บทที่ 1167 สัตว์ประหลาดชัดๆ / บทที่ 1168 หัวฉันเขียวแล้ว นายไม่เห็นเหรอ

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1167 สัตว์ประหลาดชัดๆ

“เชี่ย!!!”

ท่ามกลางฝูงชนที่เงียบกริบ ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นด้วยความตื่นเต้น ทำลายความเงียบทั้งหมด ตามมาด้วยเสียงฮือฮาของฝูงชน

“เจียงเยียนหรานมีผู้จัดการส่วนตัวแล้วเหรอ? ผู้จัดการส่วนตัวของเธอก็คือเยี่ยไป๋?”

“เยี่ยไป๋…เยี่ยไป๋นี่ผู้จัดการของลั่วเฉินกับกงซวี่ไม่ใช่เหรอ?”

“ให้ตายเถอะ! แค่ปั้นราชาจอเงินได้สองคนก็ว่าน่ากลัวแล้ว นี่ไม่ให้ได้พักหายใจกันเลย ก็มีราชินีจอเงินตามมาแล้ว! เยี่ยไป๋! เป็นสัตว์ประหลาดรึเปล่าเนี่ย!”

“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

……

วินาทีนี้ ฉู่หงกวงนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นอยู่ตรงนั้น “มะ…เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นพูด…ว่าไงนะ?”

เซี่ยงเจี๋ยที่กำลังตกตะลึงรีบดึงสติกลับมา เขาปาดเหงื่อกลืนน้ำลาย มองใบหน้าซีดเผือดที่เรียกได้ว่าแทบจะไร้สีเลือดของฉุ่หงกวง แล้วตอบอย่างระมัดระวังว่า “มะ…เมื่อกี้เจียงเยียนหรานบอกว่า…ผู้จัดการส่วนตัวของเขา…คือเยี่ยไป๋…เธอ…เจียงเยียนหรานมีผู้จัดการส่วนตัวแล้วครับ…”

ฉู่หงกวงพึมพำ “เยี่ยไป๋?”

เซี่ยงเจี๋ยตอบ “ใช่ครับ…”

หน้าซีดๆ ของฉู่หงกวงแดงก่ำจนเหมือนสีของตับหมู เขายกมืออันสั่นเทากุมหน้าอกตัวเอง พูดอะไรไม่ออกซักคำ…

เซี่ยงเจี๋ยตกใจ “ประธานฉู่! ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

มือสั่นๆ ของฉู่หงกวงคลำหาของบางอย่างตามตัว

เซี่ยงเจี๋ยรีบเทยาโรคหัวใจที่ออกฤทธิ์ทันทีจากขวดเล็กๆ แล้วป้อนเขา

อาการของฉู่หงกวงจึงค่อยๆ ดีขึ้น แต่สีหน้าของเขาก็ยังดูย่ำแย่เหมือนใกล้ตายอยู่ดี…

วินาทีต่อมา ฉู่หงกวงตวัดสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็งไปที่ไช่หย่งเซิ่ง

ไช่หย่งเซิ่งสัมผัสได้ถึงสายตาพิฆาตของลุงที่ราวกับจะถลกหนังเขาทั้งเป็น จึงไม่กล้าพูดมากอีก ได้แต่หดตัวอยู่ในมุมด้วยความกลัวเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะผายลมด้วยซ้ำ…

นะ…นี่มันอะไรวะเนี่ย!

ไอ้เลวเยี่ยไป๋ มันยังเป็นคนอยู่ไหมวะ?

บัดซบ…รู้งี้…รู้งี้ทำดีกับหมอนั่นไว้แต่แรกก็ดี…ไม่งั้นเรื่องคงไม่เป็นอย่างตอนนี้…

ตอนนี้ฉู่หงกวงเต็มไปด้วยไฟโทสะไร้ที่ระบาย เหมือนเขามองเห็นอนาคตอันมืดมนของตัวเองได้แล้ว…

“แค่ก…นะ…นี่…นี่มัน…”

อีกฝั่งหนึ่ง “ถานเวย” รองประธานของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์อึ้งค้าง ไม่นึกฝันว่าผลจะออกมาเป็นอย่างนี้…

