าข้าจะต้องคุ้มครองสำนักปักษาเขียวชั่วระยะเวลาหนึ่งน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว

“มิน่าเล่า” ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำพยักหน้า “หากมีโอกาสข้าจะต้องแวะไปอย่างแน่นอน”

การเร่งเดินทางภายในโลกทิพย์นั้นยุ่งยากเกินไปแล้ว

ต่อให้เป็นผู้ครองนครภัตตาหารทองคำ หากไม่มีเหตุผลพิเศษ ก็ไม่มีทางเดินทางไปยังสำนักปักษาเขียวอย่างยากลำบากเพียงเพื่อพูดคุยสัพเพเหระกับตงป๋อเสวี่ยอิง เพราะถึงอย่างไรด้วยความเร็วในการเร่งเดินทางของผู้ครองนครภัตตาหารทองคำ จากนครภัตตาหารทองคำไปถึงสำนักปักษาเขียว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลานานหลายร้อยล้านปี!

“ดี”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

“แคว่กกก…” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่งแล้วก็แหวกทางเชื่อมมิติสายหนึ่งออกมาทันที จากนั้นก็พาอวิ๋นเผิงสาวเท้าตรงเข้าไปในทางเชื่อมมิติ

ผู้ครองนครภัตตาหารทองคำมองดูทางเชื่อมมิติตรงหน้าค่อยๆ สมานกันก็กะพริบตาปริบๆ “ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้มีผลสำเร็จด้านมิติที่ร้ายกาจนัก ถึงกับสามารถแหวกทางเชื่อมมิติออกมาได้เชียวหรือนี่”

โดยทั่วไปนี่คือเรื่องที่เหล่ายักษ์ใหญ่ขั้นอลวนจึงจะทำได้

แน่นอนว่าในบรรดาขั้นรวมเป็นหนึ่ง ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านมิติเป็นอย่างยิ่งบางคนก็สามารถทำได้เช่นกัน! ทว่าเห็นได้ชัดว่าผู้ครองนครภัตตาหารทองคำมิใช่หนึ่งในนั้น แม้พลังของเขาจะแข็งแกร่ง แต่สำหรับความเร้นลับของกฎเกณฑ์อันซับซ้อนและวิถีแห่งหมื่นสรรพสิ่งของการบำเพ็ญระบบทิพย์แล้ว…ก็รู้สึกปวดหัวยิ่งนัก กินไปกินมาแล้วพลังก็ยกระดับขึ้นเหมือนเดิมจะดีกว่า เช่นนี้จึงจะเรียบง่ายและสุขสราญที่สุด

……

ภายในโถงแห่งหนึ่งของจวนจ้าวเหนือทะเลหมอกดำในบ้านเกิด ‘จักรวาลแรกเริ่ม’

ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งลงบนเก้าอี้ ด้านข้างยังมีคู่พี่น้องตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาที่กำลังงุนงงสงสัยอยู่ด้วย

“คุกเข่าลง” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองอวิ๋นเผิงที่อยู่ตรงหน้าพลางเอ่ยขึ้น

อวิ๋นเผิงคุกเข่าลงอย่างเชื่อฟังโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

นี่คือผู้ที่แกร่งกล้าคนหนึ่งเชียวนะ! แม้แต่ผู้ที่หยิ่งทระนงอย่างผู้ครองนครภัตตาหารทองคำยังยอมรับเองว่าตนมิอาจสู้ได้

“เนื่องจากสัญญาเอาไว้ ข้าจึงต้องรับเจ้าเป็นศิษย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเสียงเรียบ “ทว่าข้า ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้รับศิษย์ได้ง่ายดายเกินไป นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าเป็นศิษย์ในนามของสำนักข้าไปก็แล้วกัน!”

“ขอรับ ท่านอาจารย์” อวิ๋นเผิงโจกศีรษะคำนับอาจารย์ทันที

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองฉากนี้อย่างสงบ ตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาซึ่งอยู่ด้านข้างกลับตะลึงงันไป…นี่ นี่เป็นถึงผู้เคารพเทพแท้ท่านหนึ่งเชียวนะ! ท่านพ่อรับเป็นศิษย์ กลับเป็นเพียงแค่ศิษย์ในนามอย่างนั้นหรือ เห็นได้ชัดว่าสองพี่น้องไม่รู้ว่า ด้วยพลังของตงป๋อเสวี่ยอิงในทุกวันนี้ หากอยากจะรับศิษย์แล้วล่ะก็ ต่อให้เป็นเทพอากาศก็ไม่รู้ว่าจะมีตั้งกี่คนที่จะมาคุกเข่าร้องตะโกนขอร้องอยากคารวะเขาเป็นอาจารย์

ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้ใส่ใจเรื่องพรรค์นี้มากนัก เพราะถึงอย่างไรในฐานะสิ่งมีชีวิตที่มีพลังรบขั้นอลวน บัดนี้เป้าหมายของเขาก็คือระดับขั้นก้าวสู่ระดับขั้นอลวนอย่างแท้จริง!

