บทที่ 1777 - กลับบ้าน กลับสู่เมืองหลินห่าย

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1777 – กลับบ้าน กลับสู่เมืองหลินห่าย
  ในไม่ช้าเธอก็รู้สึกถึงพลังงานทำลายล้างที่อยู่ในร่างกายของเธอมันคือพลังของลูกศรพิชิตอมตะที่ค่อยๆเริ่มเคลื่อนไหวอยากติดขัด หากไม่ใช่เพราะดอกบัวพุทธองค์ทองคำเธอก็คงตายไปนานแล้ว
  ชิงสุ่ยก็กังวลเช่นกันหากไม่มีดอกบัวพุทธองค์ทองคำ ต่อให้เจอดอกมุทราศักดิ์สิทธิ์ไปก็ไร้ประโยชน์
  …………..
  ………
  หลัวชิงเฉิงรับรู้ถึงพลังทำลายล้างที่กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลันมันเคลื่อนที่ในทิศทางที่ดูยุ่งเหยิงเหมือนหนูที่กำลังพยายามวิ่งหนีแมว  หลังจากนั้นไม่นานนะเธอก็ได้ยินเสียงฟู่ที่กำลังรั่วไหลออกมาจากจุดๆนึงบริเวณกลางหน้าอกของเธอเมื่อกลุ่มควันถูกปลดปล่อยออกมา เธอก็รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่อยู่ภายในร่างกายของเธอทันที
  เสียงที่รั่วไหลออกมาดังขึ้นเรื่อยๆยิ่งสร้างความเขินอายให้กับหลัวชิงเฉิงแม้ว่าเสียงนั้นจะเกิดขึ้นจากจุดที่เข็มทองคำฝังอยู่ก็ตาม แต่มันก็ทำให้เธอเข้าใจผิด
  ชิงสุ่ยมองเห็นสีหน้าที่ดูอึดอัดใจของเธอแต่เนื่องจากมันอยู่ในช่วงเวลาสำคัญมิฉะนั้นเขาคงกล่าววาจาแซว สีหน้าของเธออย่างแน่นอน
  เวลาผ่านไปอีกไม่กี่อึดใจชิงสุ่ยก็นำเอาดอกมุทราศักดิ์สิทธิ์ออกมาและใช้รากฐานพลังปราณในการบังคับตัวยารักษาโรคให้เข้าสู่ร่างกายของเธอ พลังที่ผสมผสานกับเหล่านี้ค่อยๆไหลเข้าสู่ร่างกายหลัวชิงเฉิงจากนั้นก็เริ่มบีบบังคับพลังพิชิตอมตะที่อยู่ในร่างกายของเธอให้เริ่มต้นกระบวนการหักล้างพลัง  ส่วนพลังงานร่างกายที่เกิดอาการบาดเจ็บชิงสุ่ยเริ่มใช้เข็มแห่งชีวิตและความตายจากนั้นก็ผสมผสานมันเข้ากับพลังเบญจทัศนธาตุเพื่อบรรเทาอาการบาดแผลที่ไม่อาจรักษาได้จากภายนอก
  ทักษะการรักษาในปัจจุบันของชิงสุ่ยแข็งแกร่งยิ่งกว่าหมอวิเศษคนไหนบนโลกนี้มันอาจเรียกได้ว่ามือของเขานั้นเป็นมือมหัศจรรย์ที่สามารถฟื้นฟูได้ทุกอย่าง ในที่สุดร่างกายของหลัวชิงเฉิงก็เริ่มฟื้นตัว
  ชิงสุ่ยยังคงถ่ายเทพลังเพื่อรักษารากฐานพลังในร่างกายของเธออย่างต่อเนื่องแน่นอนว่าการรักษาครั้งนี้จะสร้างผลประโยชน์ต่อตัวของหลัวชิงเฉิง
  หลังจาก1 ชั่วโมงผ่านไป ชิงสุ่ยก็เริ่มถอดเข็มที่ปักอยู่ตามจุดชีพจรต่างๆ และปล่อยให้หลัวชิงเฉิงแต่งตัวแต่งกายกลับมาใส่เสื้อผ้า ในขณะเดียวกันเธอเองก็ยังคงรู้สึกประมาณเล็กน้อยและจ้องมองชิงสุ่ยด้วยใบหน้าแดงกล่ำ รูปลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่ของเธอยิ่งสง่างามเกินกว่าผู้ใดจะจินตนาการได้
  หลัวชิงเฉิงบอกให้ชิงสุ่ยหันหลังกลับมาทันทีที่เธอแต่งตัวเสร็จแม้ว่าเธอจะสวมเครื่องแต่งกายแล้ว ชิงสุ่ยก็ยังคงจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ
  ”หยุดจ้องข้าได้แล้ว!!”
