เยี่ยเม่ยพยักหน้า น้ำเสียงเย็น “ท่านมีคุณสมบัติที่ศาลผู้ให้ความเป็นธรรมควรมีครบถ้วน” 

 

 

คนทั้งหมด “…” พวกท่านทั้งสองอย่าพูดจาเหลวไหวเป็นจริงเป็นจังแบบนี้กันได้หรือไม่ 

 

 

พวกท่านเห็นพวกเราโง่งม โง่เง่า หรือว่าโง่เขลากันแน่ 

 

 

อวี้เหว่ยส่งสายตาหาเยี่ยเม่ย ในที่สุดก็เข้าใจว่าไฉนเตี้ยนเซี่ยถึงปฏิบัติต่อแม่นางผู้นี้ต่างออกไป เขาพบแล้วว่าคนทั้งสองนิสัยเหมือนกัน 

 

 

อวี้เหว่ยไม่พูดอะไร เดินออกไป จัดการกับพวกที่เรียกว่าพยาน… 

 

 

   … 

 

 

เวลานี้นายอำเภอรู้สึกมืดฟ้ามัวดิน และเข้าใจพวกที่เมื่อก่อนเคยอยู่ใต้การปกครองของเขา ความสิ้นหวังไร้ทางรอดของคนเหล่านั้น นี่คือได้รับผลกรรมแล้วจริงๆ เขาฝันยังคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งเรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง 

 

 

ถัดมาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองนายอำเภอ เริ่มไล่เรียงความผิด “นายอำเภอ หลายปีมานี้ทำร้ายประชาชน เจ้ายอมรับผิดหรือไม่” 

 

 

เยี่ยเม่ยเสริมด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าต้องให้ข้าเชิญเด็กที่ถูกลูกชายเจ้าทำร้าย รวมถึงพ่อแม่ของเด็กเหล่านั้นมาที่นี่ รวมไปถึงเชิญเหล่าชาวบ้านที่ถูกเจ้าให้ร้ายปรักปรำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเจ้ามาที่นี่ ชี้ความผิดเจ้าด้วยหรือไม่” 

 

 

เจ้าเมืองหลินอดไม่ไหวมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกับเยี่ยเม่ย เขาเพียงรู้สึกว่าสองคนนี้รวมหัวกันแล้ว นี่มันเป็นการเอาชีวิตกันชัดๆ แต่ละคนเอ่ยกันคนละประโยค ต่อให้เป็นคนเข้มแข็งเท่าไหร่ก็ต้านทานรับไม่ได้ 

 

 

นายอำเภอหน้าเศร้าสลด มีร้อยปากก็ยากบ่ายเบี่ยง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสมรภูมิที่ถูกกดดันฉากหนึ่ง 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกับเยี่ยเม่ย คนทั้งสองแสดงออกชัดเจนว่าจะรังแกเขา นายอำเภอน้ำตาคลอมองผู้ตรวจทหารด้านข้างที่ยามนี้ไม่รู้ว่าแซ่เฉินหรือแซ่หลี่ ร้องไห้เอ่ยว่า “ใต้เท้าเฉิน ท่านจะไม่ใส่ใจจริงหรือ ที่เอวท่านยังมีกระบี่ที่ฝ่าบาทพระราชทานให้” 

 

 

ใต้เท้าเฉินได้ฟัง ยามนี้คิดอยากโยนกระบี่ที่เอวเหมือนกับโยนรองเท้าเน่าใส่หน้านายเภอ ไม่ง่ายเลยที่องค์ชายสี่จะหยุดเคี่ยวกรำเขา นายอำเภอสมควรตายผู้นี้กลับเรียกสายตาองค์ชายสี่มาที่ตัวเขาอีกแล้ว 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว กลับไปมองใต้เท้าเฉิน เอ่ยช้าๆ ว่า “ใต้เท้าเฉิน ยืมกระบี่ของเจ้าให้ข้าชมสักหน่อยได้หรือไม่” 

 

 

