ราชันเร้นลับ 583 : กำลังเสริม โดย Ink Stone_Fantasy
ร่างกายทุกส่วนของไคลน์ถูกของเหลวอุณหภูมิเย็นเฉียบโอบกอด เดรสยาวสีทองสลับแดงเปียกชุ่มจนหนักราวกับหิน ช่วยถ่วงให้ชายหนุ่มจมลงก้นทะเลอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนั้น ยุบพองหิวโหยเขมือบเลือดเนื้อและวิญญาณของโจรสลัดโชคร้ายหมดพอดี ขจัดน้ำหนักส่วนเกินที่เป็นภาระออกไป
ไคลน์ไม่คิดลอยไปบนผิวน้ำ เลือกจมดิ่งลงก้นทะเลด้านล่าง สองข้างมีเสียงคลื่นทะเลดังแว่ว เป็นเสียงของโจรสลัดเส้นทาง ‘ลูกเรือ’ ที่กระโดดตามลงมา
สมรภูมิใต้น้ำคือสวรรค์ของพวกมัน!
หากเป็นที่นี่ ‘ลูกเรือ’ จะไม่ต่างอะไรกับปลา!
แต่ไคลน์หาได้ประหม่า ในฐานะนักมายากลผู้เตรียมพร้อมก่อนการแสดงทุกครั้ง มันย่อมคิดแผนหลบหนีในกรณีล้มเหลวเผื่อเอาไว้ เพราะไม่มีใครทำสำเร็จไปทุกเรื่อง
จริงอยู่ เพื่อให้แปลงโฉมเป็นเอลเลนได้อย่างแนบเนียน ไคลน์ต้องทิ้งสมบัติวิเศษเกือบทั้งหมดไว้บนมิติสายหมอก รวมไปถึงเงินสดและยันต์ขอบเขตเส้นทางวายุที่เคยทำเตรียมไว้ แต่นั้นก็มิอาจขัดขวางแผนการหลบหนีของไคลน์ ผู้เป็นถึงสามตัวตนในตัวคนเดียว ทั้งเทพสมุทร ข้ารับใช้เทพสมุทร และสาวกเทพสมุทร!
หลังจากกินจนอิ่มหนำ ยุบพองหิวโหยในมือซ้ายเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีด พร้อมกับแผ่ไอความเย็นไปรอบตัวในรัศมีหลายเมตร น้ำทะเลโดยรอบจึงเริ่มจับตัวกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง
แต่ก่อนที่ไคลน์จะถูกแช่อยู่ในก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมา กล้ามเนื้อแผ่นหลังพลันขยายขนาด ชายหนุ่มอาศัยพละกำลังช้างสารของซอมบี้ ชกทำลายแผ่นน้ำแข็งรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง
ลงเอยด้วย ไคลน์สร้างช่องว่างเล็ก ๆ รอบตัวที่ปราศจากน้ำทะเลขึ้น
อย่างไรก็ตาม น้ำทะเลบางส่วนเริ่มไหลซึมเข้ามาตามรอยแตก ไคลน์จึงเหยียดแขนพร้อมกับแผ่ไอความเย็นฉาบรอยรั่วทุกจุด เกิดเป็นกำแพงผลึกน้ำแข็งล้อมรอบร่างกายโดยสมบูรณ์
ชายหนุ่มรู้สึกราวกับกำลังถูกขังในคุกน้ำแข็ง แต่ถึงที่ว่างจะค่อนข้างคับแคบ ก็ยังกว้างพอให้ยืดเส้นยืดสาย
ไคลน์ไม่สิ้นเปลืองเวลา รีบเดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว ปากพึมพำคาถา ‘เซียนราชันฟ้าดินประทานโชค’ เพื่อส่งร่างวิญญาณเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก
เมื่อชายหนุ่มปรากฏกายบนที่นั่งเดอะฟูล มันรีบหยิบคทาสั้นที่วางเตรียมไว้บนโต๊ะขึ้นมาถือ
โดยไม่ต้องเสียเวลาควานหา เพียงเพ่งจิตอย่างแน่วแน่ ไคลน์ก็พบจุดแสงสีขาวที่เป็นของเกอร์มัน·สแปร์โรว์—สาวกเทพสมุทรหน้าใหม่ที่สร้างการเชื่อมต่อเตรียมไว้ล่วงหน้า
