บทที่ 558 ไม่สามารถควบคุมได้

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 558 ไม่สามารถควบคุมได้
จางหลิงหยุนตระกูลจางแห่งอีสานกล่าวด้วยความเย่อหยิ่งว่า “เย่เซิ่งเทียน แกต้องรู้จักตนเอง สัตว์เลื้อยคลานที่ต่ำต้อยอย่างแก มีคุณสมบัติที่จะแข่งขันทักษะทางการแพทย์กับหกหมอเทวดาด้วยหรือ? ตอนนี้แกใช้กลอุบายที่น่ารังเกียจเช่นนี้มาหลอกหกหมอเทวดาอีก แกรู้ความผิดของตนเองหรือยัง?”

เย่เซิ่งเทียนเหลือบมองจางหลิงหยุนจากนั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัดและกล่าวตะกุกตะกักว่า “นี่…..ก่อนหน้านั้นไม่ได้มีกฎว่าฉันต้องกลั่นยาต่อหน้าใช่ไหม? และก็ไม่มีกฎที่ว่ายาที่ฉันนำมานั้นไม่นับใช่ไหม? ยาที่ฉันเป็นคนนำมาก็ต้องเป็นยาของฉัน ไม่นับได้อย่างไร? พวกคุณไม่อายบ้างเหรอ? ฉันชนะก็คือฉันชนะ!”

มู่หว่านชิงมองฝูหยวนด้วยความผิดหวังและกล่าวว่า “ลุงฝู ตอนนี้ลุงรู้ตัวว่าผิดหรือยัง? เห็นชัดเจนหรือยัง? เย่เซิ่งเทียนเป็นคนหลอกลวง เป็นฆาตกร แต่ลุงกลับพูดแทนเขา แล้วยังทำลายพันธมิตรของห้าตระกูลผู้ดี ฉันคิดว่าลุงแก่แล้วจริง ๆ คราวนี้ลุงไม่ต้องกลับไปตระกูลมู่แล้ว หลังจากกลับไปแล้วฉันจะอธิบายทุกอย่างให้คุณพ่อฟัง ฉันเชื่อว่าคำตัดสินของเขากับฉันเหมือนกัน”

ฝูหยวนยิ้มด้วยความขมขื่นและส่ายศีรษะ

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าเย่เซิ่งเทียนมีกลอุบายอื่นหรือไม่ แต่เขามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ยุ่งยากอยู่ในนั้น

เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย รู้สึกอยู่เสมอว่ากำลังจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น

แต่เขาไม่แน่ใจ และไม่สามารถตัดสินใจได้

เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพูดออกมาแล้ว มู่หว่านชิงไม่เชื่อเขาอย่างแน่นอน

แต่หลังจากเฉียดตายหลายครั้งแล้ว เขาเชื่อว่าความรู้สึกของตนเองนั้นไม่ผิด และกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “คุณหนู ไปเถอะ จากไปตอนนี้ยังมีความหวัง ผมรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก”

“มันเป็นสัญชาตญาณที่น่าขำของแกอีกแล้วเหรอ? แกไม่เห็นสถานการณ์ตอนนี้เลยเหรอ? สัญชาตญาณของแกผิดแล้ว ความจริงมันถึงจะเป็นเรื่องจริง!”

มู่หว่านชิงกล่าวอย่างเย็นชา “และอย่าเรียกฉันว่าคุณหนูอีก ฉันคิดว่าคำพูดเมื่อสักครู่ของฉันชัดเจนมากแล้ว แกไม่ใช่คนของตระกูลมู่อีกต่อไปแล้ว”

ฝูหยวนก้มศีรษะด้วยความเย็นชา

และขณะนี้ จ้าวกั๋วจู้คำรามเหมือนสายฟ้า “ทุกคนหุบปาก จะบีบบังคับให้ฉันฆ่าพวกแกใช่ไหม?”

