ตอนที่ 1988 ถูกแซงอีกแล้ว (3)
[แม้จะอยู่ต่างถิ่นในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ความรู้สึกของการยังมีเพื่อนที่สนิทและคุ้นเคยอยู่ด้วยนั้นมันช่าง……]
[ดีมากจริงๆ]
เมื่อจวินอู๋เสียกลับไปถึงบ้านและไม่เห็นวี่แววของจวินอู๋เหยา ความอยากรู้อยากเห็นก็ผุดขึ้นในใจนาง
ราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นไปส่งภัยพิบัติให้พลเมืองของโลกวิญญาณถึงที่ไหนกัน?
“เอ๋? พี่ใหญ่อู๋เหยาไม่อยู่หรือ?” เฉียวฉู่ชะเง้อคอมองหา พลางคิดว่ามันแปลกๆเล็กน้อยที่ไม่เห็นจวินอู๋เหยาที่นั่น
จวินอู๋เสียไม่รู้สึกว่ามันแปลกอีกแล้ว นางเดินไปหาเก้าอี้นั่ง ความรู้สึกที่ได้รับสัมผัสกลับคืนมาเกือบทำให้นางลืมไปว่านางอยู่ในร่างวิญญาณ ทุกอย่างเหมือนกับตอนที่นางยังเป็นมนุษย์ เหมือนกันทุกประการ
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนๆ นางเกือบจะพูดว่า “นั่งสิ” แต่พอเห็นสีหน้าตกใจของพวกเฉียวฉู่ นางก็เงียบ
พวกเพื่อนๆที่อยู่ตรงหน้านาง กำลังจ้องนางราวกับเห็นไดโนเสาร์ตัวเป็นๆ!
“เฮ้ นั่งได้จริงๆด้วย” เฟยเหยียนกล่าวอย่างประหลาดใจ
“สุดยอดเลย!” หรงรั่วพยักหน้า
“ข้าก็อยากนั่งบ้าง……” เฉียวฉู่ทำหน้าเศร้า
มุมปากของจวินอู๋เสียกระตุก หลังจากกลายเป็นร่างวิญญาณ นางไม่คิดเลยว่าการนั่งบนเก้าอี้ธรรมดาๆจะทำให้พวกเพื่อนๆอิจฉาได้
[ทำไมรู้สึกแปลกๆ?]
จวินอู๋เสียกระแอมในลำคอ เจ้าแมวน้อยที่อยู่บนไหล่ของอิงซู่มาตลอดเวลาก็กระโดดขึ้นไปบนตักของจวินอู๋เสีย กลับไปยังจุดที่มันคุ้นเคย และหาที่พักผ่อนให้สบาย
การกระทำนั้นทำให้เฉียวฉู่จ้องมองด้วยน้ำตาคลอ
จวินอู๋เสียรู้สึกปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ นางไม่มีทางเลือกนอกจากเพิกเฉยต่อ “ดวงตาพูดได้” ของเฉียวฉู่ แล้วมองไปที่เพื่อนคนอื่นๆด้วยสายตาจริงจัง
“วันนี้ข้าไปที่หอคอยโยวหลิงมา”
“หอคอยโยวหลิง?” พวกเพื่อนๆนางมีสีหน้างุนงง ความรู้เรื่องโลกวิญญาณของพวกเขาเท่ากับศูนย์
“หอคอยโยวหลิงถูกสร้างขึ้นโดยวิญญาณมนุษย์ที่ชื่ออูจิ่วหลังจากเขาปรึกษากับจ้าววิญญาณ……” จวินอู๋เสียอธิบายต้นกำเนิดของหอคอยโยวหลิงให้พวกเฉียวฉู่ฟัง รวมถึงสถานการณ์ภายในหอคอยด้วย
เมื่อพวกเฉียวฉู่ฟังจบ พวกเขาก็ประหลาดใจมาก
“เจ้าไปเดินในหอคอยโยวหลิงมาหนึ่งรอบแล้วก็กลายเป็นแบบนี้เลยหรือ?” เฉียวฉู่เอามือกุมหน้าอก เห็นได้ชัดว่าการได้รู้เรื่องนั้นกระทบใจเขาอย่างหนัก
จวินอู๋เสียพยักหน้า
ฟ่านจั๋วลูบคาง ท่าทางครุ่นคิด แล้วพูดขึ้นว่า “จากที่เสี่ยวเสียพูด ในหอคอยโยวหลิงไม่จำเป็นต้องฝึกฝนก็สามารถได้รับพลังวิญญาณที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์เสมอ สถานการณ์ในหอคอยโยวหลิงดูจะเกินหลักการใดๆ ข้าคิดว่าที่เสี่ยวเสียกังวลเรื่องสถานที่นั้นถูกต้องแล้ว พลังวิญญาณที่พรั่งพรูอย่างบ้าคลั่งแบบนั้นไม่ปลอดภัยแน่นอน”
