ตอนที่ 176 ลงมือ / ตอนที่ 177 วิญญาณสองดวง

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 176 ลงมือ 

 

 

 

 

 

เมื่อถังเฉียนพูดจบ เจิ้งจยาเฉิงก็ใจเย็นลงบ้าง มองดูฮว่าเหยียนซึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู 

 

 

“ข้าไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย จินซิวอ๋องไม่ใช่อ๋องของข้า พวกเจ้าดูหมิ่นลูกสาวข้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เพราะนางเป็นคนจิตใจดีงามจึงไม่ถือสาพวกเจ้า ครั้งนี้เราเผ่าหมอผีเราจะไม่ยุ่งด้วย พวกเจ้าไปเชิญคนเก่งท่านอื่นเถอะ” 

 

 

หมอหลวงจางฟังที่สองฝ่ายพูดจากัน ก็อดพูดไมได้ 

 

 

“ใต้เท้าเจิ้ง การขอร้องคนไม่ใช่เรื่องน่าอาย ท่านอ๋องถูกพิษที่ประหลาดมาก หากไม่คิดหาวิธียับยั้งพิษไว้ เกรงว่าอาจจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้ ถึงตอนนั้นต่อให้ท่านเจอตัวคนร้ายแล้วจะมีประโยชน์อะไร ท่านอ๋องก็ไม่อยู่แล้ว ทั้งเด็กรับใช้คนหนึ่งยังเป็นคนของซูซินเหลียน น่าเชื่อถือหรือ นางยังเสียสติอีกด้วย อย่าลืมสิ นางโกรธแค้นหมอผีชุดดำ โดยเฉพาะนิกายเทพมังกร…” 

 

 

คำว่านิกายเทพมังกรกระตุ้นประสาทถังเวยอย่างรุนแรง นางตะโกนโหวกเหวกโวยวายออกมา 

 

 

“อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า ข้าไม่กล้าแล้ว ข้าไม่กล้าแล้ว” 

 

 

ถังเฉียนเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งร้อนใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกมา หวังหลงกลัวว่าถังเวยจะก่อกวนจนเสียเรื่อง จึงใช้ฝ่ามือฟาดนางจนสลบไป ถังเฉียนเห็นแล้วก็รู้สึกปวดร้าวใจ แต่ทำได้เพียงดูเท่านั้น 

 

 

“ให้ท่านหมอตรวจท่านอ๋องก่อนเถอะ หากช่วยได้ก็ช่วยเลย ถ้าหาก…” 

 

 

หวังหลงมีความเห็นตรงกับหมอหลวงจาง ทั้งสองจึงร่วมกันเกลี้ยกล่อมเจิ้งจยาเฉิง เขายืนอยู่คนเดียวท่ามกลางหมู่คน รู้สึกเหมือนโดดเดี่ยวไม่มีคนช่วย  

 

 

“ย่อมได้!” 

 

 

เจิ้งจยาเฉิงพูดแล้ว หวังหลงจึงคลายความกังวลลง ทันใดนั้นก็เห็นเจิ้งจยาเฉิงลงมือ มีอาวุธโผล่ออกมาจากชายแขนเสื้อ เขาเอี้ยวตัวใช้มีดสั้นจ่อที่คอถังเฉียน 

 

 

“เจิ้งจยาเฉิง เจ้าจะทำอะไร” 

 

 

ทุกคนตึงเครียดขึ้นทันที แม้แต่ฮว่าเหยียนก็อดที่จะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวไม่ได้ 

 

 

“รีบช่วยท่านอ๋องเดี๋ยวนี้ หากท่านอ๋องเป็นอะไรไป ข้ากับนางจะร่วมฝังไปพร้อมกับท่านอ๋อง อาหรูน่า เจ้าอย่าโทษว่าข้าอำมหิต ใครใช้ให้เจ้าเป็นคนสำคัญ” 

 

 

เจิ้งจยาเฉิงยืนอยู่ข้างตัวถังเฉียน เขาใช้วิธีรุกพลิกแพลงอย่างที่สุดขู่ให้คนอื่นช่วยชีวิตฉู่จิ่งเหยา 

 

 

“ได้ เราจะไปดูเดี๋ยวนี้เลยว่าฉู่จิ่งเหยาเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าอย่าทำร้ายคุณหนูอาหรูน่า” 

 

 

ยิ่งเค่ออี้สีหน้าเคร่งเครียดเจิ้งจยาเฉิงก็ยิ่งคิดว่าตนเองทำถูกต้องแล้ว ฮว่าเหยียนร้อนใจกว่า นางคว้าคอหมอหลวงจางไปตรวจดูอาการฉู่จิ่งเหยา พอตรวจดูจึงพบว่าครั้งนี้ฉู่จิ่งเหยาถูกพิษรุนแรงมาก 

 

 

