บทที่ 607 หอไม้รับอรุณ

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 607 หอไม้รับอรุณ

 

หลังจากที่ออกจากห้องของซูสี่ชิงแล้ว ซูหยางก็เดินลงบันไดกลับ และเมื่อเขาไปถึงชั้นล่าง เหล่าศิษย์ที่อยู่ที่นั่นต่างก็พากันหยุดทุกสิ่งที่ตนเองกําลังทําเพื่อจ้องมองดูเขา

 

เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูหยางก็กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “ข้าได้พูดกับอาจารย์ของเจ้าเรื่องนี้แล้ว เธอได้บอกข้าว่าให้ทําให้พวกเจ้าเหล่าหญิงสาวมีความสุข ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการที่จะฝึกก็จงตามข้ามา”

 

“ข้าต้องการที่จะฝั่งกับท่าน ท่านผู้นํานิกาย”

 

“ข้าก็ด้วย”

 

สองสามนาทีให้หลัง บรรดาศิษย์ในหอโอสถก็พากันต่อแถวด้านหลังซูหยางและรอคอยให้เขานําพาพวกเธอไป

 

อย่างไรก็ตาม ซูหยางยังคงยืนนิ่งอยู่ที่นั่น ราวกับว่าเขากําลังรอใครสักคน

 

บรรดาศิษย์ที่อยู่ด้านหลังเขาหันไปมองด้านหลังและพวกเธอก็สังเกตเห็นศิษย์เชียวยืนอยู่ที่ตรงมุมเพียงลําพังด้วยสีหน้าลังเล

 

“มีอะไร น้องหญิงเซียว เจ้าจะไปร่วมฝึกกับท่านผู้นํานิกายหรือไม่” ศิษย์คนหนึ่งถาม

 

ศิษย์เซียวไม่ตอบคําถามเธอ

 

“เจ้าลืมไปแล้ว น้องหญิงเซียวเป็นเพียงคนเดียวที่มิได้รับการนวดจากท่านผู้นํานิกายตอน ก่อนหน้านั้นและเธอก็มิชอบเขาเช่ากัน” ศิษย์อีกคนพลันเตือนเธอ

 

“โอ ใช่ ขออภัยที่รบกวนเจ้า น้องหญิงเชียว…”

 

เหล่าศิษย์พากันปล่อยเรื่องที่จะชักชวนศิษย์เซียวให้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในเมื่อเธอนั้นปกติจะทําตัวตรงกันข้ามกับทุกคนที่นั่นเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับซูหยาง

 

อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ต้องการให้เธอรู้สึกถูกทอดทิ้ง ดังนั้นเขาจึงถามเธอว่า “เจ้าต้องการมาหรือไม่”

 

“ข้าไปได้ด้วย” ศิษย์เซียวตอบกลับด้วยเสียงเบาหวิวอย่างไม่คาดคิด และเธอก็กล่าวต่อไปอีกว่า “ท่านมิได้เกลียดข้ารี ข้าเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ปฏิเสธการนวดของท่านในวันนั้น และข้าก็มักจะดูหมิ่นท่านนับตั้งแต่นั้น มิเหมือนกับเหล่าพี่น้องที่ได้สนับสนุนท่านตั้งแต่แรก ข้ามสมควรที่จะได้ร่วมฝึกกับท่าน”

 

บรรดาศิษย์คนอื่นต่างก็พากันมองดูศิษย์เซียวด้วยท่าทางอึงพูดไม่ออก

 

อย่างไรก็ตามซูหยางก็ได้พูดว่า “ถ้าเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนขี้น้อยใจที่เกลียดหญิงคนหนึ่งเพียงเพราะว่าเธอปฏิเสธข้าครั้งหรือสองครั้ง เช่นนั้นเจ้าก็มองข้าต่ำไปจริงๆ เจ้าสามารถที่จะปฏิเสธข้าได้นับล้านครั้งและถึงกระทั่งด่าข้าทุกวัน โดยที่ข้ามเกลียดเจ้าในเรื่องเหล่านั้น”

 

“จริงรึ” ศิษย์เซียวมองไปที่เขาด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความสงสัย แต่แตกต่างจากครั้งก่อนนั้น เธอสามารถที่จะมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกที่ปราศจากความรู้สึกรังเกียจใดๆ

 

“ถ้าเจ้ามิเชื่อถ้อยคําของข้า ข้าสามารถที่จะพิสูจน์ให้เจ้าได้ระหว่างที่เราฝึกด้วยกัน” ซูหยางกล่าว

 

หลังจากที่ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ สุดท้ายศิษย์เซียวก็พยักหน้าและเธอก็ไปยืนเคียงข้างเหล่าพี่น้องของเธอไม่นานหลังจากนั้น

 

“พวกเราไปที่กว้างขวางกว่านี้กัน” ตอนนี้เมื่อทุกคนในหอโอสถได้ตกลงที่จะร่วมฝึกกับเขาแล้ว ซูหยางก็ออกจากอาคารโดยมีสาวสวยสิบคนติดตามเบื้องหลังเขาไป และมันก็เหมือนกับว่าเขาได้สัมผัสกับบรรยากาศที่พวกเขาพบกันครั้งแรกอีกครั้ง

 

