บทที่ 497 เป็นเจ้าได้อย่างไร

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 497 เป็นเจ้าได้อย่างไร

“คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะเป็นพวกรักตัวกลัวตายจนต้องส่งมนุษย์สัปดนอย่างเจ้าออกมาตายแทน…”

บุรุษหน้ากากทองเหลืองพูดพร้อมกับแผ่รังสีอำมหิต “เจ้าคงไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นวันตายของเจ้า…”

แล้วเขาก็ลงมือโจมตี

วูบ!

พลังลมปราณพุ่งออกมาเป็นลำแสงกระบี่

ลำแสงกระบี่ตรงไปที่หลินเป่ยเฉิน

หลินเป่ยเฉินต่อยหมัดสวนกลับไป

มวลอากาศปั่นป่วน

ถึงจะสลายการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ แต่มันก็ทำให้หลินเป่ยเฉินได้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีพลังเทียบเท่าตนเอง

“บัดซบ…”

หลินเป่ยเฉินสบถออกมาด้วยความเดือดดาล

แต่คำสบถนี้ยังไม่สามารถล้างความหงุดหงิดในจิตใจที่เกิดขึ้นได้แม้แต่น้อย

ทำไมเสื้อผ้าของเขาต้องถูกไฟเผาด้วยนะ

ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าต่อสู้แบบคนปกติไม่ได้?

มีใครบ้างที่ต้องเปลือยกายแล้วไม่อับอาย?

ขอเพียงเขารู้วิธีควบคุมพลังเปลวไฟของตนเองเท่านั้น อีกหน่อยก็คงไม่ต้องเปลือยกายเช่นนี้แล้ว

แต่วันนี้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งจักรวรรดิด้วยน่ะสิ

เป็นไปได้หรือที่หลินเป่ยเฉินจะไม่รู้สึกอับอาย?

ต่อให้เขาสวมใส่หน้ากากอยู่ก็เถอะ แต่ใบหน้าของเด็กหนุ่มในขณะนี้ก็กำลังแดงก่ำ

มวลพลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง

เปรี้ยง!

เสียงระเบิดดังกึกก้อง

การต่อสู้ของพวกเขาทำให้มวลอากาศปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง คลื่นพลังทำให้พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าสั่นสะเทือน ผิวดินพลิกตลบขึ้นมาเหมือนเป็นเศษกระดาษลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ

บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยเศษฝุ่นเศษดิน

กร๊อบ! กร๊อบ! กร๊อบ!

ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก

แขนของบุรุษหน้ากากทองเหลืองหักงอผิดรูปผิดร่าง

“อ่อนหัด เจ้าไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า”

หลินเป่ยเฉินปล่อยหมัดออกไปโจมตีต่อเนื่อง

เขาพยายามจะไม่ใช้วิชาที่ตนเองเคยใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนจำได้

ในเวลาเดียวกันนี้ เปลวไฟสีเงินของเขาก็ลุกโชนมารวมตัวเป็นลูกบอลก้อนใหญ่ เพื่ออำพรางส่วนที่น่าอับอายที่สุดของร่างกายไม่ให้ผู้ใดพบเห็น

แต่ในพริบตาต่อมา แขนที่หักงอผิดรูปผิดร่างของบุรุษหน้ากากทองเหลือง ก็สามารถกลับคืนรูปทรงเดิมได้เหมือนมันเป็นยางยืด ซึ่งสามารถกลับคืนสภาพเดิมได้ทุกรูปแบบอย่างไม่มีปัญหา

ผลั่ก!

หลินเป่ยเฉินกระแทกหมัดออกไปข้างหน้าอีกครั้ง

กร๊อบ! กร๊อบ! กร๊อบ!

ได้ยินเสียงกระดูกแตกหักเป็นครั้งที่สอง

ครั้งนี้ แขนของบุรุษหน้ากากทองเหลืองหักรุนแรงในระดับที่กระดูกทิ่มแทงออกมานอกผิวหนัง และกระดูกซึ่งโผล่พ้นออกมานั้น ก็ปักเข้าไปที่หน้าอกของตนเอง

“จงตายซะ”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม

เขากระแทกหมัดออกไปข้างหน้า

เปลวไฟสีเงินยวงห่อหุ้มทั้งร่างกาย

ครืน!