“นี่คือยาห้าก้าวเจ็ดพิษนี่เป็นยาพิษที่ได้จากการใช้ยาพิษเจ็ดชนิดเลี้ยงงูห้าก้าว เว้นแต่ว่าเราสามารถรู้ถึงยาพิษเจ็ดชนิดนั่น ไม่เช่นนั้นหากเราใช้ยาสะเปะสะปะยิ่งมีแต่จะทำให้ท่านอ๋องตายเร็วขึ้น” 

 

 

หมอหลวงจางบอกว่า 

 

 

“ใช่ ใช่ เหตุใดพระชายารองถึงได้โหดเ**้ยมเช่นนี้ ถึงกับคิดใช้ยาพิษร้ายแรงเช่นนี้มาสังหารท่านอ๋อง” 

 

 

เจิ้งจยาเฉิงเดินตามเข้ามาในห้อง เห็นฉู่จิ่งเหยานอนอยู่บนเตียงก็ทุกข์ใจมาก ใบหน้าเดี๋ยวขาวซีดเดี๋ยวสีม่วงเขียว ริมฝีปากสีแดงคล้ำตลอดเวลา  

 

 

“ซูซินเหลียนเล่า หากเจ้าจะมาบีบคั้นอาหรูน่า สู้ไปบีบคั้นซูซินเหลียนเสียจะดีกว่า หากนางพูดออกมาก็ดีไป หากไม่พูดเราก็ไม่รู้จะทำเช่นไร” 

 

 

หมอหลวงจางเห็นด้วยกับที่ฮว่าเหยียนพูด แต่เจิ้งจยาเฉิงไม่คิดเช่นนั้น 

 

 

“นางคนชั่วซูซินเหลียนเผ่นหนีไปก่อนแล้ว พอเราตามจับมาก็แกล้งทำเป็นเสียสติ ยังขังอยู่ที่คุกใต้ดิน ถ้าพวกเจ้าจะไปสอบถามนางก็เชิญตามสบาย ข้าขอพูดประโยคเดียว หากท่านอ๋องมีชีวิต นางก็ยังมีชีวิต หากท่านอ๋องตาย นางก็ต้องตาย” 

 

 

เค่ออี้มองฮว่าเหยียน เห็นนางส่ายหน้าตลอดเวลา จึงพูดว่า 

 

 

“เจิ้งจยาเฉิง เรายินดีใช้วิชาตรวจสอบวิญญาณกับซูซินเหลียน ทำให้นางไม่สามารถปิดบังได้ ก็จะรู้ว่าเป็นยาพิษชนิดใด” 

 

 

เจิ้งจยาเฉิงพยักหน้า พาถังเฉียนมายืนอยู่ด้านข้าง รอดูผลของคนเหล่านี้ ความหมายเขาชัดเจนมาก พวกเจ้าจะทำสิ่งใดข้าไม่สนใจ แต่ถ้าท่านอ๋องเสียชีวิต ถังเฉียนก็อย่าหวังว่าจะรอดได้ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 177 วิญญาณสองดวง 

 

 

 

 

 

เค่ออี้ส่งคนหนึ่งล่วงหน้าไปก่อน แต่ข่าวที่กลับมารายงานนั้นทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาไปทำการตรวจสอบวิญญาณด้วยตนเอง แต่กลับไม่ได้ผลแต่อย่างไร 

 

 

“เป็นไปไม่ได้ ต่อให้นางไม่รู้เราก็ยังสอบถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับยาพิษได้ แต่ในความจำของนางกลับไม่มีอะไรเกี่ยวกับยาพิษเลย เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด…” 

 

 

เจิ้งจยาเฉิงร้องหึ แล้วพูดว่า 

 

 

“พวกเจ้าเผ่าพีส่าไม่เห็นจะมีฝีมืออะไร” 

 

 

พอเขาพูดจบถังเฉียนก็รู้สึกได้ว่ามีดบนลำคอกดน้ำหนักมากขึ้น นางเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า 

 

 

“เจิ้งจยาเฉิง เจ้าคงไม่รู้ว่าซูซินเหลียนต่างจากคนอื่น ในตัวนางมีวิญญาณสองดวง” 

 

 

ทุกคนประหลาดได้เมื่อได้ฟังคำว่าวิญญาณสองดวง 

 

 

“เดิมข้าคิดว่านางเป็นบ้า แต่เวลานี้ดูแล้วนางน่าจะมีวิญญาณสองดวงจริง ดวงหนึ่งคือซูซินเหลียน อีกดวงหนึ่งคือซูซิน เป็นวิญญาณคนที่มาจากอีกโลกหนึ่ง สองคนนี้มีนิสัยใจคอและพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เจ้าไม่ได้มาเรือนในบ่อย ไม่รู้หรอกว่าการเปลี่ยนแปลงของนางน่าตกใจมากเพียงไร” 

 

 