ใต้เท้าเฉินไหนเลยจะบอกว่าไม่ รีบส่งกระบี่ออกไป คล้ายกับโยนเผือกร้อนออกจากมือ 

 

 

กระบี่ล้ำค่าในมือของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เขาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยช้าๆ ว่า “กระบี่เน่าๆ เล่มหนึ่ง เพราะว่าได้รับพระราชทาน ถึงได้มีอำนาจ แต่ว่าอำนาจนี้ ใต้เท้าเฉิน เจ้ากล้าใช้กับข้าหรือ”  

 

 

เวลานี้ใต้เท้าเฉินร้องไห้ “เตี้ยนเซี่ย ท่านเป็นผู้มีอำนาจของราชสำนักเป่ยเฉิน” 

 

 

เป่ยเฉินเสียงฟังคำนี้ พลันเกิดโทสะ ถลึงตาใส่ใต้เท้าเฉิน เอ่ยว่า “ใต้เท้าเฉิน คำพูดนี้ของเจ้า เจ้าเอาเสด็จพ่อไปไว้ที่ไหน” 

 

 

เขาเอ่ยจบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรั้งสายตากลับไปมองเขา ถามเสียงอ่อนโยนว่า “เสด็จพี่เอ่ยในเวลานี้ คิดทดสอบความคมของกระบี่เน่าเล่มนี้ว่ายังคมอยู่หรือไม่” 

 

 

เยี่ยเม่ยชมดูมาถึงตรงนี้ ใบหน้าไร้อารมณ์เอ่ยต่อ “เขาอาจคิดว่า กระบี่เล่มนี้ไม่เคยได้ลับคม ถึงได้กล้าสอดปาก” 

 

 

เวลานี้เธอมองสถานการณ์ในห้องโถงนี้ออกอย่างแจ่มแจ้ง 

 

 

ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเป่ยเฉินเสียเยี่ยน อย่างนั้นเธออยากพูดอะไรก็พูด ไม่ต้องกังวลว่าจะหาเรื่องให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยน  อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็ช่วยเธอออกมาจากทหารนับหมื่น อีกทั้งเขายังบอกว่าชอบเธอ สำหรับคนมีสายตาดีแล้ว เธอจึงอยากปกป้องเขามากเป็นพิเศษ ดังนั้นเพื่อกันไม่ก่อเรื่องให้เขา เธอถึงไม่เอ่ยอะไรมาตลอด แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว 

 

 

ยามนี้เป่ยเฉินเสียงโมโหจนหน้าคล้ำ จ้องเยี่ยเม่ยอย่างดุดัน เขาคิดไม่ถึงว่า ยามได้พบกับสตรีนางนี้อีกครั้ง นางถึงกับอยู่กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ร่วมมือกันยั่วโมโหเขา 

 

 

เพราะคำพูดของเยี่ยเม่ย สายตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรากฎรอยยิ้มยินดี เห็นได้ชัดว่าชมชอบท่วงทำนองที่เขากับแม่นางเยี่ยเม่ยร่วมสร้างขึ้นมา ดวงตาร้ายกาจของเขามองเป่ยเฉินเสียง “เสด็จพี่คิดว่าอย่างไรเล่า ความเข้าใจของเยี่ยนกับแม่นางที่มีต่อท่านถูกต้องหรือไม่”     

 

 

 “พวกเจ้า…” เป่ยเฉินเสียงโมโหจนทนไม่ไหว 

 

 

เซี่ยโหวเฉินรีบกระตุกชายเสื้อเขา กดเสียงเอ่ยว่า “องค์ชายใหญ่ พวกเรามาเพื่อสถานการณ์รบเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้แข็งชนไม้แข็งกับเขาในเรื่องไม่เกี่ยวข้อง” 

 

 

อย่างไรเสียความสามารถของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ยังชัดเจน ชนกับเขาไม่มีผลดี 

 

 

 “หึ” เป่ยเฉินเสียงถูกลบหลู่อีกครั้ง ทั้งไม่ส่งเสียงคัดค้าน 

 