แม้ว่าเขาจะเป็นเทพสงครามของประเทศต้าเซี่ย แต่ตอนนี้จ้าวกั๋วจู้ก็ยังรู้สึกไร้พลัง ราวกับว่ากำปั้นของเขากระทบกับฝ้าย ทำให้เขาไม่มีเหตุผลที่จะลงมือ

“ไม่ว่าพวกแกคือหกหมอเทวดาหรือใครก็ตาม มีสิทธิ์มาเอะอะโอยวายเหรอ หกหมอเทวดาแข่งขันทักษะทางการแพทย์กับเย่เซิ่งเทียน หรือว่าพวกแกแข่งขันทักษะทางการแพทย์กับเย่เซิ่งเทียน?”

เย่เซิ่งเทียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง นี่เป็นการแข่งขันระหว่างฉันกับชายชราทั้งหกคน เมื่อสักครู่พวกเขายอมรับว่าตนเองพ่ายแพ้แล้ว หรือว่าตอนนี้จะกลับคำ? พวกเขาเป็นหกหมอเทวดาเชียวน่ะ ถ้าตระบัดสัตย์ หรือจะไม่รักษาชื่อเสียงแล้ว? ส่วนพวกแกมาดูเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น พวกแกไม่แคร์อยู่แล้ว”

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง พวกเรากำลังธำรงความยุติธรรม!”

ตัวแทนของตระกูลฉินกล่าวด้วยความมั่นใจ “ยิ่งแกเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าแกกลัวคนอื่นรู้ความผิดของตนเองมากขึ้นเท่านั้น”

ตัวแทนของตระกูลกู่กล่าวใส่ไฟว่า “เมื่อสักครู่หมอเทวดาเผยและหมอเทวดาโก้วยอมรับความพ่ายแพ้ เพียงเพราะพวกเขาไม่รู้จักเม็ดยานี้ แต่ตอนนี้แกไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแกเป็นคนกลั่นยาเม็ดนี้ขึ้นมา นั่นหมายความว่าหกหมอเทวดาพ่ายแพ้ให้กับหมอที่กลั่นยาเม็ดนี้ ไม่ใช่พ่ายแพ้ให้แก่แก”

“เย่เซิ่งเทียน ถ้าแกเป็นคนกลั่นยาเม็ดนี้ขึ้นมาจริง ๆ แล้วแกจะกลัวอะไร? แค่ปรุงต่อหน้าทุกคนก็สิ้นเรื่องแล้ว ตอนนี้แกกำลังหาข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยง เห็นได้ชัดว่าแกกลัวคนอื่นรู้ความผิดของตนเอง”

หวางเถิงจากตระกูลหวางแห่งลังงารู้สึกอารมณ์เป็นพิเศษ เขาโบกพัดและกล่าวว่า “ตอนนี้ พวกเราสามารถมั่นใจได้ว่าเย่เซิ่งเทียนไม่ได้เป็นคนกลั่นยาเม็ดนี้ ซึ่งหมายความว่าการแข่งขันทักษะทางการแพทย์เมื่อสักครู่นั้นยังไม่ถือเป็นการแข่งขันทักษะทางการแพทย์”

ขณะที่มู่หว่านชิงกำลังจะพูด ฝูหยวนก็พูดอ้อนวอน “คุณหนู ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เชื่อผม ถึงแม้ว่าคุณจะขับไล่ผมออกไปจากตระกูลมู่ แต่คุณโปรดฟังคำแนะนำของผมอีกครั้ง แม้ว่าคุณจะโกรธเย่เซิ่งเทียน แต่สถานการณ์ตอนนี้ การไม่แสดงจุดยืนนั้นเป็นการดีที่สุด ก่อนที่จะเกิดผลลัพธ์ ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้เสมอ!”

มู่หว่านชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้พูดอะไร

ฝูหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ส่ายศีรษะเล็กน้อย และเดินจากไปด้วยความโดดเดี่ยว

คนรับใช้เก่าแก่ที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเดินจากไป ไม่ได้รับความสนใจจากคนมากนัก

กลับกันหร่วนซื่อสงที่ซ่อนตัวอยู่กลางฝูงชน เหลือบมองฝูหยวนที่เดินจากไปด้วยความครุ่นคิด