ร่างของบุรุษหน้ากากทองเหลืองลอยกระเด็นออกไป

เสื้อผ้าของเขาถูกเผาไหม้ไม่เหลือสักชิ้นเดียว

และเมื่อถูกเปลวไฟสีเงินลามเลีย หน้ากากทองเหลืองก็เริ่มละลายเหมือนเป็นขี้ผึ้งหลอมเหลว เปิดเผยถึงใบหน้าของบุคคลที่มันอำพรางซ่อนเร้นอยู่ภายใน

ซ่า!

บุรุษหน้ากากทองเหลืองกระเด็นตกลงไปในน้ำทะเล

หลินเป่ยเฉินดึงกำปั้นของตนเองกลับคืนมา

“อย่าบอกนะว่าแพ้แล้ว?”

เด็กหนุ่มอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ

ทำไมเขาถึงเอาชนะได้ง่ายดายนัก?

แบบนี้มันง่ายเกินไปแล้ว

รอบกายของหลินเป่ยเฉินกำลังแผ่รัศมีเปลวไฟสีเงินออกมาร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

“แต่ในเมื่อเราชนะแล้ว ก็คงกลับไปเฝ้าวิหารตามเดิมได้แล้วมั้ง?”

หลินเป่ยเฉินหมุนตัวกำลังจะเดินออกจากค่ายอาคมสนามรบ

แต่ในทันใดนั้น

ซู่!

ปรากฏบุคคลผู้หนึ่งพุ่งขึ้นมาจากใต้น้ำทะเล

เงาของเขาพาดผ่านผืนฟ้าด้วยความเร็วไว

บุคคลผู้นี้มีพลังปราณธาตุสายฟ้า ไม่ทราบว่าในมือปรากฏกระบี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ และกระบี่เล่มนั้นกำลังฟันลงมาที่ศีรษะของหลินเป่ยเฉินโดยที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว

พลังการโจมตีครั้งนี้รุนแรงมาก

ในหัวสมองของหลินเป่ยเฉินมองเห็นแต่คำว่า “อันตราย”

เด็กหนุ่มไม่สนใจรักษาภาพลักษณ์อีกแล้ว เขาม้วนตัวกลิ้งไปบนพื้น เพื่อหลบหลีกการโจมตี

ครืน!

คมกระบี่ฟาดฟันลงไปบนพื้นดิน ส่งผลให้ภูเขาสั่นสะเทือนไปทั้งลูก

รอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนผืนดิน

กระบี่นี้สามารถแยกเกาะกลางทะเลออกเป็นสองเสี่ยงได้จริงๆ

น้ำทะเลเริ่มไหลซึมเข้ามาสู่ตัวเกาะ

หลินเป่ยเฉินถึงไม่ถูกโจมตีโดยตรง แต่พลังปราณธาตุสายฟ้าของฝ่ายตรงข้ามก็ทำให้เขารู้สึกช้าดิกไปทั้งร่างกาย และเมื่ออ้าปากออกมา หลินเป่ยเฉินก็ต้องกระอักเลือดคำใหญ่…

“ยังไม่ยอมแพ้อีกรึ?”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น และได้พบเห็นใบหน้าที่แท้จริงของบุรุษหน้ากากทองเหลือง

“เป็นเจ้าได้อย่างไร?”