ใครๆก็โหยหาพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่การไล่ตามพลังที่ไม่เข้าใจอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าก็คือการรนหาที่ตาย
“เจ้าบอกว่าเจอการเสริมวิญญาณในหอคอยโยวหลิงด้วยงั้นหรือ?” ฮัวเหยาเลิกคิ้วมองจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียเคยพูดถึงการเสริมวิญญาณกับเพื่อนๆนางมาก่อน แต่พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย มีเพียงฟ่านจั๋วที่รู้เรื่องช่างหลอมแหวนอยู่บ้าง และพอจะรู้จักอักขระโบราณที่ใช้ในการเสริมวิญญาณอยู่เล็กน้อย แต่เขารู้อักขระโบราณแค่สามชุดที่แม่ของเขาสอนให้เท่านั้น ส่วนอักขระโบราณพวกนั้นส่งผลแบบไหน เขายังไม่เข้าใจชัดเจนมากนัก
แม้ว่าจะไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าอักขระโบราณเสริมวิญญาณพวกนั้นคืออะไร แต่ผลที่น่าอัศจรรย์ในวิชาเสริมวิญญาณของจวินอู๋เสียนั้นชัดเจนสำหรับพวกเขาทุกคน
“น่าจะใช่ ถึงตอนนี้ข้าจะไม่เข้าใจทุกอย่างชัดเจนนัก แต่ข้าจำอักขระบางตัวในนั้นได้” จวินอู๋เสียพยักหน้า จำนวนอักขระที่นางเคยเห็นเมื่อชาติก่อนมีมากมายและยังไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้น ในบรรดาอักขระที่จวินอู๋เสียจำได้ ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่ได้รับการทดลองแล้ว
ตอนที่ 1989 ผลกระทบ (1)
“โอ้? งั้นเจ้าเห็นอะไร?” เฟยเหยียนถามอย่างอยากรู้
“ผสาน” จวินอู๋เสียตอบ
“ผสาน?” เฟยเหยียนตกใจ
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย “ผสานเป็นหนึ่งในอักขระเสริมวิญญาณที่ข้าเคยทดลอง อักขระเสริมวิญญาณของข้าทั้งหมดจะถูกเขียนลงบนพื้นก่อนที่เสี่ยวเฮยจะเหยียบลงไป แต่พอข้าเขียนอักขระผสาน ก็เกิดเรื่องแปลกๆขึ้น”
ตอนนั้นจวินอู๋เสียเขียนลงบนพื้น แต่ก่อนที่เจ้าแมวดำตัวน้อยจะเหยียบมัน ดินใต้อักขระเสริมวิญญาณก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมกับก้อนหินรอบๆ แล้วทันใดนั้น ก้อนหินพวกนั้นก็ถูกดูดเข้าไปเกาะติดกับดิน หลังจากนั้นพวกมันก็หลอมรวมเข้ากับดินตรงนั้น
ดังนั้นจวินอู๋เสียจึงตั้งชื่ออักขระเสริมวิญญาณชุดนั้นว่าผสาน แต่เพราะผลของการเสริมวิญญาณที่แปลกประหลาด จวินอู๋เสียจึงไม่เคยใช้มันเลย
แต่บนชั้นที่สิบสองของหอคอยโยวหลิง ใต้ลูกไฟวิญญาณขนาดมหึมาลูกนั้น นางเห็นอักขระโบราณอยู่ชุดหนึ่ง
ผสาน อักขระเสริมวิญญาณที่อันตรายอย่างยิ่ง ทำไมมันถึงปรากฏในหอคอยโยวหลิง?
