บทที่ 435 เขาต่างหากที่เป็นชาติตระกูลที่มั่งคั่ง

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ยู่ยี่ที่กำลังก้มหน้าได้ยินก็ตอบว่า ซื้อรถอะไร เงินเดือนของเธอเลี้ยงได้แค่เธอ เลี้ยงรถไม่ไหวหรอก

ทั้งสองกำลังคุยกัน ทันใดนั้นนาโนร้องเสียงหลง“ดู นั่นใคร”

ไม่รู้ว่าเห็นใครถึงได้แตกตื่นขนาดนี้ ยู่ยี่เงยหน้าด้วยความประหลาดใจ เมื่อมองตาสายตาเพื่อนรัก

ตรงไม่ไกลออกไปมีรถสีดำจอดหน้ากระถางดอกไม้ เสื้อกันหนาวสีดำยาวถึงหัวเข่า เมื่อลมหนาวพัดผ่าน ชายเสื้อก็ปลิวไหว นั่นคือฉันทัชที่ไม่เจอกันนาน

ไหล่กว้างที่แข็งแรงของเขาพิงอยู่ที่เบาะรถ ขายาวอันมีเสน่ห์วางทับกัน ริมฝีปากบางกำลังสูบบุหรี่อยู่ ควันบุหรี่ลอยฟุ้งกระจาย แสงไฟสลัวข้างทางสอดส่องเขา ให้ความรู้สึกพิเศษบางอย่าง

คล้ายกับรับรู้การถูกจ้องมอง ฉันทัชที่มีบุหรี่ในปากต้องหรี่ตาขึ้นเพราะเจอควันบุหรี่ จากนั้นก็จ้องมองมา

จากวันนั้นที่เจอกันครั้งสุดท้ายจนถึงวันนี้ก็ยี่สิบวันแล้ว

หัวใจของยู่ยี่เต้นระรัวอย่างควบคุมไม่อยู่ เธอเหมือนกลายเป็นประติมากรรมนิ่งค้างไว้เช่นนั้น จากนั้นเธอดึงสติกลับมาก็รีบละสายตา และปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ

นาโนยังคงจ้องต่อไป เธอเห็นฉันทัชสูบบุหรี่ครั้งแรก เธอจ้องจนเคลิ้ม รู้สึกน่าหลงใหลมาก

ยู่ยี่ก็เห็นเขาสูบบุหรี่ครั้งแรกเช่นกัน ทว่าด้วยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในตอนนี้ ไม่สะดวกที่จะมองนานๆ

นาโนจอดรถ ผลักยู่ยี่ลงจากรถ“ลงไป”

ยู่ยี่นั่งกลับที่ไม่ไปไหน พูดว่า“ด้านในมีโรงจอดรถ เธอขับเข้าไปเลย”

“ฉันไม่ได้มาส่งของนะ ที่นี่แหละ เธอไม่ลงก็ช่าง ฉันจะลง”นาโนพูดพร้อมกับผลักประตูรถลงไป

และแล้วยู่ยี่ก็ต้องลำบากใจ นั่งในรถก็ไม่ได้ ลงจากรถก็เหมือนจะไม่ดี

นาโนเดินเข้าไปทักทายกับฉันทัชด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ฉันทัชพยักหน้าเล็กน้อย โครงหน้าอันประณีตยังคงเรียบเฉย ทว่าตอนที่นาโนเข้าใกล้ เขาดับบุหรี่ทิ้งแล้ว

ทว่าดวงตาลุ่มลึกเอาแต่จ้องยู่ยี่อย่างไม่ละสายตา ทั้งยังเจือความโลภด้วยนิดๆ

ยู่ยี่เดินเข้าไป ทว่าไม่ได้มองฉันทัช แค่ทิ้งประโยคให้นาโนว่า:ขับรถระวังด้วย

สิ้นเสียง เธอก็เดินผ่านทั้งสองคน ไม่สนใจดวงตาร้อนผ่าวคู่นั้น

นาโนยิ้ม“เพื่อนฉันเป็นคนใจแข็ง เกลียดมือที่สามที่สุด แต่คุณก็ทำให้เธอกลายเป็นแบบนั้น ถึงจะไม่ตั้งใจก็เถอะ”

ฉันทัชพยักหน้า“ผมเข้าใจ”

“แต่ฉันเชื่อมั่นใจตัวคุณ สนับสนุนคุณ ในสายตาฉัน คุณไม่ใช่ผู้ชายที่เอาผู้หญิงมาเล่น”นาโนชี้ไปยังคอนโด“คุณรู้ได้ไงว่าเพื่อนฉันย้ายมาที่นี่?”