จากนั้น ชายหนุ่มยกไม้เท้ากระดูกขาว ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปจนอัญมณีสีฟ้าเปล่งแสง
ไคลน์ตอบสนองคำวิงวอนตัวเอง ตามด้วยการเสกเวทมนตร์มากมาย ฉาบร่างกายเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่อยู่ในคุกน้ำแข็ง มีทั้งพรที่ช่วยให้หายใจใต้น้ำ พรต้านทานแรงดันน้ำ พรที่มอบอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกายใต้น้ำ รวมถึงพลังที่เกี่ยวข้องชนิดอื่น ๆ
ปิดท้ายด้วย ไคลน์ส่งเทวทูตกระดาษโอบกอดตัวเองเพื่อต่อต้านพลังทำนายทุกรูปแบบ อีกทั้งยังออกคำสั่งให้สัตว์ทะเลคอยช่วยเหลือเกอร์มัน·สแปร์โรว์
เมื่อเตรียมการเสร็จ ชายหนุ่มมัวไม่เอ้อระเหย รีบส่งตัวเองกลับไปยังโลกจริง และตระหนักถึงสถานการณ์รอบตัว
แรงดันมหาศาลของน้ำทะเลกำลังกัดเซาะคุกน้ำแข็ง บางส่วนไหลทะลักเข้ามาในรอยแตก พื้นที่ว่างรอบตัวไคลน์เริ่มถูกแทนที่ด้วยน้ำทะเล
แต่ไม่มีสิ่งใดให้ไคลน์ต้องกังวล ตัวมันในตอนนี้มีอิสรภาพไม่ต่างจากเส้นทาง ‘ลูกเรือ’
เมื่อพังคุกน้ำแข็งออกมา ไคลน์พบปลาตัวหนึ่งกำลังว่ายมาทางตน ไม่เพียงเท่านั้น ใต้ฝ่าเท้ายังมีเงาดำทะมึนของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ลอยขึ้นจากก้นทะเลด้วยความเร็วสูง
มันคือปลาหมึกยักษ์สีน้ำตาลแดง รูปร่างค่อนข้างประหลาด ลำตัวมีขนาดมโหฬารชนิดที่พังเรือเดินสมุทรได้ง่ายดายด้วยหนวด
สัตว์ร่างยักษ์ทำการพ่นหมึกดำปกคลุมท้องทะเลภายในรัศมี ลูกเรือที่กำลังว่ายน้ำไล่หลังพลันสูญเสียทัศนวิสัย ร่างกายบางคนเกิดอาการชาอย่างเป็นปริศนา
เมื่อเริ่มหวาดกลัวสิ่งที่ไม่รู้ ทุกคนรีบว่ายขึ้นผิวน้ำเพื่อตรวจสอบความผิดปรกติที่อาจเกิดกับร่างกายตัวเอง
และเมื่อดำน้ำกลับลงไปอีกครั้ง ร่องรอยของไคลน์ก็หายไปโดยสมบูรณ์
ณ ก้นทะเลลึก ชายหนุ่มกำลังแหวกว่ายด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข มันผ่อนคลายเสียจนมีเวลาว่างพอจะนึกทบทวนรายละเอียดของภารกิจลอบสังหารเมื่อครู่
เราสวมรอยเป็นเอลเลนได้สมบูรณ์แบบแล้ว แม้แต่เทรซี่ที่เคยหลับนอนด้วยทุกคืน ก็ยังแยกแยะไม่ออกในทันที ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้โอสถมีพัฒนาการก้าวกระโดด…
ขณะเดียวกัน เราทำลายกำแพงขีดจำกัดทางจิตใจ และค้นพบเทคนิคสวมรอยให้ไม่เกิดความอึดอัดหรือตะขิดตะขวง…
แก่นสำคัญคือการเข้าถึงตัวตน แต่มิได้นำจิตใจเข้าไปหลอมรวมเป็นหนึ่ง สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการย่อยโอสถในอนาคต…
