ตอนที่ 614 ผู้มาตามคำเชิญของติ้งอันป๋อ

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 614 ผู้มาตามคำเชิญของติ้งอันป๋อ

นี่คือการบรรยายที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง

การสอนในครานี้เพื่อให้ราชวงศ์หยูได้เปิดประตูรับการพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่

ท่ามกลางเสียงปรบมือแสนอบอุ่นนั้น ฟู่เสี่ยวกวนค่อย ๆ เดินไปที่ประตูด้านหลังของห้องบรรยาย แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงปรบมือดังกึกก้องอยู่

เฮ้อซานเตารู้สึกว่าตนปรบมือแรงเสียจนมือจะบวมอยู่แล้ว !

ติ้งอันป๋อได้มอบคำชมให้แก่พ่อตา คู่หมั้นของข้าก็จะได้รับเกียรติไปด้วยโดยปริยาย ขณะที่ข้าอยู่ใต้บังคับบัญชาของติ้งอันป๋อจึงได้รับเกียรติกว่าพวกเขาเสียอีก !

หลังจากกลับหลินจื๋อ ข้าสามารถไปคุยโวโอ้อวดผู้คนได้แล้ว !

แน่นอนว่าพวกเขามิรู้ว่าวันนี้ฝ่าบาทได้เตรียมของพระราชทานให้แก่สองตระกูลแห่งหลินจื๋อเรียบร้อยแล้ว

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ได้ประกาศกฤษฎีกาและได้มอบป้ายประกาศทองคำให้แก่ทั้งสองตระกูล อีกทั้งแคว้นหลิวยังส่งสตรี 2 นางมาเป็นของกำนัลอีกด้วย !

ตระกูลโจ่งกับตระกูลหยูร่วมกันจัดงานเลี้ยงฉลองยิ่งใหญ่เอิกเกริก โดยเชิญผู้คนที่มีความเคารพนับถือในหลินจื๋อมาเข้าร่วมด้วย

งานฉลองนี้จัดขึ้นเป็นเวลาสามวันสามคืน จนกระทั่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่จากไป เมืองหลินจื๋อจึงค่อย ๆ ฟื้นคืนความเงียบสงบ

เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปภายใต้การประชาสัมพันธ์ของราชสำนัก การมอบรางวัลครานี้จากฝ่าบาท ทำให้พ่อค้าทั่วทั้งใต้หล้าล้วนตกตะลึงด้วยกันทั้งสิ้น !

ในราชวงศ์หยู มิเคยปรากฏเรื่องเช่นนี้มาก่อน นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับใต้หล้า… ทำให้พ่อค้าคิดจะลุกขึ้นมาสู้บ้าง !

โครงร่างที่เน้นการผลักดันด้านเศรษฐกิจของติ้งอันป๋อได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในราชวงศ์หยูนับแต่นี้เป็นต้นไป

ต่อจากนี้ไป พ่อค้าจะมิใช่จุดต่ำสุดของสังคมอีกต่อไปแล้ว พวกเขาจะสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นมากโขเลยทีเดียว !

หลังจากงานเลี้ยงฉลองจบสิ้นลง โจ่งเจิ้งเต้าผู้นำตระกูลโจ่งและหยูหมิงซินผู้นำตระกูลหยู ก็รู้สึกวิตกกังวลมากยิ่งนัก…

ฝ่าบาทพระราชทานหญิงงาม 2 คนมาให้ จะทำเยี่ยงไรดี ?

“ฝ่าบาทมิได้ตรัสว่าให้พวกเรารับเป็นอนุนี่ ! ”

“ฝ่าบาทเป็นผู้พระราชทานให้ ข้าเกรงว่าพวกนางคงมิเหมาะกับตำแหน่งอนุเป็นแน่ ! ”

“ความหมายของท่านคือ…ให้ตำแหน่งฮูหยินรองเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ข้าก็มิรู้เช่นกัน หรือควรจะเลี้ยงดูอย่างเดียว ? ”

“นี่… เจ้ากับข้าก็อายุปูนนี้แล้ว มิรู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานเท่าใด พวกเราจะทนกับหญิงงามเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน ? จะทนได้สักกี่น้ำเชียว เกรงว่าเจ้ากับข้าคงทนมิไหวเป็นแน่”

“หลังจากได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ข้าคิดว่าควรจะเลี้ยงดูพวกนางเอาไว้”

“เหล่าหยู เจ้าว่า…เป็นไปได้หรือไม่ที่ฝ่าบาทขอให้พวกเราเลี้ยงดูเอาไว้ ถ้าหากฝ่าบาทมาที่ถนนเจี้ยนหนาน… แล้วค่อยให้พวกเราพาหญิงงามที่เลี้ยงดูไปที่ประทับของพระองค์ เป็นความคิดที่ดีใช่หรือไม่ ? ”