 

ถัดมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเจ้าเมืองหลิน ไล่เรียงว่า“เจ้าเมืองหลิน หลายปีมานี้นายอำเภอทำร้ายประชาชน ใช้กฎหมายเพื่อตนเอง ปกป้องบุตรชาย…” 

 

 

 “ส่วนที่ทำเกินไปคือ เขาถึงกับให้ร้ายข้าที่มีคุณธรรมเมตตาเพียบพร้อม บอกว่าข้าสังหารคนไร้เหตุผล ทำเอาการกระทำด้วยคุณธรรมของข้ากลายเป็นการกระทำของคนเสียสติคลุ้มคลั่ง นี่คือความผิดที่ไม่อาจปล่อยไปได้ของเขา” เยี่ยเม่ยอยู่ด้านข้าง เสริมขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ 

 

 

ทุกคน “…” มีเมตตาเพียบพร้อม? แค่กๆ…ก็ได้ 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นด้วยกับคำพูเของเยี่ยเม่ย พยักหน้าติดต่อกัน มองเจ้าเมืองหลิน “เจ้าได้ฟังแล้ว การกระทำของนายอำเภอ ไร้คุณธรรมราวกับคนคลุ้มคลั่ง ทำให้คนที่มีเมตตาอย่างเยี่ยนยังไม่ยินยอมให้อภัยเขา” 

 

 

ทุกคน “…”  

 

 

ยามนี้ที่แสดงออกว่าไร้คุณธรรมราวกับคนคลุ้มคลั่งคือท่านกับแม่นางผู้นั้นเถิด? 

 

 

เจ้าเมืองหลินไอแห้งๆ อย่างหวาดกลัวเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ยปากว่า “องค์ชายสี่ ความผิดเช่นนี้ เขาไม่คู่ควรกับตำแหน่งนายอำเภออีก ต้องให้คำตอบกับชาวบ้านและแม่นางเยี่ยเม่ยผู้ไม่ได้รับความยุติธรรม” 

 

 

เวลานี้เจ้าเมืองหลินเลือกข้างแล้ว เพื่ออนาคตของชีวิตตน ตัดสินใจอยู่ข้างเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและเยี่ยเม่ย  

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้วพยักหน้า กวาดตามองนายอำเภอ “เจ้าได้ยินแล้ว เจ้าเมืองหลินเป็นหัวหน้าของเจ้า เขาคิดว่าสมควรถอดตำแหน่งขุนนางของเจ้า หลายปีที่ผ่านมา เจ้าทำร้ายประชาชน สมบัติในบ้านก็สมควรจัดการไปพร้อมกัน เพื่อกันมิให้เจ้านำเงินที่ฉ้อฉลมาใช้ชีวิตต่อไปเป็นแบบอย่างที่ผิดต่อเหล่าขุนนางทั่วหล้า” 

 

 

นายอำเภอโมโหที่มีทุกข์แต่พูดไม่ออก มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่ทางหนึ่งเอ่ยวาจา อีกทางหนึ่งก็เล่นกระบี่ เขากังวลว่าอีกฝ่ายจะใช้กระบี่เสียบตน ยามนี้จึงไม่กล้าเอ่ยปาก  

 

 

เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทีหนึ่ง จากนั้นหันไปมองนายอำเภอ เอ่ยเสียงนิ่งว่า “นายอำเภอกับฮูหยินอบรมบุตรบกพร่อง ถึงก่อให้เกิดเรื่องทั้งหมด ข้าคิดว่าหลังจากปลดตำแหน่งขุนนาง ริบทรัพย์เขาแล้ว สมควรหาอาจารย์สอนตำรา สอนให้พวกเขาท่องสี่หนังสือห้าตำราหนึ่งร้อยเที่ยวทุกครั้ง คัดตำราซานจื้อจิ่งสองร้อยจบ เพื่อเป็นบิดามารดาตัวอย่างให้กับคนทั่วหล้า” 

 

 