เราทำดีที่สุดแล้วในการต่อสู้ เตรียมความพร้อมล่วงหน้าอย่างรัดกุม ข้อบกพร่องเดียวก็คือ เราประเมินฝีมือของลำดับ 5 แม่มดทุกข์ระทมต่ำเกินไป มองข้ามประสบการณ์ต่อสู้อันโชกโชนก่อนจะกลายมาเป็นพลเรือโจรสลัดของเธอ…
ถึงเธอจะสูญเสียสมบัติวิเศษตั้งแต่เริ่มต่อสู้ แต่ลำพังพลังปัจจุบันของเรา การปิดบัญชีในพริบตาก็แทบเป็นไปไม่ได้…
จริงอยู่ แผนการจะราบรื่นกว่านี้ถ้าเราใช้คทาเทพสมุทร แต่กาฬมรณะยังอยู่ในน่านน้ำของหมู่เกาะรอสต์ ถ้าทำแบบนั้น ผู้บริสุทธิ์จะล้มตาย…
การต่อสู้ในวันนี้ช่วยให้เราค้นพบอีกหนึ่งจุดอ่อนสำคัญของตัวเอง นั่นคือการขาดสมบัติวิเศษในเชิงจู่โจม…
เมื่อแผนการล้มเหลว ชายหนุ่มย่อมรู้สึกห่อเหี่ยวเป็นปรกติ แต่ถึงอย่างนั้นก็มิได้เกิดอารมณ์ท้อแท้สิ้นหวัง เรื่องราวยังไม่จบ ไคลน์ยังสามารถเขียนจดหมายถึงมิสเตอร์อะซิก เพื่อรอดูท่าทีว่า อีกฝ่ายสนใจเอกสารโบราณที่อาจเกี่ยวข้องกับเทพมรณาหรือไม่
ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่ไคลน์จะกระโดดออกจากห้องเทรซี่ มันทำการเผาเสื้อผ้าผู้ชายในห้องแต่งตัวด้วยก้านไม้ขีดที่เตรียมทิ้งไว้ รวมถึงเส้นผมและรังแคทั้งหมด เพื่อให้เทรซี่เข้าใจว่า ผู้บุกรุกต้องการลบร่องรอยทิ้งโดยสมบูรณ์
แต่ความจริงแล้ว ไคลน์ทำไปเพื่อกลบเกลื่อนบางสิ่ง
สิ่งนั้นก็คือ ‘กระดุมเสื้อและเส้นผม’ ที่มันแอบโยนไว้ตามซอกเรือขณะเดินผ่านห้องพักบนกาฬมรณะ เป็นกระดุมเสื้อที่โจรสลัดไม่มีทางมองว่าเป็นสิ่งผิดปรกติ เพราะเกิดเป็นภาพจำประทับลงไปว่า ‘ผู้บุกรุกทำลายเส้นผมและเสื้อผ้าทั้งหมดทิ้งไปแล้ว’
แม้แต่เทรซี่ก็คงเข้าใจผิด คิดว่าผู้บุกรุกหวาดกลัวต่อคำสาปของเธอ จนระมัดระวังเรื่องเลือดและเส้นผมเป็นพิเศษ ดังนั้น การค้นหาเบาะแสหลังจากนี้จึงมุ่งเน้นไปยังร่องรอยอื่น และมองข้ามกระดุมกับเส้นผมโดยไม่รู้ตัว
อาศัยเส้นผมกับกระดุมข้างต้น ไคลน์สามารถระบุพิกัดของกาฬมรณะได้ทุกเมื่อ หากอะซิกแสดงความสนใจในเรื่องนี้ การตามหาตัวพลเรือโทโรคภัย·เทรซี่ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก
เราเคยประเมินไว้ว่า เรื่องแค่นี้คงไม่ต้องถึงมือมิสเตอร์อะซิก เคยคิดว่าภารกิจหนนี้ไม่ยากเกินกำลังตัวเอง แต่ดูเหมือนจะเข้าใจผิดถนัด…
ไคลน์ถอนหายใจ หน้าอกเจ็บแปลบเล็กน้อย
นั่นคือเหตุผลหลักที่ชายหนุ่มไม่ต้องการรบกวน ‘ลูกพี่’ ของตน ส่วนเหตุผลรองก็คือ มันยังไม่มั่นใจว่าบนกาฬมรณะจะมีเบาะแสเอกสารโบราณของราชวงศ์ไบลัมอยู่จริง เพราะถ้าหากเกิดไม่มีขึ้นมา อีกฝ่ายก็จะลงมือเสียเที่ยว และตนก็จะประสบความอับอาย