“ให้ผู้ช่วยสืบ”ฉันทัชเอ่ยปากพูด สายตากวาดไปมองห้องที่สว่างไสว

เขาบินมาจากเฮทเค ไม่ทันพักผ่อนก็ตรงดิ่งมายังที่พักเธอ ทว่าสิ่งที่ได้มาคือเธอย้ายออกไปแล้ว

วินาทีนั้นเขารู้สึกผิดหวังในรอบหลายสิบปีเลยทีเดียว เขารีบโทรให้ผู้ช่วยโก๋ให้เขาค้นหาข้อมูล

เมื่อได้รับคำตอบ หัวใจที่กระวนกระวายก็เป็นปกติ ตอนที่เห็นหน้าเธอเมื่อครู่ ความเหนื่อยล้าบนกายล้วนมลายหมดสิ้น

เขารอที่นี่สองชั่วโมงแล้ว และไม่ได้รอสูญเปล่า อย่างนั้นก็ได้เห็นหน้าเธอแล้ว

“เธอไม่สนใจคุณแน่ ไปด้วยกันไหม?”นาโนเลิกคิ้ว“ฉันเลี้ยงคุณดื่มสักแก้ว?”

“ขออภัยด้วย ตอนนี้ผมยังไม่มีอารมณ์ ไว้มีเวลาแล้วผมจะเลี้ยงคุณเอง”ฉันทัชกล่าวเสียงเรียบ และยิ้มให้น้อยๆ

นาโนยักไหล่ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก แค่ทิ้งประโยคไว้ว่า ยังปฏิรูปไม่สำเร็จ ผู้ร่วมอุดมการณ์จึงพยายามมุ่งมั่นต่อไป

นาโนพูดเสียงกึกก้องเสร็จก็เดินจากไป ฉันทัชยืนตัวตรง จ้องไปยังตึกคอนโดตรงข้าม

ตึกใหญ่ของคอนโดหรูหรากว่าที่อื่น ทว่าก็ยังไม่เข้าสายตาเขา เพียงแต่ที่นี่มีผู้หญิงที่เขาโหยหาและอยากเห็นหน้าที่สุด

ดังนั้น จึงทำให้เขารู้สึกว่าตึกใหญ่นี้ ทิวทิศน์ยามราตรีงดงามกว่าเฮทเคที่หรูหราที่สุด ดึงดูดใจกว่าหลายร้อยเท่า

อากาศช่วงฤดูหนาว ถ้าเกิดยืนด้านนอกนานครึ่งชั่วโมงก็จะรู้สึกหนาวสั่น ทว่าเขากลับยืนเป็นชั่วโมง จากนั้นก็กลับเข้าไปอยู่ในรถ

ด้านข้างที่นั่งเขาวางซองเอกสารไว้ ฉันทัชถอดถุงมือหนังสีดำออก ฝ่ามือเขาหนาวจนเริ่มแดงแล้ว เขาหยิบซองเอกสารจากนั้นก็ก้าวเท้าอันมีเสน่ห์ออกไป

ที่ประตูมีรปภ.เฝ้า ฉันทัชเดินเข้าไปแล้วมอบบุหรี่ให้รปภ.หนึ่งคอตตอน ก่อนจะไหว้วานให้รปภ.ช่วยส่งซองเอกสารขึ้นไป

รปภ.ลังเลใจ คนที่พักที่นี่ล้วนเป็นคนมีเงิน หากในซองเอกสารมีวัตถุไม่พึ่งประสงค์ล่ะ?

ผู้ชายอายุสามสิบสี่ปีดูเป็นผู้ใหญ่ เขายิ้มเจือจาง ทุกถ้อยคำที่เปล่งออกจากปากล้วนน่าเชื่อถือ

สุดท้ายรปภ.ก็พยักหน้าหงึกๆ รับซองเอกสารแล้วขึ้นไปชั้นบน

ยู่ยี่กำลังอาบน้ำ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เธอจึงใส่เสื้อคลุมอาบน้ำแล้วไปเปิดประตู

รปภ.กล่าว“มีคุณชายท่านหนึ่งให้ผมมอบสิ่งนี้ให้คุณผู้หญิงครับ”

เธอรู้ว่าเป็นใคร ไม่ได้ยื่นมือรับ เตรียมปิดประตู ทว่ารปภ.นั้นมีไหวพริบ รีบยัดซองเอกสารใส่มือเธอ จากนั้นก็รีบหมุนกายวิ่งเข้าลิฟต์ ก่อนจะหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย

ยู่ยี่กำลังใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ จึงไม่สะดวกตามไป ดังนั้นจึงรับไว้แล้วปิดประตู

เธอไปอาบน้ำต่อ เสร็จแล้วก็เดินออกมา เธอมาร์กหน้า ต่อด้วยทำงาน ระหว่างที่หางตาเหลือบไปเห็นซองเอกสาร เธอนิ่งไปห้าวินาที จากนั้นก็เปิดออก

หน้าแรกที่เห็นคือ หนังสือหย่า เธอมองปราดหนึ่ง ชื่อฝ่ายหญิงคือเอวา ตรงเซ็นชื่อก็เห็นลายเซ็นที่สวยสง่า

หน้าที่สองเป็นหนังสือตอนแต่งงาน และยังคงมีลายเซ็นของทั้งสองคน โดยเนื้อหาก็ชัดเจนกระจ่างมาก

หนังสือสัญญา เธออ่านจากด้านบนลงมาด้านล่าง เธอคิดไม่ถึงว่าตอนแต่งงานจะเขียนหนังสือข้อตกลงมากมายเช่นนี้

และหน้าสุดท้ายเป็นข้อมูลพื้นฐานของเขา เขาเขียนละเอียดมาก มีทั้งส่วนสูง น้ำหนัก กรุ๊ปเลือด สุดท้ายคือวันเดือนปีเกิด ……

ด้านล่างสุดเป็นข้อมูลทางบ้านของเขา เธอรู้สึกประหลาดใจมาโดยตลอดว่าครอบครัวแบบไหนที่สามารถมีลูกชายที่โดดเด่นปานนี้ แต่เมื่ออยู่ตรงหน้า เธอกลับไม่อ่าน เพราะไม่ว่าจะเป็นครอบครัวแบบไหน ล้วนไม่เกี่ยวกับเธอ

เขาทำร้ายเธอ เธอไม่อาจลืมมันได้เลย……

พร้อมกันนั้น มือถือเธอดังขึ้น ซึ่งเธอไม่ได้รับ ต่อด้วยมีข้อความเข้า และเธอก็ไม่ได้อ่านเช่นกัน……

วางเอกสารไว้ด้านข้าง เธอยกแก้วน้ำขึ้น หางตาเหลือบไปเห็นสิ่งด้านข้างอีกครั้ง

เธอนิ่งต่อไปสักพักใหญ่ๆ สุดท้ายยู่ยี่ก็หยิบขึ้นมาอีกครั้ง แล้ววางอยู่ตรงหน้า ก่อนจะอ่านทีละบรรทัด

และต่อมาของต่อมาคือ เธอกลายเป็นประติมากรรม อึ้งอยู่กับที่ เธอก็เคยเดาว่าเขามีครอบครัวเช่นไร ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะมีชื่อเสียงและมีอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดนี้

พ่อของเขาเป็นประธานศาลฎีกา พี่ชายคนโตเป็นเจ้ากรม ด้านหลังหมายเหตุว่าพี่ใหญ่เป็นลูกบุญธรรม

ตอนคุณปู่ยังไม่เกษียณยิ่งมีตำแหน่งงานสูงกว่า แบบสำคัญจนถึงขั้นเปิดเผยไม่ได้ ส่วนฉันทัชมีบริษัทใหญ่อยู่ที่เฮทเค เมืองบีเจและอิงแลนด์

เมื่อเทียบกับหัสดิน เขาต่างหากที่เป็นเศรษฐีแห่งยุค

อีกอย่างหัสดินเป็นไฮโซเฉพาะในเมืองS สำหรับฉันทัชแล้ว ไม่คุ้มค่าแก่การเอ่ยถึงเลย

ดวงตายู่ยี่หลุกหลิก วางเอกสารลงที่เดิม หัสดินรวยแค่นี้ เธอยังเจอจุดจบแบบนี้เลย

แล้วคนอย่างฉันทัช เธอไม่อยากจินตนาการเลย

ทว่าก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ตอนนี้พวกเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

ได้ยินเสียงข้อความส่งติดต่อกันไม่ขาด ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ยู่ยี่ได้ยินเสียงแล้วรู้สึกแสบหู สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกดเข้าไปดู

——ได้อ่านข้อมูลที่ส่งขึ้นไปหรือยัง?