หลินเป่ยเฉินถึงกับเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ

ในสนามรบศักดิ์สิทธิ์จุดที่หนึ่ง การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป

เงาคนเคลื่อนไหววูบวาบ

คู่ต่อสู้ของติงซานฉือมีสภาพย่ำแย่แล้ว

หลังจากฉากหลบออกมาโคจรพลังฟื้นฟูตนเอง ตัวแทนลำดับที่หนึ่งจากฝ่ายคุณชายเหลียนซานก็พูดว่า

“ดูเหมือนข่าวลือจะถูกต้องจริงๆ อดีตเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุน สามารถเรียกคืนฝีมือที่แท้จริงกลับคืนมาได้อีกครั้ง” ผมสีดำที่ยาวสลวยของเขาห้อยตกลงมาปรกใบหน้าซีกซ้าย เหมือนกิ่งไม้และเถาวัลย์ที่ตกลงมาปกคลุมลำต้น ชายหนุ่มผู้เป็นคู่ต่อสู้ของติงซานฉือโคจรพลังลมปราณเล็กน้อย แล้วกระบี่ที่อยู่ในมือของเขาก็หยุดการสั่นไหวในที่สุด

ชายหนุ่มจ้องมองติงซานฉือด้วยแววตาแห่งความประหลาดใจ

กระบี่คุณธรรมในมือของติงซานฉือก็กำลังสั่นไหวอยู่เช่นกัน

จวบจนถึงตอนนี้ พวกเขาต่อสู้กันมาหลายกระบวนท่าแล้ว ใช้พลังลมปราณออกมาจำนวนมหาศาล กระบี่ในมือก็ถึงกับสั่นสะท้านด้วยพลังที่อัดแน่นมากเกินไป

ชายชราสะบัดข้อมือ

แล้วกระบี่คุณธรรมก็ตั้งตรงขึ้นมา

“สมแล้วที่เจ้าเป็นกระบี่เทพพฤกษา ผู้อยู่ลำดับที่สามในกลุ่มห้าเทพมือกระบี่ของเว่ยหมิงเฉิน”

ติงซานฉือพูด

ชายหนุ่มเจ้าของฉายากระบี่เทพพฤกษาค่อยๆ ยกกระบี่ในมือขึ้นมา “จึงถือเป็นเกียรติของข้าอย่างยิ่ง ที่จะได้ส่งเซียนกระบี่ติงไปสู่สัมปรายภพ!”

แล้วกระบี่รากไม้ในมือของเขาก็แทงปราดออกมาข้างหน้า

เมื่อชายหนุ่มโคจรพลังลมปราณสู่ตัวกระบี่ กระบี่ที่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนกิ่งไม้แห้งพลันกลับกลายเป็นสีเขียวชะอุ่มมีชีวิตชีวา และในเวลาเดียวกันนั้น บนกระบี่ก็มีดอกไม้บานสะพรั่งขึ้นมาอย่างน่ามหัศจรรย์

ติงซานฉือโคจรพลังลมปราณตั้งรับ ยกกระบี่ขึ้นขวางระดับอก แล้วม่านหมอกเมฆสีขาวก็ปรากฏขึ้นรอบกาย

ร่างของชายชราลอยขึ้นสูง

เขาเหมือนเทพเจ้าที่ยืนอยู่บนก้อนเมฆอีกครั้ง

เมื่อกระบี่ตวัดฟันออกไป พลังลมปราณจำนวนมหาศาลก็ถูกปลดปล่อยเป็นระลอกคลื่น

นี่คือวิชากระบี่ประจำเมืองไป๋หยุน!

“นับเป็นกระบวนท่าที่ประเสริฐ แต่น่าเสียดายที่มันเป็นกระบวนท่าล้าสมัยเกินไป!”

มือกระบี่เทพพฤกษามู่หลินเซินยกกระบี่ขึ้นปัดป้อง

ทันใดนั้น รอบกายของเขาก็เต็มไปด้วยเถาวัลย์สีเขียว เวลาที่ตวัดกระบี่ เสียงกระบี่ก็แปรเปลี่ยนไปกลายเป็นเสียงต้นไม้ไหวเอนเสียดสีกัน นอกจากนั้น ในอากาศยังปรากฏกลีบดอกไม้โปรยปรายลงมาบานสะพรั่ง เกิดเป็นภาพที่งดงามชวนให้ตกตะลึงเป็นที่สุด

กลีบดอกไม้ปลิวไปตามสายลม

เพียงพริบตาเดียว กระบี่เทพพฤกษาก็เข้าประชิดตัวติงซานฉือ

หลังจากนั้น เขาก็ฟันกระบี่ในระยะประชิด คมกระบี่เปลี่ยนสภาพกลายเป็นกลีบดอกไม้จำนวนหนึ่งพุ่งกระจาย

แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก!