“นอกจากผสาน ข้าพบการเสริมวิญญาณอื่นๆด้วย แต่พวกมันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ” ตอนแรกจวินอู๋เสียแค่อยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อนางเห็นอักขระผสาน นางก็ตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในหอคอยโยวหลิง
สถานที่เช่นนั้นไม่เหมาะสำหรับร่างวิญญาณที่จะฝึกฝนข้างในอย่างแน่นอน
คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้พวกเฉียวฉู่มีสีหน้าตกใจ ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มตระหนักว่ามีอันตรายบางอย่างซ่อนอยู่และแพร่กระจายไปในโลกวิญญาณ
“แม้ว่าที่นั่นจะมีประสิทธิภาพสูงในการเพิ่มพลังวิญญาณ แต่ข้าไม่แนะนำให้พวกเจ้าไปที่นั่น แทนที่จะไปฝึกฝนในสถานที่อันตรายอย่างนั้น ทำไมไม่ไปหาน่าหลานเยว่แทนล่ะ” จวินอู๋เสียไม่ได้มีความคิดเห็นที่ดีเกี่ยวกับหอคอยโยวหลิงเลย จากที่นางเห็น พลังวิญญาณในหอคอยโยวหลิงไม่ได้ถูกดูดกลืนโดยร่างวิญญาณที่ไปที่นั่น แต่เข้าสู่ร่างวิญญาณเอง แม้แต่ในภูเขาฝูเหยาที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นมากที่สุด ก็ไม่มีใครรู้สึกไม่สบายจากพลังที่หนาแน่นแต่อย่างใด แต่ปฏิกิริยาของเมิ่งอีเหลียงตอนที่ก้าวขึ้นไปบนชั้นสิบสองทำให้จวินอู๋เสียตกใจ
พลังที่เข้าสู่ร่างวิญญาณได้เองโดยไม่ต้องฝึกฝนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าร่างวิญญาณจะเต็มใจหรือไม่ หรือไม่ว่าพวกเขาจะต้านทานพลังนั้นได้หรือไม่ก็ตาม พวกมันก็จะยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างอยู่ดี ผลที่ตามมาเมื่อไม่สามารถต้านทานพลังได้นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง
“ได้ยินเจ้าพูดอย่างนั้น ข้าหมดความสนใจที่จะไปหอคอยโยวหลิงเลย” เฉียวฉู่เป่าปาก เขาอิจฉาความก้าวหน้าอย่างกะทันหันของจวินอู๋เสียมาก แต่เขารักชีวิตของเขามากกว่า
“น่าหลานเยว่ที่เจ้าพูดถึงอยู่ที่ไหน? ถ้าพอมีเวลา พวกเราไปดูด้วยกันก็ได้” ฮัวเหยาพูด
ปฏิกิริยาของเพื่อนๆทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกสบายใจ ไม่มีใครหวั่นไหวไปกับพลังที่น่าสงสัยซึ่งหอคอยโยวหลิงจัดให้เลย
“บัวน้อยกับอิงซู่รู้ว่าน่าหลานเยว่อยู่ที่ไหน เราจะไปกันพรุ่งนี้” จวินอู๋เสียพูด
“ได้! งั้นเราไปฝึกต่อกันก่อนแล้วกัน” ฟ่านจั๋วพยักหน้า
เหล่าสหายคุยกันอีกสักพักแล้วแยกย้ายกันไป
จวินอู๋เสียฝึกต่อในห้องของตัวเอง แต่นางสังเกตเห็นว่าเจ้าแมวน้อยดูเหนื่อยและเซื่องซึม หลังจากกลับมา มันก็นอนอยู่ตลอด ตอนที่จวินอู๋เสียฝึก มันก็เอาแต่นอนอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ข้างๆนาง
สถานการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วิญญาณของเจ้าแมวดำถูกผสานเข้ากับวิญญาณของนาง ด้วยเหตุนั้น ความไม่สบายของมันจวินอู๋เสียก็น่าจะรู้สึกได้เช่นกัน แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อจวินอู๋เสียพยายามจะพูดอะไรกับเจ้าแมวดำตัวน้อย มันก็แค่ลืมตาขึ้นมองจวินอู๋เสียอย่างง่วงงุน ดูราวกับมันกำลังทุกข์ทรมาน
ตอนที่ 1990 ผลกระทบ (2)
เมื่อเห็นว่าแมวดำตัวน้อยไม่สบาย จวินอู๋เสียก็ไม่สามารถตั้งสมาธิฝึกฝนได้ และอุ้มเจ้าแมวน้อยไว้ในอ้อมแขน
ทั้งชาติก่อนและชาตินี้ เจ้าแมวดำตัวน้อยคือเพื่อนที่สำคัญที่สุดของนาง
“เกิดอะไรขึ้นขอรับ?” บัวน้อยยืนอยู่ข้างๆ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเจ้าแมวดำเช่นกัน เขาเดินไปนั่งยองๆข้างๆจวินอู๋เสีย และมองดูแมวดำตัวน้อยที่เซื่องซึมไร้เรี่ยวแรงด้วยความเป็นห่วง