พวกเขาสองคน คนหนึ่งเอ่ยถึงแบบอย่างที่ผิดพลาด อีกคนพูดถึงแบบอย่างที่ถูกต้อง สรุปแล้วคิดการโยนคนลงไปหาที่ตายก็พอแล้ว 

 

 

คนทั้งหมดมองนายอำเภอด้วยความเห็นใจ 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองนายอำเภอ ถามช้าๆ “สำหรับการตัดสินของเยี่ยนกับแม่นางเยี่ยเม่ย พวกเจ้ายินยอมหรือไม่” 

 

 

นายอำเภอตัวสั่นไม่กล้าพูดจา ฮูหยินที่อดทนไม่ออกเสียงมานานกลับทนไม่ไหวอีก เงยหน้าถลึงตาใส่เยี่ยเม่ย แต่ก่อนหน้าถูกเยี่ยเม่ยตัดลิ้น ทำให้พูดไม่ออก 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนชักกระบี่พระราชทานออกก่อน จากนั้นเอ่ยเสียงสบายว่า “หากยินยอม ไม่สู้ใช้กระบี่เล่มนี้ตัดแขนขา ตัดหัวแขวนหน้าประตูประจานให้คนชม เพื่อให้พวกเจ้าเข้าใจว่า คล้อยตามความต้องการของคนส่วนใหญ่ถึงเป็นมาตรฐานของปฏิบัติงานที่ถูกต้อง” 

 

 

เยี่ยเม่ยกล่าวอย่างเย็นชา “ยังสามารถควักสมองออกมา ทำอาหารไปเลี้ยงสุนัข เพื่อเป็นการตักเตือนคนทำชั่วด้วย” 

 

 

ยามนี้ฮูหยินนายอำเภอไม่กล้าพูดจาแล้ว ก้มหน้าลงไม่ถลึงตาอีก ตกใจเสียจนน้ำตาไหล 

 

 

เยี่ยเม่ยมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยนิ่งๆ “ดังนั้นพวกเจ้าสองสามีภรรยายินยอมแล้ว” 

 

 

 “ยิน…ยินยอม” นายอำเภอร่ำไห้ตอบออกมา 

 

 

เยี่ยเม่ยพยักหน้าอย่างพอใจ กวาดสายตามองคนทั้งหมดในห้องโถง จากนั้นมองนายอำเภออีกครั้ง “อย่างนั้นก็ดี หวังว่าใต้เท้าทุกท่านในห้องโถงนี้จะได้รับบทเรียนจากเรื่องของเจ้า อบรมบุตรของตัวเองให้ดี กันมิให้เดินทางสายเดียวกับเจ้าอีก” 

 

 

เธอเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ใต้เท้าจำนวนไม่น้อยในที่นี้ล้วนตัวสั่น ซ้ำในใจยังเตือนตัวเองว่ากลับบ้านไปต้องอบรมบุตรชายบุตรสาวให้ดี ไม่อาจให้พวกเขารังแกชาวบ้านอีก สตรีนางนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว 

 

 

เมื่อเห็นบรรดาใต้เท้าทั้งหลายมีท่าทางเข้าใจเหมือนกัน เยี่ยเม่ยถอนสายตากลับอย่างพอใจ จ้องนายอำเภอ น้ำเสียงเย็นชากล่าว “เอาล่ะ ตอนนี้เริ่มท่องได้ สั่งสอนไม่ดี ความผิดบิดา เริ่มท่องในที่นี้ให้ใต้เท้าทุกคนฟังหนึ่งร้อยรอบ” 

 

 

นายอำเภอเงยหน้ามองเยี่ยเม่ย กัดฟันไม่ออกเสียง 

 

 

เยี่ยเม่ยจ้องเขา ถาม “ไม่อยากท่อง?” 

 

 

นายอำเภอร้องไห้รีบตอบทันที “สั่งสอนไม่ดี ความผิดบิดา สั่งสอนไม่ดี ความผิดบิดา สั่งสอนไม่ดี ความผิดบิดา ฮื่อๆๆๆ…”