ไม่เพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะรบกวนมิสเตอร์อะซิกหรือไม่ แต่เงื่อนไขในการขึ้นกาฬมรณะคือ ไคลน์ต้องแปลงโฉมเป็นเอลเลน มิอาจหลีกเลี่ยงการใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อได้
ต่อหน้าคนรู้จัก สิ่งนี้น่าอับอายเกินไป
อันที่จริง หากไม่เพราะไคลน์ต้องการสืบข้อมูลเป็นประเด็นหลัก สนใจเพียงการฆ่าเทรซี่ ชายหนุ่มยังมีอีกหนึ่งวิธีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ นั่นคือการว่ายน้ำกลับไปยังบายัม ส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก อาศัยการระบุตำแหน่งจากกระดุม สร้างพายุสายฟ้าก่อกวนกาฬมรณะจากระยะไกลด้วยคทาเทพสมุทร
มันมิได้คาดหวังว่าเวทมนตร์เทพสมุทรจะสังหารเทรซี่ได้ในพริบตา แต่เหตุการณ์ผิดปรกติจะดึงดูดให้ ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนตื่นตัว และเมื่อถึงตอนนั้น ตำแหน่งของกาฬมรณะก็จะอยู่ในสายตาของโบสถ์วายุสลาตัน… ไม่มีทางที่เจ้าสมุทรจะไม่อยากพบหน้าสตรีแห่งโรคภัย…
ไคลน์ส่ายหน้าขื่นขมกับตัวเอง พลางอาศัยสัมผัสวิญญาณของนักทำนายนำทาง ว่ายน้ำตรงไปยังชายฝั่งอย่างรวดเร็ว
…
บนกาฬมรณะ เทรซี่สลายแนวป้องกันและเดินไปเก็บกำไลเลี่ยมเพชรในสภาพสวมเชิ้ตขาวเปื้อนเลือด
ผู้รุกบุกระวังตัวมาก… สมัยเรายังเป็นนักลอบสังหาร ความรอบคอบยังไม่มากเท่าเธอ… ไม่สิ คงเป็น ‘เขา’ มากกว่า…
เทรซี่กัดฟันกรอดขณะครุ่นคิด
มันมิได้โกรธแค้นที่ตนเกือบต้องตายด้วยฝีมือนักลอบสังหารปริศนา แต่มันหงุดหงิดเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายอาจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเอลเลน
หากอ้างอิงคำพูดของจักรพรรดิโรซายล์ เทรซี่กำลังรู้สึกว่าตน ‘เขางอก’
เอลเลน… เธอจะเย็นชาและโหดร้ายกับฉันได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ… ไม่สิ บางที เธออาจถูกบังคับด้วยกำลัง…
เทรซี่ก้มหน้ามองบาดแผลฉกรรจ์บนหัวไหล่ข้างซ้าย จวบจนตอนนี้ ความเจ็บปวดเหนือพรรณนาก็ยังไม่จางหายไปไหน
หากไม่ใช่เพราะโอสถ ‘นักลอบสังหาร’ และ ‘นักกระตุ้น’ ช่วยเสริมแกร่งร่างกาย อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นทุกการเลื่อนลำดับ ลำพังกระสุนนัดเดียวของอีกฝ่าย ก็มากพอจะระเบิดหัวไหลให้ไม่เหลือซาก คล้ายกับโจรสลัดปลายแถวที่ถูกยิงด้วยปืนไรเฟิลรุ่นล่าสุดของกองทัพ
หลังจากยืนมองเลือดไหลซึมจากปากแผล เทรซี่สั่งให้สาวใช้ผมทองด้านนอกเข้ามา อาศัยพลังพิเศษของอีกฝ่ายช่วยฟื้นฟูบาดแผล ขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งกับบรรดาโจรสลัดซึ่งยากจะละสายตาจากเรือนร่างตน ให้ค้นหาร่องรอยของผู้บุกรุกอย่างละเอียด
