บทที่ 1523 กรรโชกทรัพย์

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1523 กรรโชกทรัพย์

แปลโดย iPAT

 

ผู้อมตะตระกูลฟางยังโจมตีกองทัพอสูรวิญญาณอย่างต่อเนื่องและสร้างเป็นฉากที่เหมือนทุ่งดอกไม้ไฟหลากหลายสีสัน

 

ใบหน้าของผู้อมตะตระกูลฟางสะท้อนแสงแต่การแสดงออกของพวกเขากลับค่อนข้างน่าเกลียด

 

“แม้จะมีอสูรวิญญาณบางตัวถูกสังหาร แต่มันกลับมีผลเพียงเล็ก เกราะสีเขียวของพวกมันเชื่อมต่อและแบ่งปันความเสียหายให้พวกมันเท่าๆกัน ช่างน่าอัศจรรย์นัก!”

 

ผู้อมตะระดับหกของตระกูลฟางไม่พอใจกับผลลัพธ์ดังกล่าว

 

ในจังหวะนี้ผู้อมตะหญิงชุดสีม่วงของตระกูลฟางก็บินออกมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะกรงสัตว์อสูร

 

“ให้ข้าลองดู” นางตะโกนและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมเอาไว้

 

ทันใดนั้นควันพิษก็ปรากฏขึ้นและเคลื่อนเข้าปกคลุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์รวมถึงกองทัพอสูรวิญญาณทั้งหมด

 

ท่ามกลางควันพิษ นกกระจอกจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกไปราวกับลูกศร สิ่งนี้เกิดจากท่าไม้ตายอมตะ

 

นกกระจอกหลายสิบล้านตัวบินเข้าโจมตีกองทัพอสูรวิญญาณและสร้างเป็นฉากที่วุ่นวาย

 

แต่ในไม่ช้าผู้อมตะตระกูลฟางก็แสดงออกด้วยใบหน้ามืดครึ้ม

 

ท่าไม้ตายอมตะนี้ดูยิ่งใหญ่แต่ผลลัพธ์ของมันกลับตรงกันข้าม

 

“กระทั่งท่าไม้ตายอมตะนกกระจอกลูกศรเมฆาบนเส้นทางแห่งพิษของฟางจื่อก็ยังไร้ประโยชน์ ดูเหมือนเกราะสวนผักจะไม่มีจุดอ่อน” ฟางตี้เฉิงขมวดคิ้วลึก

 

เขาหันหน้าไปทางฟางหยวน “ข้าสงสัยว่าสหายซวนปู้จินคิดเห็นอย่างไร?”

 

ฟางหยวนส่ายศีรษะ “ข้าไม่พบจุดอ่อนใดๆเช่นกัน แต่ในความคิดเห็นอันต่ำต้อยของข้า วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะแตกต่างจากก่อนหน้า ตอนนี้มันเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น เกราะสวนผักเป็นเพียงแง่มุมหนึ่ง สิ่งสำคัญคืออสูรวิญญาณเหล่านั้นสามารถประสานงานและสร้างความร่วมมืด พวกมันปกป้องวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันแตกต่างจากก่อนหน้านี้มากเกินไป”

 

ฟางตี้เฉิงพยักหน้า

 

เขารู้ว่าฟางเล้งกับฟางหยุนเคยต่อสู้กับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มาก่อน มันสามารถพุ่งชนได้เท่านั้นและไม่เคยปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะใดๆออกมา

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับไม่เคลื่อนไหว มันเหมือนป้อมปราการที่ทำให้ตระกูลฟางไม่สามารถทำสิ่งใด

 

ความแตกต่างระหว่างการต่อสู้ทั้งสองครั้งทำให้ฟางตี้เฉิงรู้สึกกังวล

 

‘ข้าใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกท้อแต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับไม่ตอบโต้ มันเพียงป้องกันตัวและไม่เคลื่อนไหว เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันกำลังถ่วงเวลา?’

 

ฟางตี้เฉิงคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทั้งหมดก่อนจะตัดสินใจ

 

เขาออกคำสั่งผู้อมตะตระกูลฟางที่กำลังต่อสู้อยู่ในสนามรบ “กลับมา เราจะใช้เขาวงกตดอกท้อโจมตี!”