จวินอู๋เสียส่ายหน้า จิตสำนึกของเจ้าแมวดำตอนนี้อ่อนแอมาก แม้แต่นางก็แทบไม่รู้สึกถึงจิตสำนึกของมันแล้ว จวินอู๋เสียยื่นมือไปลูบหลังเจ้าแมวดำอย่างอ่อนโยน ดูเหมือนเจ้าแมวดำจะสัมผัสได้ถึงความกังวลของจวินอู๋เสียและอยากตอบสนอง แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงเหมียวเบาๆอย่างอ่อนแรงก่อนจะหลับสนิทไป
อิงซู่เดินเข้ามาเพื่อดูอาการของเจ้าแมวดำ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “มีบางอย่างผิดปกติ พลังวิญญาณของมันกระจายออกไปเร็วมาก ข้าแนะนำให้ท่านไปหามังกรเพลิง”
“มังกรเพลิง?” จวินอู๋เสียชะงักไปเล็กน้อย
ดูเหมือนนางเคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน
อิงซู่พูดว่า “ต้นกำเนิดถุงมือมังกรเพลิงของเฉียวฉู่ ตอนนี้มันอยู่ในโลกวิญญาณ เป็นผู้นำของวิญญาณสัตว์อสูร มันมีความรู้เกี่ยวกับวิญญาณสัตว์อสูรมากที่สุด ในเมื่อเจ้าแมวดำเป็นวิญญาณสัตว์อสูร มังกรเพลิงก็น่าจะบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“มังกรเพลิงอยู่ที่ไหน?” จวินอู๋เสียถาม
“อยากเจอมังกรเพลิง แค่พวกเราไม่ได้ผลหรอก ต้องไปเรียกตู๋เถิงมาช่วย” จวินอู๋เสียเบะปาก “วิญญาณสัตว์อสูรมีนิสัยตรงไปตรงมาและดุร้าย พวกมันไม่ชอบกลิ่นข้า ข้าเกรงว่าพวกมันจะไม่ต้อนรับข้า แต่พวกมันกลับมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตู๋เถิง ถ้าเขาพาท่านไป มังกรเพลิงอาจจะไว้หน้าเขาบ้าง”
จวินอู๋เสียพยักหน้า เมื่อเห็นเจ้าแมวดำดูอ่อนแอมาก นางก็ทนรอต่อไปไม่ได้ และออกเดินทางไปหาตู๋เถิงพร้อมกับบัวน้อยและอิงซู่ทันที
สถานที่ที่ตู๋เถิงอยู่นั้นไม่ใช่ที่เดียวกับพวกจวินอู๋เสีย พวกเขาเดินอยู่นานขณะที่อิงซู่พาจวินอู๋เสียมายังที่ไหนสักแห่งใกล้ๆกับป่าโยวเมิ่ง
ป่าโยวเมิ่งเป็นป่าที่ใหญ่ที่สุดและหนาทึบที่สุดในโลกวิญญาณ เดิมทีสถานที่นี้เป็นที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับการฝึกฝนของวิญญาณมนุษย์ แต่หลังจากหอคอยโยวหลิงถูกสร้างขึ้นมา ก็แทบจะไม่เห็นวี่แววของวิญญาณมนุษย์ในป่าโยวเมิ่งอีก
ที่อยู่ของตู๋เถิงนั้นใกล้กับป่าโยวเมิ่ง มันเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ สูงและตั้งตรง ใบหนาทึบขึ้นไปถึงก้อนเมฆ เถาวัลย์ยาวพันรอบลำต้นกว้างและแข็งแรง บนเถาวัลย์พวกนั้นมีดอกไม้สีม่วงเล็กๆให้เห็นอยู่ประปราย
“ตู๋เถิง เรามีเรื่องจะคุยกับเจ้า ถ้าเจ้าว่างก็ออกมาพบเราหน่อย” อิงซู่ยืนอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่และเงยหน้าขึ้นส่งเสียงเรียก
ต้นไม้ใหญ่นั้นเงียบอย่างน่าประหลาด ไม่มีเสียงใดดังให้ได้ยินเลยแม้แต่นิด
อิงซู่ยักไหล่ “ดูเหมือนเขาไม่สนใจจะเจอข้าเลย”
จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว
อิงซู่หันไปมองบัวน้อยที่ยืนงงอยู่ แล้วยกเท้าขึ้นถีบก้นนุ่มนิ่มของเขา
“ไป ไปเรียกพี่ใหญ่ตู๋เถิงของเจ้าออกมาคุยสิ”
บัวน้อยถูกถีบกระเด็นไปที่โคนต้น เขาลูบก้นตัวเองและมองอิงซู่อย่างน่าสงสาร ก่อนจะลากตัวเองไปที่ข้างลำต้นอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็ยกอุ้งมือเล็กๆป้อมๆขึ้นจับเถาวัลย์ที่พันรอบลำต้นแล้วดึง ก่อนจะพูดด้วยเสียงน่ารักน่าเอ็นดูว่า
“พี่ใหญ่ตู๋เถิง……ช่วยออกมาหน่อยได้ไหม……”
แต่ก็ยังไม่มีคำตอบ
อิงซู่ขมวดคิ้ว จากนั้นก็เดินเข้าไปหาบัวน้อยและก้มตัวลงพร้อมกับยื่นมือเข้าไปล้วงในชุดเอี๊ยมของบัวน้อย
“หวา!! เจ้าจะทำอะไร! อย่านะ……!!!” บัวน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น แขนเล็กๆของเขากอดเอี๊ยมตัวเองเอาไว้