หยูหมิงซินตบที่ต้นขาเบา ๆ แล้วชี้นิ้วไปที่อีกฝ่าย “ความคิดของเจ้ารอบคอบยิ่ง ทำตามนี้เถอะ ! ”

……

……

หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนจากไป หลี่ชุนเฟิง คณบดีสำนักศึกษาจี้เซี่ยก็ได้ขึ้นมาบนเวที

เขามิลังเลที่จะให้คำสรรเสริญแก่ติ้งอันป๋อ และเป็นอีกคราที่ให้กำลังใจแก่บัณฑิตจากสำนักศึกษาการค้า ให้พวกเขายึดแบบอย่างของติ้งอันป๋อในการเรียนรู้… ขยันและทุ่มเท

หลังจากนั้น เขาก็ได้เชิญผู้แทนจากห้าตระกูลการค้าใหญ่มาพักผ่อน

ส่วนผู้คนที่เหลือก็เริ่มทยอยออกไปจากห้องบรรยายใหญ่ ขณะที่ผู้คนจากตระกูลใหญ่ทั้งห้าเดินไปยังแผนกต้อนรับ

“แล้วพวกเราล่ะ ? ” เฮ้อซานเตามิรู้ว่าหลังจากนี้ควรทำเยี่ยงไรดี

“พวกเรา ? พวกเราก็กลับไปที่จวนติ้งอันป๋อเยี่ยงไรเล่า”

“อ่า…ข้าว่า ข้ากับเจ้ามาที่เมืองจินหลิงเป็นคราแรก ข้าได้คาดเดาเอาไว้ว่าอีกสองวันติ้งอันป๋อจะต้องส่งข้าไปเป็นทหารดาบเทวะแล้วเป็นแน่ ถ้าเช่นนั้นเจ้ากับข้าไปเดินเล่นเยี่ยมชมเมืองกันดีหรือไม่ ? ”

พอจงสือจี้ได้ยินดังนั้น ใช่แล้ว ! เป็นไปมิได้เลยที่ติ้งอันป๋อจะพาพวกเราไปเดินเล่นเพราะเขามีงานมากมายต้องไปจัดการ “ถ้าเยี่ยงนั้นก็ไปกันเถอะ”

“จะไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ไปกินมื้อกลางวันก่อน… เจ้ามีเงินหรือไม่ ? ”

เฮ้อซานเตาหัวเราะหึหึ จากนั้นก็หยิบเอาตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อทำให้จงสือจี้ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก

“เอามาจากที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เฮ้อซานเตาหันไปมองรอบ ๆ แล้วกระซิบว่า “เจ้าอย่าบอกความลับนี้กับติ้งอันป๋อล่ะ ตั๋วเงินพวกนี้…ข้าได้มาจากเมืองเจี้ยนเหมิน หึหึ ! ติ้งอันป๋อคิดว่าข้าเอาคืนไปหมดแล้ว แต่ดีที่ข้าฉลาด แอบเก็บไว้ 5,000 ตำลึง ไปกันเถอะ เห็นว่าช่วงนี้เจ้าได้สอนหนังสือให้ข้าหรอกนะ ดังนั้นข้าจะเชิญเจ้าไปทานอาหารที่ดีที่สุดในหอซื่อฟาง ! ”

ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องบรรยายพร้อมกับฝูงชนคนอื่น ๆ อย่างมีความสุข พอเดินออกจากสำนักศึกษาจี้เซี่ยกลับมิทราบว่าหอซื่อฟางต้องไปทางใด

“หารถม้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เจ้าเรียนมาเยอะ เจ้าตัดสินใจเถอะ”

……

……

ซือหม่าเช่อและคนอื่น ๆ มิรู้ว่าท่านคณบดีให้พวกตนอยู่ต่ออีกทำไม พวกนางเดินตามหลี่ชุนเฟิงมาถึงลานด้านหลังของห้องบรรยายใหญ่ จึงได้เห็นฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับชายวัยกลางคนที่ดูสูงศักดิ์มากยิ่งนัก

ที่นั่นมีโต๊ะหินหนึ่งโต๊ะ กาน้ำชาหนึ่งกา สิ่งสำคัญคือด้านหลังของชายวัยกลางคนผู้นั้นมีขันทีสูงอายุยืนเอามือซุกแขนเสื้ออยู่ ดูเหมือนจะงีบหลับ

ฟู่เสี่ยวกวนรินน้ำชาให้กับชายวัยกลางคนผู้นั้น จากนั้นก็เหลือบมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามา ยกยิ้มขึ้นแล้วกวักมือเรียก “ฝ่าบาทตรัสว่าต้องการพบพวกเจ้า”