แต่ผ่านไปสักพัก โจรสลัดคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานว่า เสื้อผ้าและเส้นผมของผู้บุกรุกทั้งหมดในห้องแต่งตัว เกิดลุกไหม้ขึ้นเองอย่างเป็นปริศนา
คำพูดดังกล่าวทำให้เทรซี่หวนนึกถึงพฤติกรรมก่อนที่อีกฝ่ายจะกระโดดออกนอกหน้าต่าง
เธอถอนหายใจยาวพลางรำพัน
รอบคอบมาก…
แถมยังไม่โลภ เพราะหากเจ้านั่นหยิบกำไลข้อมือติดตัวไปด้วย เราคงไม่ต้องกังวลเรื่องการแกะรอย…
เทรซี่โบกมือ ส่งสัญญาณให้โจรสลัดส่วนใหญ่ออกจากห้อง เหลือเพียง ‘นักเจรจา’ มีซอร์ และสมาชิกระดับสูงอีกไม่มาก
“ผู้ช่วยรองกัปตัน นายกลับไปที่บายัมอีกครั้ง ตรวจสอบให้แน่ชัดว่า กลุ่มต่อต้านพบเอลเลนผมแดงได้ยังไง” เทรซี่ออกคำสั่งเสียงขรึม
มีซอร์ที่พยายามหักห้ามใจมิให้เหลือบมองหน้าอกของเทรซี่ ตอบรับอย่างเคร่งครัด
“ครับ!”
เทรซี่นั่งตรึกตรอง ก่อนจะเพิ่มอีกหนึ่งคำสั่ง
“ป่าวประกาศออกไปด้วยว่า ฉันได้รับบาดเจ็บสาหัส และคงยังไม่หายดีไปอีกพักใหญ่ แล้วก็… รองกัปตัน รีบแล่นเรือออกจากที่นี่ทันที พวกเราไม่ควรอยู่ต่อแม้เพียงวินาทีเดียว”
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง ทุกคนแยกย้ายออกไปทำงานของตัวเอง ความเงียบงันกลับมาปกคลุมห้องกัปตันเรืออีกครั้ง
จวบจนตอนนี้ เทรซี่พายามนึกหาเหตุผลมาตลอดว่า ผู้ลงมือมีจุดประสงค์อันใด ทำไมถึงต้องการฆ่าเธอ ทำแบบนั้นแล้วใครได้ประโยชน์
แต่ยิ่งใคร่ครวญก็ยิ่งปวดหัว เพราะถึงแม้เธอจะมีศัตรูไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครมีพลังพิสดารเหมือนผู้บุกรุก
จนกระทั่งเทรซี่ฉุกคิดบางสิ่ง ปากขยับพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา
“ยุบพองหิวโหย…?”
…
ยามเที่ยงคืน ณ ท่าเรือส่วนตัวแห่งหนึ่งบนเกาะภูเขาคราม
หญิงสาวคนหนึ่งผุดขึ้นจากทะเล มิใช่ใครนอกจากไคลน์ที่ปลอมตัวเป็นเอลเลน
ด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอน ชายหนุ่มดันร่างกายขึ้นบนฝั่ง ลอบเข้าบ้านชาวประมงในละแวกใกล้เคียงเพื่อขโมยชุดเก่าโทรมมาสวม และเปลี่ยนใบหน้ากลับเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์
หลังจากทิ้งเดรสของเทรซี่ไว้เป็นค่าตอบแทน ไคลน์รีบออกจากท่าเรือส่วนตัว ตรงดิ่งกลับไปยังเมืองบายัมก่อนฟ้าสาง
มันยังไม่กลับไปหาเดนิสทันที เลือกพักในโรงแรมขนาดเล็กแห่งหนึ่ง และประกอบพิธีกรรมเพื่อนำสมบัติวิเศษจำพวกนกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิก รวมถึงกระเป๋าสตางค์ กลับมายังโลกความจริง
เมื่อยืนยันว่าตนสามารถระบุตำแหน่งของกาฬมรณะได้ ไคลน์เป่านกหวีดทองแดงโดยปราศจากความลังเล
……………………