“พูดบ้าอะไรเล่า! เก่งจริงเจ้าก็ฆ่าท่านปู่หมูของเจ้าเสียสิ ไม่กี่วัน ข้าก็จะกลับมาเป็นอสูรกายที่สมบูรณ์แบบอีกตัวเช่นเคย!” อสูรกายหมูป่าตัวนี้ไม่เกรงกลัวการข่มขู่ของหลัวซิวเลยสักนิด เพราะมันทราบดีว่าต่อให้ตนถูกสังหาร อีกไม่นาน ก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาในแดนปริศนาอีกครั้ง

หลัวซิวได้ลองถามอีกหายประโยค ทว่าอสูรกายหมูป่าตนนี้กลับไม่เปิดปากเลย พูดไปด่าไปอยู่ตลอดเวลา สำหรับเรื่องที่ในส่วนลึกของแดนปริศนามีความลับอะไรอยู่นั้น กลับไม่กล่าวเลยสักคำ

“ในเมื่อไม่พูด งั้นเจ้าก็ตายเสียเถอะ” เมื่อถามไม่ได้ความอะไร หลัวซิวก็ลงมือสังหารอย่างไม่ลังเล

อสูรกายหมูป่าคำรามออกมาหนึ่งครั้ง ร่างของมันระเบิดกลายเป็นละอองโลหิต จากนั้นลองเลือดก็ได้จับตัวกัน กลายเป็นลูกแก้วโลหิตก้อนกลม ๆ

“อสูรกายของที่นี่ ก็ไม่นับว่าแข็งแกร่งสักเท่าไหร่นี่” หลัวซิวยกมือขึ้นไปจับ และเก็บลูกแก้วโลหิตก้อนนั้นลง

“เจ้าอย่าได้ชะล่าใจไป อสูรกายหมูป่าจัดอยู่ในกลุ่มอสูรกายระดับต่ำที่สุดเท่านั้น อสูรกายในแดนนานาอสูรแห่งนี้จะไม่มีวันตาย เมื่อผ่านกาลเวลามาแสนนาน แม้ผลการฝึกตนจะไม่สามารถเพิ่มขึ้น แต่ก็สามารถคิดหาวิธีทำให้ความสามารถของตนสูงขึ้นได้ การต่อสู้ข้ามระดับสำหรับอสูรกายจำนวนมากในหมู่ของพวกมันถือเป็นเรื่องที่ง่ายมาก”

สำหรับอสูรกายในเขตที่ห้าขึ้นไปของแดนนานาอสูรนั้น มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำมีความทรงจำที่ลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง

“เมื่อก่อนสำนักไท่เสวียนของพวกเราได้รวมศิษย์ร้อยกว่าคนบุกเข้าสู่สวนลึกของเขตที่ห้าพร้อมกันกลับได้ลูกทำร้ายขับไล่ออกมา แถมยังบาดเจ็บล้มตายไปจำนวนมาก อสูรกายแปลกประหลาดขั้นหกช่วงปลายบางพวก ทั้งที่ตอนนั้นข้าอยู่ในระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้า ก็หาใช่คู่ต่อสู้ไม่”

มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำตักเตือนหลัวซิวอย่าได้ชะล่าใจ อสูรกายหมู่ป่าเกาะดำตัวหนึ่งเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้นเอง ยิ่งลึกเข้าไปในดินแดนปริศนา ความสามารถของอสูรกายที่ต้องเผชิญหน้า ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

ทางด้านนี้หลัวซิวได้สังหารอสูรกายหมู่ป่าเกาะดำไปตัวหนึ่ง ไม่นานก็มีกระแสพลังอันแรงกล้าหลายสายพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว วินาทีที่อสูรกายพวกนี้ได้พบหลัวซิวเข้า ต่างก็ได้กระโจนเข้ามาอย่างไม่รีรอ ล้วนสู้อย่างไม่คิดชีวิต

อสูรกายสามตัวแรกที่ได้เผชิญหน้า มีขั้นสองสองตัว และระดับสี่หนึ่งตัว

อสูรกายในที่แห่งนี้ปิดปากแน่นเกี่ยวกับความลับที่อยู่ส่วนลึกของแดนปริศนา นอกจากนี้ตัวหยั่งรู้พิเศษก็ไม่สามารถสอดแนมผ่านด้วยวิธีตรวจจับวิญญาณได้ หลัวซิวทำได้เพียงลงมือสังหาร และได้รับลูกแก้วโลหิต

วิธีเหล่านี้ที่เขาใช้นั้น ผู้แข็งแกร่งของสำนักไท่เสวียนในเมื่อก่อนจะต้องเคยใช้มาแล้วแน่ ดังนั้นต้องการทราบความลับของที่แห่งนี้ เขาคงต้องตรวจสอบด้วยตนเองแล้ว

ในขณะเดียวกันนั้น ข่าวคราวที่มนุษย์คนหนึ่งได้เข้ามาในเขตที่ห้านั้น ก็ได้แพร่งพรายไปในหมู่อสูรกาย

“ผ่านไปหลายหมื่นปีถึงได้มีมนุษย์เข้ามา เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ ๆ ขึ้นที่โลกภายนอกกันแน่?”