เมื่อกล่าวออกไปแบบนั้น ผู้คนจากตระกูลใหญ่ทั้งห้าล้วนตื่นตกใจจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ดูเหมือนว่าวันนี้ฮ่องเต้จะทรงพระเกษมสำราญเป็นพิเศษ พอเห็นดังนั้นจึงเสด็จออกจากที่ประทับแล้วไปช่วยพยุงพวกเขาให้ลุกขึ้นทีละคน

“พวกเจ้านั้นเป็นคนหนุ่มสาวของราชวงศ์หยู อ่าใช่สิ ! ยังมีวัยกลางคนแห่งราชวงศ์หยูอีกด้วย… การบรรยายของติ้งอันป๋อในวันนี้ ข้าอยู่ด้านหลังห้องบรรยายและได้ยินทั้งหมดแล้ว…”

พอฝ่าบาทตรัสเสร็จก็หันกลับมาและเสด็จไปที่โต๊ะน้ำชาเพื่อประทับลงตามเดิม “ถ้าพ่อค้าทำธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ข้าจะสนับสนุนอย่างยิ่ง พวกเจ้าเป็นตัวแทนของพ่อค้าทั้งหมดในราชวงศ์หยู ข้าอยากจะเอ่ยกับพวกเจ้าว่า ภายใต้กรอบของกฎหมาย จงทำด้วยความมั่นใจและกล้าหาญ มิต้องกลัวว่าจะเกิดข้อขัดข้อง ! ”

“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ราชวงศ์หยูได้รับความเดือดร้อนจากสงคราม ได้รับความทรมานจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำให้ราษฎรในราชวงศ์หยูมีชีวิตที่ยากลำบาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นข้ารู้ดี ตอนนี้ปัญหาภายในและภายนอกได้รับการแก้ไขทั้งหมดแล้ว ต่อไปคือเวลาแห่งการผ่อนคลายจากที่เหนื่อยล้ามาเนิ่นนาน คือการที่พ่อค้าเยี่ยงพวกเจ้าสามารถขึ้นไปบอกกล่าวบนเวทีเพื่อแคว้นเพื่อราษฎรและเพื่อตัวของพวกเจ้าเองได้ ถึงเวลาของพ่อค้าบ้างแล้ว”

“ข้าเชื่อว่าภายใต้การดูแลของติ้งอันป๋อ เขาจะสามารถโน้มน้าวพ่อค้าทั่วทั้งใต้หล้า และยกระดับเศรษฐกิจของราชวงศ์หยูให้ขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้”

“ข้าจะมิเอ่ยให้กำลังใจพวกเจ้าอีกแล้ว ข้าจะกล่าวกับพวกเจ้าเป็นสิ่งสุดท้ายว่า ตราบใดที่พวกเจ้ามีบุญคุณต่อผืนปฐพี ข้าก็มิลังเลที่จะพระราชทานของตอบแทนแก่พวกเจ้า ! ”

ถ้อยคำที่ฮ่องเต้ตรัสออกมาทำให้ภายในจิตใจของพวกเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

หลายคนถึงกับร้องไห้ออกมา !

เพื่ออันใดกัน ?

พวกเขาคือพ่อค้า ต่อหน้าอาจจะดูสดใส แต่ในสายตาของผู้คนล้วนเห็นพวกเขาเป็นหนอนบ่อนไส้ เป็นมนุษย์กินเลือด เป็นผู้ที่อยู่ภายใต้สังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก

วันนี้ฝ่าบาททรงพบพวกเขาเป็นการส่วนพระองค์ ตรัสคำเหล่านี้ด้วยพระองค์เอง พวกเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่าวันแห่งการค้าขายของพ่อค้ามาถึงแล้ว !

ในที่สุดพวกเขาก็สามารถตั้งหน้าตั้งตาทำเงินได้อย่างมั่นใจเสียที พวกเขาสามารถสร้างรายได้และใช้จ่ายเงินอย่างสุจริตได้แล้ว !

ทุกคนคุกเข่าทำความเคารพอีกครา จากนั้นฝ่าบาทก็ยืนขึ้น “หากต้องการขอบคุณ จงไปขอบคุณติ้งอันป๋อเถอะ เรื่องทั้งหมดนี้เขาได้ต่อสู้ดิ้นรนให้พวกเจ้า ข้ายังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการ เชิญพวกเจ้าตามสบายเถอะ”

“น้อมส่งเสด็จ ! ”

จากนั้นฝ่าบาทก็ได้เสด็จออกไปโดยมีขันทีเจี่ยเดินตาม

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะออกมา “ลุกขึ้นเถอะ…คำเชื้อเชิญจากพวกเจ้าข้าจะรับเอาไว้ ในค่ำคืนนี้ข้าจะเป็นเจ้าภาพ เชิญพวกเจ้าที่หอซื่อฟาง…”