ผลลัพธ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าโดนโกลบอลแย่งคนไป…

ไม่รู้ว่าข้อมูลที่พวกเขาได้รับผิดพลาดตรงไหน เจียงเยียนหรานมีผู้จัดการแล้ว

ผู้จัดการของเธอ ก็คือเยี่ยไป๋จากจูเสินสือไต้ ลูกน้องของเยี่ยมู่ฝาน…

เขาเป็นคนสนิทของเยี่ยเส่าอันกับเยี่ยอีอี รู้ดีว่าเยี่ยมู่ฝานเริ่มเป็นภัยต่อตำแหน่งผู้สืบทอดในตระกูลเยี่ยของเยี่ยอีอีกับเยี่ยเส่าอัน

แม้กระทั่งรางวัลจินหลานในครั้งนี้ก็ยังบ่งบอกถึงการตัดสินใจของคุณท่านอีกด้วย…

คราวนี้ จบเห่แน่ๆ…

“คุณหนูอีอีครับ…นี่มัน…” ถานเวยอ้ำอึ้งอยู่นานก็พูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว

เยี่ยอีอีกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ เธอจ้องเขม็งไปทางเยี่ยมู่ฝานกับเยี่ยไป๋

ถ้าหากไม่ใช่ว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้ากล้อง เธอคงขว้างมือถือทิ้งและเดินออกไปแล้ว…

ภายใต้สายตาตกตะลึงจนแทบจะนิ่งค้างของทุกคน เจียงเยียนหรานถือถ้วยรางวัล แล้วเดินไปหาเยี่ยหวันหวั่นทีละก้าวๆ

เยี่ยมู่ฝานหลีกทางอย่างรู้หน้าที่ หานเซี่ยนอวี่เองก็ปรบมือพร้อมกับลุกขึ้นเพื่อหลีกทางให้เช่นกัน

เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้น มองหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับอ้าแขนกว้างๆ

เจียงเยียนหรานน้ำตาไหลเป็นทางอย่างกลั้นไม่อยู่ “ความจริง ฉัน…ฉันอยากจะพูดคำหนึ่งกับเธอมาตลอด…ขอบคุณนะ…”

ขอบคุณเธอมากจริงๆ หวันหวั่น

————————————————————————————-

บทที่ 1168 หัวฉันเขียวแล้ว นายไม่เห็นเหรอ

เยี่ยหวันหวั่นกอดหญิงสาว “ยินดีด้วย! ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เธอเก่งอยู่แล้ว…”

ในงาน กล้องทุกตัวหันไปจับภาพราชินีจอเงินคนใหม่หมาดๆ ยืนกอดกับสุดยอดผู้จัดการส่วนตัวที่คอยอยู่เบื้องหลังของเธอ…

หลังจากความตกตะลึงผ่านไป เสียงปรบมือก็ดังก้องไปทั้งงาน

บรรดาบริษัทที่เมื่อกี้ยังวางแผนจะแย่งชิงตัวคน ได้แต่อึ้งค้างทำอะไรไม่ถูก

ราชินีจอเงินคนใหม่ผู้มีอนาคตสว่างไสวคนนี้ กลับเป็น ‘ดอกไม้งามผู้มีเจ้าของ’ ไปตั้งนานแล้ว

ทุกคนไม่คาดคิดเลยว่า จุดพีคในคืนนี้จะไม่ใช่ราชาจอเงิน แล้วก็ไม่ใช่ราชินีจอเงิน แต่กลับเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนหนึ่ง!

ผู้จัดการส่วนตัวที่เพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่ถึงปี กลับสามารถปั้นราชาจอเงินสองคนกับราชินีจอเงินหนึ่งคน…

ฝั่งจูเสินสือไต้ มีแค่เยี่ยมู่ฝานเท่านั้นที่รู้เรื่องของเจียงเยียนหราน คนอื่นไม่มีใครรู้ว่าเจียงเยียนหรานเป็นคนของเยี่ยหวันหวั่น

แต่หานเซี่ยนอวี่กลับดูใจเย็นกว่าปกติ สำหรับเขา ถึงจะมีเรื่องน่าตกใจมากกว่านี้เกี่ยวกับเยี่ยไป๋เกิดขึ้น เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

ส่วนลั่วเฉินกับกงซวี่นั้น ลั่วเฉินมีสีหน้าตกตะลึง ในขณะที่สีหน้าของกงซวี่ไปสุดกว่านั้นมาก

กงซวี่จ้องเยี่ยไป๋กับราชินีจอเงินคนใหม่ แล้วหันไปพูดกับลั่วเฉินอย่างเหม่อลอยว่า “เจ้าทึ่ม…นายมองหน้าฉันสิ…”

ลั่วเฉินหันไปมองกงซวี่อย่างสงสัย

กงซวี่เอ่ย “นายมองหน้าฉันสิ ฉันมีอะไรเปลี่ยนไป”

ลั่วเฉินขมวดคิ้ว “อะไรเปลี่ยนไป?”

