EG บทที่ 693 ค่อยๆ มีส่วนร่วม

 

มิตซุย เคมิคอล เป็นตัวเลือกแรกของเฝิงหยู่ ช่วงเวลานี้ราคาหุ้นของมิตซุย เคมิคอลลดลงจาก 32 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 14 ดอลลาร์สหรัฐ บริษัทนี้ทำให้เกิดการปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อมรุนแรงที่สุดในประเทศจีนและถูกปรับหนักที่สุด

มิตซุย เคมิคอลเป็นเจ้าของสิทธิบัตรมากมายสำหรับผลิตภัณฑ์เคมี แค่สิทธิบัตรเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะรับประกันความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทได้แล้ว

เฝิงหยู่ขายหุ้นไมโครซอฟท์ของเขาบางส่วนและใช้เงินทุนบางส่วนจากบริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่เพื่อซื้อหุ้นของมิตซุย เคมิคอล มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้วยจำนวนเงินมากขนาดนี้ที่เข้าสู่ตลาดหุ้น ทำให้เกิดผลทันที มิตซุย เคมิคอลยังคิดว่าเป็นเพราะมาตรการที่พวกเขาทำเพื่อรักษาราคาหุ้นของพวกเขา พวกเขาดีใจมาก ผู้ถือหุ้นของพวกเขายังเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเพื่อผลักดันราคาหุ้นให้เพิ่มสูงขึ้นด้วย

หลังจากนั้น เฝิงหยู่ก็แบ่งเงินของเขาออกเป็นหลายส่วนและลงทุนในบริษัทเคมีของญี่ปุ่นหลายแห่ง บริษัท พวกนี้มีลักษณะคล้ายกันและก็เป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก

ตอนนี้ บริษัทพวกนี้ยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองและไล่แพะรับบาปออกไป พวกเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่แปดเปื้อนของตัวเอง พวกเขาประกาศเรื่องการบริจาคให้แก่สังคมที่พวกเขาเคยทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อช่วยเหลือสังคม

การประกาศเช่นนี้ได้ผล ราคาหุ้นของบริษัทพวกนี้คงที่และเริ่มไต่ขึ้นอย่างช้าๆ

ฟู่หยงฉีเอาเงินทุนรวมของตระกูลฟู่ไปซื้อโตชิบ้า ไพโอเนียร์ และบริษัทอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ บริษัทพวกนี้ยังเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและสิทธิบัตรที่ทันสมัยที่สุดบางส่วนด้วย ความเสียหายที่เกิดจากโรงงานของพวกเขาในประเทศจีนนั้นไม่ได้ร้ายแรงมากและการจ่ายเงินชดเชยและค่าปรับของพวกเขาก็ไม่สูงมากนัก

นอกจากนี้ บริษัทพวกนี้ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และจัดโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มยอดขาย

คราวนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เข้าสู่ตลาดด้วย เขาซื้อหุ้นของมิตซุย เคมิคอลเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็เริ่มซื้อในหุ้นโตชิบ้า

จากการที่บัฟเฟตต์ซื้อหุ้นของทั้งสองบริษัทนี้ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มทำตามและซื้อหุ้นของทั้งสอง บริษัทนี้ด้วย นักลงทุนพวกนี้ดันราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทนี้ให้สูงขึ้น

สถาบันบางแห่งจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปยังเล็งเห็นโอกาสนี้และเริ่มเข้าซื้อหุ้นของบริษัทพวกนี้เป็นจำนวนมากด้วย พวกเขายังวิเคราะห์ตลาดและรู้สึกว่าหุ้นพวกนี้จะไม่ลดฮวบอาบลงเหมือนครั้งก่อน อันที่จริงแล้ว หุ้นพวกน่าจะพุ่งสูงขึ้นในระยะสั้น

3 วันต่อมา เฝิงหยู่ ฟู่กวางเจิ้ง และคนอื่นๆ ก็ใช้เงินทั้งหมดของพวกเขาเพื่อซื้อหุ้นพวกนั้น พวกเขาเริ่มฉลองด้วยแชมเปญ ในเวลาเพียง 3 วันพวกเขาก็เห็นผลกำไรแล้ว หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการปล่อยข่าวลือและระงับราคาหุ้นแล้ว พวกเขาก็ยังทำกำไรได้สูงอยู่