“โลกด้านนอกเป็นเช่นไร เกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย? ต่อให้รับรู้ ก็ไม่สามารถออกไปได้”

“ไม่ว่าอย่างไรก็จะให้มันเข้าไปในดินแดนส่วนลึกไม่ได้เป็นอันขาด”

นับจากที่ได้เข้ามาในเขตที่ห้าของแดนนานาอสูร หลัวซิวก็ถูกอสูรการของที่นี่โจมตีอยู่ไม่หยุด แม้ว่าผลการฝึกตนของเขาจะลึกล้ำ ก็ไม่อาจต้านทานการต่อสู้ที่ไม่สิ้นสุดนี้ได้ ผ่านไปครึ่งค่อนวัน ก็ได้หมดแรงไปเสียแล้ว พลังจิตแท้ถูกใช้ไปเหลืออยู่ไม่ถึงสองส่วน

“บ้าเอ๊ย อสูรกายในที่นี้สามารถฟื้นคืนชีพได้ มันไม่กลัวตายเลยสักนิด”

มาถึงตอนหลัง อสูรกายระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิก็ได้ร่วมมือกันล่าสังหารหลัวซิว

โชคดีที่เขตุที่ห้าแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง หลัวซิวอาศัยความเร็วของวิชาล่องหนไท่เสวียนไม่นานก็สลัดหลุดจากการไล่สังหารของอสูรกาย หาสถานที่เงียบสงบและสร้างค่ายกลขึ้น เพื่อหยุดพักเป็นการชั่วคราว

“ตอนนี้เจ้ารู้ถึงความร้ายกาจแล้วสินะ?” มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำยิ้มกล่าว “หากไม่ใช่เพราะอสูรกายที่ร้ายกาจพวกนั้นถูกจำกัดให้เคลื่อนไหวได้เฉพาะในจุดที่กำหนดเท่านั้น เจ้าก็ได้แต่หนีออกไปจากเขตที่ห้าแล้ว”

“ผู้อาวุโส ท่านไม่คิดหรือว่า สถานการณ์เช่นนี้เป็นเหมือนกับบดทดสอบ?”

ถ้าหากปริภูมิแห่งนี้เปรียบเสมือนวงกลม เช่นนั้นจุดตรงกลางของวงกลมเป็นจุดศูนย์กลาง ยิ่งเข้าใกล้จุดศูนย์กลาง ความสามารถของอสูรกายก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้แล้วอสูรกายในระดับจักรพรรดิยุทธ์ขึ้นไป เคลื่อนไหวได้เฉพาะในพื้นที่ใกล้จุดศูนย์กลางที่ถูกกำหนดเอาไว้เท่านั้น เหมือนกับการทะลวงบททดสอบ จากด้านนอกที่สุด บุกเข้าสู่จุดศูนย์กลาง

“ข้าต้องรู้อย่างแน่นอน แต่ในยุคสมัยโบราณนั้น ในสำนักไท่เสวียนกลับไม่มีใครสามารถผ่านเข้าไปได้เลย”

หลัวซิวส่ายหัวยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อก่อนหน้านี้เขายังค่อนข้างไม่เห็นด้วย คิดว่าอาศัยความสามารถที่สังหารมกุฎยุทธ์ได้ของตน ยังต้องหวาดเกรงอะไรในเขตที่ห้านี้อีกเช่นนั้นหรือ?

แต่อสูรกายที่ไม่กลัวตายพวกนั้น ทำให้เขารู้ว่าความคิดนี้ของตนนั้น ตลกถึงเพียงใด

ต่อให้อสูรกายในระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิจะสู้หลัวซิวไม่ได้ การต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าก็สามารถทำให้เขาสูญเสียพลังจิตแท้ไปมาก ไม่อาจเข้าไปในส่วนลึกได้

มิน่าสำนักไท่เสวียนได้รวบรวมผู้แข็งแกร่งร้อยกว่าคนในตอนนั้น ก็ไม่อาจบุกเข้าไปในจุดศูนย์กลางได้