ได้ยินเสียงเสื้อผ้าฉีกขาด ปรากฏว่าเป็นเสื้อคลุมของติงซานฉือถูกคมกระบี่ฟันขาดหลายจุด แม้แต่เส้นผมบริเวณข้างขมับของเขาก็ถูกตัดขาดปลิวไปตามสายลม

“ดวงจันทร์สว่างไสว เมฆขาวครอบคลุมท้องนภา”

แล้วก้อนเมฆที่ห่อหุ้มตัวติงซานฉือก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นโล่กำบัง คุ้มครองชายชราจากการโจมตีทุกกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้าม

ในเวลาเดียวกันนี้ ติงซานฉือก็หมุนตัวเคลื่อนที่จากทางซ้ายย้ายไปอยู่ทางขวา

วูบ!

ตัวคนตีลังกาออกจากด้านหลังกลุ่มก้อนเมฆและพุ่งเข้าไปหามือกระบี่พฤกษาด้วยความเร็วสูงสุด

“ผืนหญ้าเขียวขจี มวลบุปผาบานสะพรั่ง”

เมื่อร่ายคาถาประจำตัวออกมา พื้นที่รอบกายมู่หลินเซินก็กลายเป็นทุ่งดอกไม้แสนสดใส ด้านหลังห่างออกไปประมาณสิบวา เป็นผืนป่าหนาแน่นที่ต้นไม้มีสีเขียวสดยืนต้นทะมึนดูน่าเกรงขาม

วูบ!

คมกระบี่ถูกตวัดออกไปอีกครั้ง

เหนือคมกระบี่ของเขา ยังมีกลีบดอกไม้โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า กลีบดอกไม้เหล่านั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล ปกคลุมทั่วพื้นที่ของเขตสนามรบศักดิ์สิทธิ์!

เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!

ได้ยินเสียงกระบี่ปะทะกันต่อเนื่อง

กลุ่มก้อนเมฆสีขาวถูกดูดหายเข้าไปในผืนป่าที่หนาแน่น

ตู้ม!

เกิดการระเบิดของมวลพลังลมปราณขนาดใหญ่

ภายในรัศมีหลายร้อยวา พื้นดินเกิดรอยแตกร้าว กรวดหินดินทรายปลิวกระจายในอากาศ

ก่อนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง

การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้พื้นที่โดยรอบถูกทำลายหมดสิ้น

นี่จึงเป็นเหตุผลที่การต่อสู้ต้องจัดขึ้นในค่ายอาคมสนามรบศักดิ์สิทธิ์

มิฉะนั้น หากการต่อสู้จบลง ผู้อยู่รอดคงไม่มีเวลายินดีไปกับชัยชนะของตนเอง เพราะพบว่าภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารประจำเมืองนั้นได้พังถล่มลงไปแล้ว

“ฟู่!”

เลือดพุ่งกระฉูด

มือกระบี่เทพพฤกษามู่หลินเซินลอยกระเด็นออกไป

เขานอนฟุบอยู่บนพื้นดิน

ปรากฏรอยบาดแผลฉกรรจ์จากคมกระบี่อยู่ตามหัวไหล่ ลำคอและช่วงเอว…

ตำแหน่งละหนึ่งจุด

โลหิตสีแดงสดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ

การต่อสู้ครั้งนี้ มู่หลินเซินเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ติงซานฉือสลายก้อนเมฆขาวของตนเองและแทงกระบี่ลงไปหมายปลิดชีพฝ่ายตรงข้าม

“ขอโทษที พอดีข้ารีบ ขอให้วิญญาณของเจ้าจงไปสู่ที่ชอบๆ เถอะนะ”