“ท่านผู้นํานิกาย มิรู้สึกว่านี่เหมือนกับการหวนรําลึกที่น่าเหลือเชื่อหรอก เมื่อตอนที่ท่านยังคงเป็นศิษย์นอก พวกเราก็ติดตามด้านหลังของท่านกลับบ้านไปเช่นนี้” ห นึ่งในศิษย์พลันกล่าวขึ้นมาดังๆ

 

“แน่นอนข้าจําได้ และเจ้าก็มิต้องเรียกข้าว่าผู้นํานิกาย เพียงแค่เรียกข้าว่าซูหยางเหมือนดังเช่นที่เจ้าคุ้นเคย” เขากล่าวกับพวกเธอ

 

“ถ้าเช่นนั้นข้าพอจะถามอะไรท่านบางอย่างได้หรือไม่ ซูหยาง” ศิษย์อีกคนพูด

 

“อะไร”

 

“เมื่อไหร่ที่ท่านกับอาจารย์ของพวกเราเริ่มมีความสัมพันธ์เช่นนั้น”

 

“มันเริ่มขึ้นในวันก่อนที่ข้าได้พบกับพวกเจ้าเหล่าหญิงสาว แต่พวกเราก็มิได้เริ่มฝึกกันจนกระทั่งหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น” เขาตอบโดยไม่ลังเล

 

“อะไรกัน ท่านกับอาจารย์ของพวกเราได้มีความสัมพันธ์กันมาเนิ่นนานแล้ว ข้ามัวแต่คิดว่าเกิดขึ้นหลังจากที่ท่านได้เป็นศิษย์ในแล้วเสียอีก” เหล่าศิษย์พากันตกตะลึงลึกเข้าไปในใจหลังจากที่รู้ว่าซูหยางได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอาจารย์ของพวกเธอนับตั้งแต่เขายังเป็นศิษย์นอก

 

“ไม่น่าเชื่อ เมื่อมาคิดว่าว่าผู้อาวุโสหลานผู้เข้มงวดจะแหกกฎของนิกายและร่วมฝึกกับศิษย์นอกคนหนึ่ง…”

 

เมื่อเวลาผ่านไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซูหยางก็หยุดอยู่ที่หอไม้รับอรุณ

 

“หือ หอไม้รับอรุณ เราจะมาทําอะไรที่นี่รี” เหล่าศิษย์พากันมองดูเขาด้วยใบหน้าสงสัย

 

“อะไร เราก็จะมาร่วมฝึกกันที่นี่ยังไงล่ะ” เขากล่าวกับพวกเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย

 

“อะไรนะ เราจะฝึกกันที่นี่รี” บรรดาศิษย์ทวนคําพูดของเขาด้วยเสียงตื่นตระหนก

 

“ต-แต่นั่นมิใช่สถานที่สําหรับผู้อาวุโสนิกายเอาไว้ประชุมหรอก… แน่ใจนะว่าเราสามารถที่จะร่วมฝึกกันที่นี่ได้” หนึ่งในศิษย์ถามเขา

 

“พวกเขาเคยใช้เป็นที่ประชุมที่นี่ แต่ตอนนี้มันเป็นอีกอาคารที่มิได้ใช้ในตอนนี้” ซูหยางกล่าวแล้วเขาก็พูดต่อไปอีกว่า “จะมากลัวอะไร ข้าเป็นผู้นํานิกาย ถ้าข้าพูดว่าพวกเราสามารถฝึกที่นี่เช่นนั้นแล้วใครจะมาขวาง และก็มิได้เหมือนกับห้องเล็กๆของข้าก่อนหน้านั้น ที่นี่มีที่ว่างมากมายเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสําหรับพวกเราที่จะฝึกกันโดยมิรู้สึกอึดอัด”

 

บรรดาศิษย์ต่างพากันมองดูเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อมาคิดว่าเขาใช้ฐานะของผู้นํานิกายมาทําอะไรแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไร้สาระเหลือเกิน

 

“เข้าไปข้างในกัน” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาเริ่มออกเดิน

 

เหล่าศิษย์ต่างพากันมองดูหน้ากันชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะติดตามเขาไป

 

ครั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปในอาคารแล้ว ซูหยางก็เดินขึ้นบันไดจนกระทั่งพวกเขาทั้งหมดไปจนถึงชั้นสูงสุด ชั้นที่สี่

 

แม้ว่าชั้นที่สี่จะไม่ได้กว้างขวางเหมือนสามชั้นก่อนหน้านั้น แต่ก็สะอาดกว่าและก็มีหน้าต่างที่เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามทั้งสี่ทิศ

 

“เตียงอยู่ที่ไหนกันซูหยาง อย่าบอกข้านะว่าพวกเราจะฝึกกันบนพื้นแข็งๆนี้”

 

เมื่อได้ยินความกังวลของเหล่าศิษย์ ซูหยางก็เคาะแหวนมิติของเขาและดึงเอาฟูกที่เหมือนกันสี่ผืนออกมาและวางมันลงบนพื้นด้วยกันสร้างเป็นเตียงขนาดมหึมาจากความว่างเปล่า

 

อีกครั้งที่เหล่าศิษย์พบว่าตนเองนั้นพูดไม่ออกกับวิธีที่นอกรีตของซูหยาง

 

เวลาหลังจากนั้น หนึ่งในศิษย์ก็ถามเขาว่า “ท่านต้องการร่วมฝึกกับใครก่อน ซูหยาง หรือว่าพวกเราเข้าไปตามลําดับเหมือนครั้งที่ผ่านมา”