เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 660
เย่ชิวพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรนี้เป็นของข้า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามมาแย่ง!”

หากมีชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรนี้

เขาก็สามารถเป็นปรมาจารย์โลกบู๊ได้

ถึงตอนนี้แล้ว เขายังต้องไว้หน้าผู้คุมกฎสิบอีกรึ?

การนำชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรออกมาได้

เขาคงจะเป็นบ้าเป็นแน่

เมื่อเห็นว่าเย่ชิวไม่ยอมให้ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร

ใบหน้าของผู้คุมกฎสิบดูมืดมน

“เย่ชิว เจ้ามันรนหาที่ตาย!”

ผู้คุมกฎสิบพูดด้วยแววตาอาฆาตว่า “มึงอย่าลืมว่า ครั้งที่มึงถูกหยางเฟิงตัดแขนและขาทั้งสองข้างโยนขึ้นไปบนสะพานลอยเห่งยาจก กูสงสารเลยช่วยมึงไว้!”

“กูเองที่รักษามึง และสอนให้มึงฝึกศิลปะการต่อสู้ เพื่อให้ความแข็งแกร่งของมึงจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาอันสั้น! มึงกล้าดีอย่างไรที่หักหลังกู?”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำตำหนิของผู้คุมกฎสิบ

เย่ชิวจึงพูดอย่างดูถูกว่า “เจ้าอย่าทำมาเป็นพูดดีหน่อยเลย เจ้าช่วยข้าในตอนนั้นเพียงเพราะอยากให้ข้าทำงานให้เจ้า! ข้าทนเป็นวัวเป็นควายเพื่อเจ้ามานานมากแล้ว จัดการเรื่องต่างๆแทนเจ้าตั้งหลายเรื่อง เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจนี่?”

“ตอนนี้จะให้ข้ามอบชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรให้ ฝันไปเถอะ!”

ต่อหน้าผลประโยชน์มหาศาล เย่ชิวได้เปิดเผยความโลภของมนุษย์อย่างเต็มที่!

หากมีชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรนี้

เขาก็สามารถเป็นหนึ่งในจำนวนคนมากมาย ที่เปลี่ยนเป็นปรมาจารย์โลกบู๊ได้

ผลประโยชน์เช่นนี้

มีหรือที่เขาจะปล่อยไปง่ายๆ

“มึง……”

ผู้คุมกฎสิบกัดฟันด้วยความโกรธแค้น

เขาเกลียดตัวเองที่มองเย่ชิวผิดไป

“เหอะเหอะ วิเศษมาก ช่างน่าวิเศษจริงๆ!”

เมื่อเห็นผู้คุมกฎสิบกับเย่ชิวกัดกันราวกับสุนัข

หยางเฟิงพลันปรบมือแล้วพูดพลางหัวเราะว่า “ผู้คนในกุ่ยเหมินมีความเห็นแก่ตัวกันจริงๆ เย่ชิว ผู้คุมกฎสิบ ท่านทั้งสองได้ทำการเบิกเนตรข้าจริงๆ!”

“เหอะ!”

เมื่อได้ยินดังนั้น

เย่ชิวถอดหายอย่างเย็นชาพลางพูดว่า ” หยางเฟิงเอ๋ยหยางเฟิง !ไม่ว่าเจ้าจะมีไหวพริบเช่นสุนัขจิ้งจอก ในท้ายที่สุดชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรก็ยังตกอยู่ในกำมือของข้า!”

เย่ชิวพูดไปด้วย

พลางมองพื้นที่รอบๆไปด้วย

เขาเจอหนทางหนีรอดพอดี

ต่อให้หยางเฟิงลงมือจริงๆ

ก็ไม่มีทางฆ่าตนเองได้

และเขา

ตราบใดที่เขาเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร

คนที่เขาจะฆ่าคนแรกก็คือหยางเฟิง

เมื่อเห็นสีหน้าดีใจของเย่ชิว

หยางเฟิงยิ้มเยาะเย้ยพลางพูดว่า “เจ้าแน่ใจรึว่าชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรนี้เป็นของเจ้า?”

“หยางเฟิง เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าเยี่ยงไร?”

เย่ชิวสีหน้าดูไม่ดี

หยางเฟิงไม่ได้พูดอะไร

เพียงมองเขาด้วยสายตาเวทนา

เย่ชิวอดสงสัยไม่ได้ ทำได้เพียงพูดว่า “หยางเฟิง เมื่อข้าฝึกพลังระดับเทพที่ไม่มีใครเทียบได้ ข้าจะทุบศพเจ้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ แล้วล้างแค้นให้พ่อของข้าอย่างแน่นอน…”

อะไรนะ?

ไม่รอให้เย่ชิวพูดจบ

สีหน้าของเขาพลันแข็งกระด้างทันที

ดาบยาวแทงทะลุช่องอกของเขา

“เจ้า……”

เย่ชิวหันศีรษะมองด้วยความยากลำบาก

เห็นเพียงเหอเซิ่งหงที่ยืนถือดาบยาวอยู่ด้านหลังเขา

“ใครบอกว่าชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรเป็นของเจ้าแล้ว?”

เหอเซิ่งหงมองเย่ชิวอย่างเยาะเย้ย

ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง (การรอชุบมือเปิด)

เย่ชิวกำลังระแวดระวังหยางเฟิง

แต่เหอเซิ่งหงกลับมาคิดบัญชีกับเย่ชิว

“ข้า……”

แค่ก แค่ก!

แค่ก แค่ก!

แค่ก แค่ก!

เย่ชิวอยากจะปริปากพูด

แต่เมื่อเขาปริปากพูด เลือดสดจำนวนมหาศาลก็ไหลออกจากปากเขาอย่างไม่ขาดสาย

เหอเซิ่งหงยื่นมือออกไปและคว้าชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรจากมือของเย่ชิว พลางพูดเสียงต่ำว่า “จำไว้ ผู้ทรยศจะมีฉากจบที่ไม่ดี!”

เมื่อพูดจบ

ชิ้ง!

เหอเซิ่งหงชักดาบยาวอออกมา

เย่ชิวจับเอวของตัวเองไว้แน่

เลือดไหลไม่ขาดสาย

เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังค่อยๆ จางหายไป

เมื่อถึงคราต้องเผชิญหน้ากับความตาย

เรื่องราวในอดีตของเขาพลันย้อนกลับมาเป็นฉากๆ

เขาเคยเป็น

คุณชายของตระกูลเย่ผู้ใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