“วิ้ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงชี้นิ้วออกไปคราหนึ่ง ลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งตรงไปทางห้วงสมองของอวิ๋นเผิง

“นี่คือกฎของสำนักข้า ห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาด ผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษตามกฎ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว

อวิ๋นเผิงสัมผัสรับรู้เล็กน้อย อดรู้สึกขมขื่นใจมิได้

กฎนี้ช่างเข้มงวดเสียจริง

ให้ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในเขตการปกครองของบรรพชนโลกาปรับตัวเข้ากับกฎของตงป๋อเสวี่ยอิงมิใช่เรื่องง่ายๆ เลย! เพราะถึงอย่างไรกฎที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำหนดขึ้นให้ใช้ในสำนัก ก็ยังเข้มงวดกว่ากฎของวังทวีสูญอยู่บ้าง เมื่อเทียบกันแล้ววังทวีสูญก็ผ่อนคลายกว่ามากทีเดียว

“วางใจเถิด นี่มิใช่โลกทิพย์นิจนิรันดร์,ที่นี่อยู่ภายในจักรวาลแห่งหนึ่งซึ่งสงบสุขกว่าโลกทิพย์นิจนิรันดร์เป็นหมื่นเท่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “ขอเพียงเจ้าไม่ก่อเรื่อง ก็มิมีผู้ใดสังหารเจ้าได้”

ศิษย์ของตงป๋อเสวี่ยอิง หากอยู่ในจักรวาลบ้านเกิด ผู้ใดจะลงมือสังหารได้เล่า

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวอวิ๋นเผิงเองก็เป็นถึงผู้เคารพเทพแท้!

“เอ๊ะ” อวิ๋นเผิงสะดุ้ง ขอเพียงไม่ก่อเรื่อง ก็มิมีผู้ใดสังหารได้ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือนี่

“อวี้เอ๋อร์ ชิงเหยา แนะนำจักรวาลของพวกเราให้ศิษย์น้องคนนี้รู้จักที” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำชับ

“ได้เลยท่านพ่อ” ตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาตื่นเต้นอยู่บ้าง พวกเขาฟังออกว่า ศิษย์น้องคนใหม่ผู้นี้มาจาก ‘โลกทิพย์นิจนิรันดร์’ เชียวนะ แม้พอจะรู้จักโลกภายนอกจากท่านพ่อบ้าง แต่ก็รู้จักน้อยเกินไปแล้ว

“ศิษย์น้อง เร็วเข้า มากับพวกเราเร็ว”

“ข้าจะเชิญเจ้าไปดื่มสุราเอง”

ตงป๋อชิงเหยาและตงป๋ออวี้้วนกระตือรือร้นนัก

อวิ๋นเผิงไม่คุ้นชินอยู่บ้าง สถานที่ที่ปลอดภัยอย่างยิ่งเช่นนี้ มีศิษย์พี่ที่กระตือรือร้นเพียงนี้เชียวหรือ สภาพแวดล้อมเช่นนี้เขาไม่คุ้นชินอย่างยิ่งจริงๆ ต่อให้ฝันก็ยังไม่กล้าเลย! แม้ศิษย์พี่ตรงหน้าเหมือนจะมีพลังอ่อนแอไปบ้าง

เมื่อมองดูพวกเขาจากไป

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พยักหน้าเงียบๆ “ควรจะไปจัดการเรื่องสำนักปักษาเขียวได้แล้ว”

ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของอวิ๋นเผิงอีกต่อไปแล้ว ส่วนเรื่องคุ้มครองป้องกันสำนักปักษาเขียว…ก็เป็นหนึ่งในสามเรื่องเช่นเดียวกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะเปลืองความคิดจิตใจไปกับเรื่องเหล่านี้ ย่อมต้องจัดการทั้งหมดให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดเป็นธรรมดา

 …………………………..