  ”ก็ได้ๆเอาล่ะพวกเราออกจากห้องนี้กันเถอะ ไปบอกข่าวดีกับทุกคนกัน”ชิงสุ่ยเดินนำออกไปพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
  บรรดาหญิงสาวคนอื่นๆมีความสุขอย่างมากทันทีที่รู้หลัวชิงเฉิงกลับมาหายดีแล้วทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนานส่วนทางด้านของชิงสุ่ย เขาก็ออกไปจัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มและสุรา
  บรรดาหญิงสาวช่วยชิงสุ่ยจัดเตรียมอาหารรินสุรา ในขณะที่ตัวของชิงสุ่ยก็กำลังมองดูโฉมงามทั้งหลายด้วยความเพลิดเพลิน สุราและหญิงสาว มีเพียงแค่ 2 อย่างก็มากพอจะลบล้างความปรารถนาทั้งหมดในตัวมนุษย์ได้  หลังจากที่กลับมามูหยุนชิงเก้อแตกต่างไปจากเดิมอย่างชัดเจน ทุกคนสังเกตเห็นได้แต่ก็ไม่พูดอะไร พวกเธอพอจะคาดเดาผลของการเดินทาง 2 คนอย่างใกล้ชิดได้
  ชายที่พวกเธอเลือกมันมีอารมณ์ที่อ่อนไหวและหลงใหลในความรักอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ดังนั้นพวกเธอจึงพอจะคาดการณ์สถานการณ์ความเป็นไปของมูหยุนชิงเก้อได้เป็นอย่างดี
  มันคงเป็นเรื่องยากที่ผู้หญิงคนเดียวจะสามารถรั้งตัวชิงสุ่ยเอาไว้ได้
  ชิงสุ่ยจึงต้องมองหญิงสาวทั้งหมดที่กำลังพูดคุยกันอย่างลับๆ
  บรรดาหญิงสาวนี้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเราก็เป็นพี่น้องกันจริงๆดังนั้นทุกคนจึงมีความวิตกกังวลและเป็นห่วงหลัวชิงเฉิงมาก ทันทีที่เธอปลอดภัยทุกคนก็ดื่มฉลองกันอย่างมีความสุข มันคือภาพแห่งความอบอุ่นแล้วเป็นภาพที่มองดูแล้วรับรู้ถึงความสบายใจ
  หลัวชิงเฉิงจึงไม่ได้ขอบคุณพวกเธอเพราะมันอาจจะดูแปลกเปลี่ยนไป
  ”พี่สาวชิงเฉิง ตอนนี้ท่านก็ฟื้นตัวแล้วความแข็งแกร่งของท่านรุดคืบหน้าไปมาก ที่สำคัญที่สุดคือการที่ท่านได้พบเจอคู่ชีวิตของท่าน”ชิงห่านอี้กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
  เมื่อบรรดาหญิงสาวของเขาแข็งแกร่งเพียงพอชิงสุ่ยก็ถึงเวลาที่ต้องออกจากที่นี่ ในตอนแรกชิงสุ่ยเคยวางแผนไว้ว่าจะนำพาหญิงสาวทั้งหมดกลับไปพร้อมกับเขาด้วย แต่สุดท้ายก็เหลือเพียงแค่อีเย่เจี้ยนเก้อคนเดียว ส่วนหญิงสาวคนอื่นๆก็ควรอยู่ในอาณาจักรของตนเอง
  …………..
  ………..
  1สัปดาห์ต่อมา ชิงสุ่ย อีเย่เจี้ยนเก้อและชิงซิ่วก็ถึงเวลากลับบ้าน
  เมืองหลินห่าย!!!
  ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อได้เดินทางมาถึงหน้าประตูหอคอยจักรพรรดิแห่งเมืองหลินห่ายพวกเขากำลังจ้องมองสถานที่ที่พวกเขาคุ้นเคย
  นี่ก็ผ่านมาเป็นเวลากว่าจะปีแล้วที่ชิงสุ่ยใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนมหาสมุทรเขาได้แต่สงสัยว่าคนที่นี่กำลังทำอะไรกันอยู่
  ทันที่เข้ามาในห้องเขาก็ได้เจอกับเสวี่ย นั่ว
  เมื่อเวลาผ่านไปหญิงสาวตัวเล็กๆก็ได้โตเป็นผู้ใหญ่รูปร่างทรวดทรงของเธอถือว่าเป็นหญิงสาวที่งดงามขณะที่เธอแต่งกายในชุดคลุมหิมะขาว เธอเองก็ตกใจที่เห็นชิงสุ่ย ก่อนจะยิ้มด้วยความปิติยินดีเมื่อเห็นอีเย่เจี้ยนเก้อ
  ”พี่สาว!!”
  ”พี่เขย!!”
  ชิงสุ่ยยิ้มตอบส่วนทางด้านอีเย่เจี้ยนเก้อเองที่เห็นเด็กน้อยกลายเป็นผู้ใหญ่เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “นั่วเอ๋อ!!”
  ชิงสุ่ยสอบถามเสวี่ยนั่วว่า”เจ้าสบายดีหรือไม่?”   ”ข้าสบายดีพี่เขยจากไปตั้งนาน ข้าคิดว่าท่านลืมพวกเราไปเสียแล้ว”ขณะที่เธอกล่าวใบหน้าของเธอก็ปรากฏให้เห็นน้ำตาที่ไหลเอ๋อนอง
  แต่สุดท้ายเธอก็ยิ้มหลังจากที่ชิงสุ่ยเริ่มลูบหัวและปลอบโยนเธอ จากนั้นเธอก็มองไปที่ชิงซิ่ว “พี่สาว เขาน่ารักจัง ในที่สุดท่านก็มีลูก”
  เสวี่ยนั่วจับแก้มเด็กชายตัวน้อย อีเย่เจี้ยนเก้อดีใจที่ได้เห็นใบหน้าคุ้นเคยของเสวี่ยนั่ว
  ”พี่เขยพวกเราทุกคนสบายดี ทุกคนคิดถึงท่านมาก ไปเจอพวกเขากันเถอะ”
  ขณะที่เสวี่ยนั่วกำลังพูดเชิญชวน ทุกคนรับรู้ได้ถึงพลังของชิงสุ่ยจึงได้มารวมตัวกันแล้วไม่ว่าจะเป็น หยินต่ง หลินเฟ่ย เหลียนหลิงเฟิง ซีฉีชา อวี้เหนียง และคนอื่นๆ
  ชิงสุ่ยลุกขึ้นแล้วเดินสวมกอดทุกๆคนพวกเขาเป็นดั่งพี่น้องที่ไม่เคยรู้สึกว่าเหินห่างกัน แม้จะจากกันไปเป็นระยะเวลายาวนานก็ตาม