กงซวี่แทบคลั่ง “ฉันโดนสวมหมวกเขียว! หัวฉันเป็นสีเขียวแล้ว! นายไม่เห็นเหรอ! นายไม่เห็นเหรอว่าบนหัวฉันเขียวจนแทบจะกลายเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงคนมองโกลได้ทั้งชนเผ่าอยู่แล้ว? ไม่นึกเลยว่าพี่เยี่ยจะโกหกฉัน เขาแอบซ่อนคนอื่นไว้ลับหลังฉันจริงๆ ด้วย!”

ลั่วเฉินพูดไม่ออก

ด้านล่างเวที จุดที่กล้องถ่ายไม่ถึง หลายคนกำลังถกเถียงกันเรื่องผู้จัดการที่น่าทึ่งคนนี้กันอย่างร้อนแรง

“เยี่ยไป๋คนนี้เป็นใครมาจากไหนกัน? ไม่เห็นเคยได้ยินคนชื่อนี้มาก่อนเลย?” ดาราสาวระดับหนึ่งคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความสนอกสนใจ

เทียบกับผู้จัดการส่วนตัวป้ายทองที่มีชื่อเสียงนานแล้ว และมีนักแสดงใหญ่ที่เหนือกว่าระดับหนึ่งขึ้นไป สำหรับคนบางกลุ่มเยี่ยไป๋เป็นชื่อที่ไร้ชื่อเสียงจริงๆ

แต่ตอนนี้ คนคนนี้สามารถปั้นราชาจอเงินสองคนและราชินีจอเงินอีกหนึ่งคนได้ภายในคืนเดียว ไม่มีใครมองข้ามเขาได้อีกแล้ว

ท่ามกลางกลุ่มคน นักแสดงที่รู้เรื่องของโกลบอลรีบพูดขึ้นว่า “เยี่ยไป๋เคยเป็นคนของโกลบอลเรา ประธานฉู่ของพวกเราส่งตัวเขาไปที่กวงเย่า เขาปั้นลั่วเฉินให้ดังเป็นพลุแตก แถมยังทาบทามกงซวี่มาจากโจวเหวินปิน แล้วก็กำราบเขาให้เชื่องอยู่หมัดได้อีก หลังจากที่เยี่ยไป๋เข้าไปดูแลกวงเย่า ผลงานของกวงเย่าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ…”

“คนของฉู่หงกวงเหรอ? แล้วทำไมได้ยินว่าตอนหลังไปอยู่จูเสินสือไต้ซะแล้วล่ะ แล้วยังพาลั่วเฉินกับกงซวี่ไปด้วย…” ใครคนหนึ่งถามขึ้น

นักแสดงจากกวงเย่าคนหนึ่งเหลือบมองฉู่หงกวงที่นั่งอยู่ข้างหน้าแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยสายตาแฝงความหมาย “ก็เพราะประธานฉู่เห็นว่ากวงเย่าทำเงินได้มากขึ้นเรื่อยๆ อยากให้คนในครอบครัวเข้าไปดูแลควบคุมแทน เลยดึงไช่หย่งเซิ่งเข้ามาน่ะสิ

ไช่หย่งเซิ่งสร้างปัญหาสารพัดให้เยี่ยไป๋ตั้งแต่แรกที่เข้ามา เขาหลอกใช้กงซวี่กับลั่วเฉิน เพื่อเพิ่มชื่อเสียงให้กับนักแสดงของตัวเอง ถึงขนาดเอาพวกเขาไปสร้างข่าวลือเสียๆ หายๆ เพื่อดันตัวเองขึ้น สุดท้ายเยี่ยไป๋ก็ทนไม่ไหวจนลาออก…”

ทุกคนต่างก็ชอบฟังเรื่องซุบซิบกันทั้งนั้น มีคนเร่งรัดให้เล่าต่อ “หลังจากนั้นล่ะ?”

“หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ทุกคนรู้กัน ลั่วเฉินกับกงซวี่ใจนักเลงพอตัวเลยล่ะ พวกเขาไม่สนใจคำขู่ของไช่หย่งเซิ่งที่ว่าจะขึ้นบัญชีดำพวกเขา ลาออกไปพร้อมเยี่ยไป๋เลย!”

“จิ๊ๆ โชคดีจริงๆ ที่ลาออกไปพร้อมเยี่ยไป๋!” ใครคนหนึ่งถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น

………………………