เมื่อถังเฉียนพูดจบ ฮว่าเหยียนก็ไปนำตัวซูซินเหลียนมาจากคุก นางหยิบแมลงสีดำตัวหนึ่งออกมาจากไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ ง้างปากซูซินเหลียนออก แล้วให้นางกลืนแมลงตัวนั้นลงไป แมลงตัวนี้ต่างกับแมลงที่ถังเฉียนเคยเห็น แม้ตัวจะเป็นสีดำเหมือนกันแต่มีขาคู่หน้าที่ทรงพลังเหมือนกุ้งมังกร 

 

 

“เจ้าจะทำอะไร ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ข้าไม่ได้ทำอะไรจริงๆ ล้วนแต่เป็นฝีมือของซูซิน ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้าจริงๆ” 

 

 

ถังเฉียนหันมามองเค่ออี้ซึ่งคอยเฝ้ามองนาง เมื่อดวงตาทั้งสองสบกัน เค่ออี้ก็พูดว่า 

 

 

“ไม่ต้องคำนึงว่านางเป็นซูซินเหลียนหรือเป็นซูซิน ขอเพียงไปที่เขาศักดิ์สิทธิ์ หัวหน้าผู้บวงสรวงย่อมทำให้นางเปิดปากพูดได้ แต่ว่า…” 

 

 

มุมปากถังเฉียนเชิดขึ้นเล็กน้อย น่าเสียดายที่เจิ้งจยาเฉิงซึ่งอยู่ข้างหลังมองไม่เห็น 

 

 

“เช่นนั้นก็รีบหาวิธีเถอะ” 

 

 

เจิ้งจยาเฉิงร้องสั่ง สีหน้าเค่ออี้แสดงความไม่พอใจออกมา อาห่าวอยู่ข้างๆ พูดอย่างเยือกเย็นว่า 

 

 

“ต่อให้เวลานี้เราไปขอความช่วยเหลือผู้อาวุโสใหญ่เผ่าอินทรีเงิน ก็ยังไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะยินดีช่วยหรือไม่ ก่อนเที่ยงคืนวันนี้ อย่างไรก็ส่งท่านอ๋องไปเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ ดูแล้วชีวิตท่านอ๋องคงผ่านหายนะครั้งนี้ไม่ได้แล้ว” 

 

 

ฮว่าเหยียนตบศีรษะซูซินเหลียน แล้วถาม 

 

 

“แม่หนู เจ็บหรือไม่” 

 

 

พอซูซินเหลียนได้ยินที่ถามก็ลงไปนอนดิ้นบนพื้นราวกับสติแตก นางพูดอ้อนวอนว่า 

 

 

“ท่านหมอ ข้าสำนึกผิดแล้ว แต่ข้าไม่รู้อะไรจริงๆ โปรดปล่อยข้าไปเถอะ อ้า ปวด ปวดจังเลย…” 

 

 

เพียงครู่เดียวท้องของซูซินเหลียนก็โป่งขึ้น เส้นเลือดตามร่างนูนขึ้นแล้วเคลื่อนไป ราวกับแมลงสีดำตัวนั้นคลานไปตามเส้นเลือดของนาง เส้นเลือดที่แคบถูกดึงรั้งให้ขยายออก ดูแล้วน่าวิตกว่านางอาจจะเสียชีวิต  

 

 

“ทางที่ดีเจ้าจงพูดความจริง ไม่เช่นนั้น ความเจ็บปวดระดับนี้จะเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น…” 

 

 

ทุกคนเฝ้ามองอยู่ ผิวหนังบนร่างซูซินเหลียนเหมือนปริแตก ผิวหนังและเส้นเลือดบริเวณที่แมลงผ่านไปจะเกาะเข้าหากัน ราวกับจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา เมื่อแมลงตัวนั้นคืบคลานมาถึงบริเวณคอ ลำคอนางก็บวมโตมาก ดูน่ากลัวมาก 

 

 

“ข้า…ข้า…” 

 

 

เสียงที่น่าเวทนาของซูซินเหลียนค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยเสียงที่อำมหิตของผู้หญิงอีกคน 

 

 

“อาหรูน่า ข้าจะปลิดชีวิตเจ้า เจ้าบังอาจทรมานข้า” 

 

 

พอซูซินปรากฎตัวขึ้น เค่ออี้รีบใช้เข็มแทงลงบนศีรษะนาง แล้วสอบถามความเป็นมาในการวางยาพิษฉู่จิ่งเหยา แต่คำตอบของนางค่อนข้างสับสน เมื่อถึงเวลาเค่ออี้ก็ดึงเข็มออก แล้วบอกว่า 

 

 

“นางมีสถานที่ลับแห่งหนึ่ง ซ่อนยาพิษไว้มากมาย นางมียาพิษแต่ไม่มีตำรับยา” 

 

 

เจิ้งจยาเฉิงพูดอย่างโกรธแค้น 

 

 

“นางมียาพิษย่อมต้องมียาถอนพิษ พวกเจ้า…”