“ ฮ่าฮ่าฮ่า หลานเฝิง 1 เดือน มากสุดก็ 2 เดือน จากนั้นเราทุกคนก็สามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรได้แล้ว” ฟู่หยงฉีพูดพร้อมกับถือแก้วแชมเปญ

“เราจะขายหุ้นทั้งหมดทิ้ง และปล่อยให้ราคาหุ้นของพวกนั้นร่วงลงอีกครั้ง เราจะให้พวกนั้นได้ฉลองปีใหม่ด้วยความเศร้า” พวกเขาช่วยเพิ่มราคาหุ้นให้บริษัทพวกนั้นเพียงเพื่อต้องการผลตอบแทนที่สูงเท่านั้น

เมื่อได้กำไรเพียงพอแล้ว เฝิงหยู่และคนอื่นๆ จะทิ้งหุ้นทั้งหมดที่พวกเขาถืออยู่ ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นของ บริษัทพวกนั้นตกลง การลดลงอาจไม่รุนแรงมากนัก แต่ราคาหุ้นจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

เฝิงหยู่และคนอื่นๆ จะต้องถอนตัวออกอย่างรวดเร็วที่สุด จากนั้นผู้ถือหุ้นของบริษัทพวกนั้นจะติดอยู่กับหุ้นของบริษัท และต้องแบกรับผลขาดทุนของบริษัทนั้น

ฟู่หยงฉีและเฝิงหยู่มองหน้ากันและหัวเราะ ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้ทั้งสองได้ผลกำไรมากกว่า 30% และอาจสูงถึง 50%!

นี่เป็นการลงทุนที่ดีซึ่งทำให้พวกเขาทำกำไรได้สูงเพียงแค่ช่วงเวลา 1 ถึง 2 เดือน!

นี่ไม่ใช่การลงทุนที่มีความเสี่ยง ความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำมากเว้นแต่บริษัทพวกนั้นจะทำสิ่งที่โง่อีกครั้งและมีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับพวกเขา รัฐบาลญี่ปุ่นได้จ่ายเงินจำนวนมากสำหรับบริษัทพวกนี้และรัฐบาลจีนก็เลิกตามเหตุการณ์นี้แล้ว

ในประเทศจีน ไม่มีการรายงาข่าวเกี่ยวกับบริษัทญี่ปุ่นพวกนี้อีกต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้ข่าวมุ่งเน้นไปที่การมาเยือนจีนโดยผู้นำจากหลายประเทศ ผู้นำพวกนี้มาที่ประเทศจีนเพื่อหาความร่วมมือ

ประเทศพวกนี้ต้องการร่วมมือกับจีนในหลายๆ ด้าน เช่น เศรษฐกิจ วัฒนธรรม เทคโนโลยี และแม้แต่การทหาร พวกเขาต้องการมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีกับจีน

ประเทศโลกที่สามบางประเทศ ซึ่งคอยเฝ้าสังเกตสถานการณ์ ก็เริ่มโน้มเข้าหาจีน ที่ผ่านมาจีนเป็นหนึ่งในสมาชิกถาวรของสหประชาชาติ แม้ว่าความน่าประทับใจของจีนจะดูอ่อนแอ แต่ตอนนี้ก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของพวกเขาแล้ว ประเทศจีนได้แสดงให้โลกได้เห็นว่าพวกเขามีสิ่งที่สามารถต่อสู้กับประเทศที่พัฒนาแล้วและพวกเขาก็ชนะด้วย

……

 

“พ่อครับ พวกเขาซื้อหุ้นของบริษัทพวกนั้น ดูเหมือนว่าจะทำกำไรได้ดีด้วย เราควรซื้อหุ้นตามพวกเขาบ้างดีมั้ยครับ?” หลี่เจ๋อจูรู้สึกอิจฉานิดหน่อยเมื่อเห็นผลตอบแทน

ในตอนแรกหลี่เจ๋อจูมีความคิดเหมือนกับพ่อของเขา เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในตลาดหุ้น ที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้อยู่ในวงการธุรกิจค้าเงิน

แต่ตอนนี้หลี่เจ๋อจูได้เห็นโอกาสในการทำเงินอย่างชัดเจน แม้ว่าผลกำไรจะต่ำกว่า และพวกเขาออกจากตลาดก่อน แต่พวกเขาจะไม่ขาดทุนอะไรเลย ถ้าพวกเขาปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขาจะรู้สึกไม่สบายใจ