——เชื่อผม ผมไม่ใช่อยากโอ้อวด ผมเลยอายุนั้นมาแล้ว สาเหตุที่ให้คุณดูพวกนี้ เพราะผมไม่อยากปิดอะไรคุณแม้แต่นิดเดียว……

——ถ้าครั้งก่อนถือว่าจบ งั้นเป้าหมายของผมคือไม่ปกปิดอะไรคุณ และจีบคุณใหม่ ……

เธอจ้องข้อความพวกนั้นตาค้าง ในคืนที่เงียบสงบ หัวใจเธอเต้นเร็วไม่เป็นส่ำเลย

อันที่จริง นอกจากเรื่องที่เขาแต่งงานแล้ว ฉันทัชก็ไม่เคยหลอกเธอมาก่อน และไม่เคยปิดบังอะไรเลย

เธอรู้และเข้าใจดี ด้วยนิสัยและการถูกอบรมบ่มเพาะของเขา เขาไม่ได้กำลังโอ้อวดฐานะทางบ้านเลย

เขาที่อายุสามสิบสี่ปี เป็นผู้ชายที่รู้ความ สง่าผ่าเผย เขียนข้อมูลส่วนตัวให้ผู้หญิงคนหนึ่งโดยเฉพาะ จึงมีน้อยมากที่ผู้หญิงจะไม่หวั่นไหว

ทว่ายังไม่พูดถึงเรื่องที่เขาทำร้ายจิตใจเธอ ลำพังฐานะทางบ้านของเขา ระหว่างพวกเธอก็เป็นไปไม่ได้

เขาสูงส่งเกินไป ส่วนเธอนั้นแสนจะธรรมดา หลังผ่านความรักที่ผิดพลาดมาครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เธอไม่อยากเลือกหนทางนั้นแล้ว

ยู่ยี่วางมือถือกับเอกสารไว้ด้านข้าง จากนั้นก็ลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่างเล็กน้อย เธอยืนอยู่มุมนี้ สามารถเห็นว่ารถคันนั้นยังอยู่

เธอรู้สึกว้าวุ่น ยุ่งเหยิง ไม่อาจสงบจิตสงบใจได้ ดังนั้นจึงก้าวเข้าห้องอาบน้ำอีกครั้ง

ใบหน้าหล่อเหลาของฉันทัชมองห้องนั้นผ่านกระจกรถ แสงไฟที่สว่างจ้าในห้องกลายเป็นมืดมิด เขาจึงสูบบุหรี่อีกสองม้วน จากนั้นก็ขับรถจากไป

เมื่อรถขับออกไปสักครู่ ยู่ยี่ก็ลุกไปหน้าต่าง ก่อนจะเห็นเพียงแสงรถค่อย ๆ ไกลออกไป……

อีกฝั่งหนึ่ง

ในบาร์แห่งหนึ่ง

ดนัยกับหัสดินไม่มานานแล้ว ตอนนี้วางขวดเหล้าเต็มโต๊ะ ทั้งสองดื่มจนเริ่มเมาเล็กน้อย

ดนัยรู้สึกกลุ้มใจหลายส่วน และหัสดินก็เช่นกัน ทั้งยังกลุ้มใจหนักกว่าด้วย

สาวเชียร์เบียร์ที่ผู้จัดการเรียกมา สุดท้ายคือร้องไห้วิ่งออกไป

เสื้อสูทตัวนอกโยนใส่โซฟา หัสดินขยับแขนอย่างรู้ไม่เจ็บ

ดนัยสังเกตเห็นเขาขยับแขนบ่อยๆ ถามด้วยความประหลาดใจ“เป็นอะไร?”

“ไม่ไหว เดี๋ยวต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว รู้สึกเจ็บนิดหน่อย”ระหว่างที่พูด หัสดินก็บิดกายอีกสองสามครั้ง

ดนัยหรี่ตาโย้เย้อยู่ข้างกายเขา พลางตบไหล่เขา ก่อนจะพูดอย่างหวังดีและจริงจัง “สหาย นั่นมันจุดที่สำคัญที่สุดของผู้ชายเลยนะ ปล่อยปะละเลยไม่ได้ รีบไปตรวจที่โรงพยาบาลเร็ว ไม่งั้นจะไม่มีทายาทสืบสกุล”

ดวงตาดอกท้อของหัสดินหรี่ขึ้น ได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียงฮึอย่างไม่สบอารมณ์ ปัดเขาออกไป “อย่ามาปากเสียแถวนี้ รีบดื่มเร็ว ช่วงนี้จะหาเวลาไปโรงพยาบาล”