“ใช่ครับพ่อ เราไปร่วมด้วยกับพวกนั้นกันเถอะ ฟู่หยงฉีชักชวนคนหลายตระกูลฮ่องกง และพวกเขาก็ลงทุนด้วยเช่นกัน ทุกคนร่วมมือกันเพื่อผลักราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นให้สูงขึ้น และจากนั้นทุกคนจะขายหุ้นทิ้งพร้อมกัน

ซุปเปอร์แมนหลี่นั่งบนโซฟาและค่อยๆ จิบชา “พวกแกทุกคนรอต่อไปไม่ไหวหรือไง? พวกแกคิดว่าฉันไม่รู้หรอว่านี่มันเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมมากในการทำเงิน? ฉันแค่อยากรอดูว่าพวกแกจะมีทีท่ายังไงเมื่อเห็นผลกำไรสูงต่อหน้าแบบนี้”

หลี่เจ๋อไคและพี่ชายของเขามองหน้ากันแล้วก็ก้มหน้า ทั้งสองไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อเห็นผลกำไรสูง

“อีกอย่าง การดำเนินการครั้งนี้ก็นำโดยตระกูลฟู่ หากเราไปเข้าร่วม เราก็จะต่ำกว่าพวกเขา พวกแกทนได้หรอ?” ซุปเปอร์แมนหลี่ถาม

หลี่เจ๋อไครีบพูดทันที “แล้วทำไมตระกูลฟู่สูงกว่าเราล่ะครับ? ในแง่ของอิทธิพลและอำนาจ ตระกูลฟู่จะมาเทียบกับเราได้ยังไง? ร้านค้าขายปลีกของตระกูลฟู่ยังต้องพึ่งเราอยู่เลย หากไม่มีท่าเรือของเรา ต้นทุนของพวกนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นมาก”

หลี่เจ๋อจูเถียงกลับ “ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นผู้นำธุรกิจ ตราบใดที่อีกฝ่ายสามารถพิสูจน์ได้ว่าเราจะไม่ขาดทุนในการลงทุนครั้งนี้ เจ๋อไค ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในบริษัทซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวคือเฝิงหยู่ ทำไมนายยอมรับเรื่องนั้นได้ล่ะ? นายพยายามจะบอกว่าเฝิงหยู่มีอำนาจและอิทธิพลมากกว่าตระกูลฟู่งั้นหรอ?”

หลี่เจ๋อไคเข้าใจทันทีว่าพ่อของเขาพยายามสอนอะไรพวกเขา ไม่สำคัญว่าจะชนะหรือแพ้ ผลลัพธ์สุดท้ายและผลกำไรคือเรื่องที่สำคัญที่สุด หากเขาสามารถให้เฝิงหยู่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวได้ แล้วทำไมเขาถึงจะปล่อยให้ตระกูลฟู่เป็นผู้นำในการดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้ล่ะ?

“พ่อครับ ผมเข้าใจแล้ว ทุกคนจะมีสิ่งที่ตัวเองถนัดและทำได้ดี ที่จริงแล้วมันดีสำหรับเราที่จะทำตามตระกูลฟู่ในการลงทุนครั้งนี้ เรายังสามารถช่วยกระตุ้นราคาหุ้นได้ด้วย ตัวอย่างเช่น เราสามารถเริ่มเจรจากับบริษัทพวกนั้นเพื่อให้มาร่วมมือกับท่าเรือของเรา ราคาหุ้นของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนอันเนื่องมาจากการเจรจานี้ แต่เราจะไม่เซ็นสัญญาใดๆ กับพวกเขา หลังจากที่ทุกคนขายหุ้นของพวกเขาทิ้งแล้ว เราจะประกาศว่าการเจรจาของเราได้จบสิ้นลงแล้วและปล่อยให้ราคาหุ้นของพวกเขาดิ่งลงต่อไปอีก!” หลี่เจ๋อไคพูด

“แบบนี้ ใครยังจะอยากมาหยุดจอดที่ท่าเรือของเราอีกล่ะ? เราทำแบบนี้ไม่ได้ มันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของ บริษัทเรา เราจะใช้เงินทุนของเราบางส่วนเพื่อซื้อหุ้นพวกนั้นและรับผลกำไรพร้อมกับคนอื่นๆ เราจะไม่เข้าร่วมได้ยังไงในเมื่อครอบครัวที่มีอิทธิพลมากจากทั้งมาเก๊าและฮ่องกงยังเข้าร่วมเลย? คราวนี้เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพียงแค่ทำตามพวกนั้นเพื่อทำกำไรก็พอ”