 

เขาวงกตดอกท้อเป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ มันสามารถดักจับผู้อมตะระดับแปด มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถรับมือได้โดยง่าย

 

ผู้อมตะของตระกูลฟางบินกลับเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะของพวกเขาก่อนที่เขาวงกตดอกท้อจะเริ่มทำงาน

 

คลื่นแสงสีเขียวจากเขาวงกตดอกท้อพุ่งเข้าไปหาวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ กองทัพอสูรวิญญาณถูกบังคับให้ล่าถอย พวกมันถูกส่งลอยกลับหลังและไม่สามารถต่อต้าน

 

อสูรวิญญาณคำรามแต่พวกมันก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

 

เฉินอี้ขมวดคิ้วอยู่ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ “เขาวงกตดอกท้อไม่ธรรมดาจริงๆ”

 

เขายังอยู่ระหว่างการปราบปรามชิงโจว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างอิสระ

 

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยแสงสว่างออกมาอีกครั้งและช่วยปกป้องอสูรวิญญาณทั้งหมด

 

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสามตัวราวกับได้รับการสนับสนุนครั้งใหญ่ ร่างกายของพวกมันขยายขึ้นและกลายเป็นสัตว์ประหลาดขนาดมหึมา

 

สัตว์ประหลาดร่างยักษ์ทั้งสามราวกับภูเขาที่ปิดกั้นคลื่นแสงสีเขียวเอาไว้ทั้งหมด

 

ในจังหวะนี้เขาวงกตดอกท้อพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

 

คลื่นแสงสีเขียวจางหายไปก่อนที่รัศมีแสงสีแดงจะปรากฏขึ้นราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าในยามราตรี

 

พวกมันกลายเป็นดอกไม้ที่สดใสเบ่งบานอยู่ในสวน กลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่กลางอากาศ

 

กลีบดอกไม้ค่อยๆควบรวมและกลายเป็นร่างมนุษย์พฤกษาจำนวนมากลอยอยู่บนท้องฟ้า

 

“นี่คือท่าไม้ตายอมตะที่เรียกว่านักรบบุปผาวายุ  สหาย ข้าขอรบกวนให้เจ้าช่วยควบคุมส่วนหนึ่งของพวกมันด้วย” ฟางตี้เฉิงกล่าวกับฟางหยวน

 

ฟางหยวนพยักหน้า หลังจากได้รับอนุญาต เขาก็สามารถควบคุมนักรบบุปผาวายุร่างมนุษย์

 

ในความพยายามครั้งแรก ฟางหยวนสามารถควบคุมนักรบบุปผาวายุได้สิบสองตน

 

“หือ?” ดวงตาของฟางหยวนเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ “นักรบบุปผาวายุสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะของผู้ควบคุมด้วยการระเบิดตัวเองไปพร้อมกัน”

 

“เจ้าช่างฉลาดนัก นี่คือวิธีใช้นักรบบุปผาวายุ” ฟางตี้เฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ฟางหยวนทดลองใช้ท่าไม้ตายอมตะความคิดอุกกาบาตเพลิง

 

ทันใดนั้นนักรบบุปผาวายุที่เขาควบคุมก็บินไปที่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และระเบิดตัวมันเอง

 

หลังจากจุดชนวน ความคิดอุกกาบาตเพลิงก็พุ่งลงสู่พื้น

 

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไม่เคลื่อนไหวแต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสามถูกความคิดอุกกาบาตเพลิงโจมตีและทำให้ร่างกายของพวกมันสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขายกย่องด้วยความประหลาดใจ “ท่าไม้ตายถูกปลดปล่อยออกมาด้วยความเร็วเกือบเท่ากับร่างต้นใช้ด้วยตัวเอง ไม่เพียงมันจะสามารถแก้ไขจุดอ่อนของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ แต่มันยังช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากจำนวนโดยไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย”

 

ขณะที่เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ เขาก็บังคับนักรบบุปผาวายุตรงไปยังอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสาม

 

ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย!

 

หลังจากถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้ ร่างของอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสามก็หยุดนิ่ง พวกมันถูกโจมตีด้วยพลังงานที่ไร้รูปแบบ

 

ในเวลาเดียวกันนักรบบุปผาวายุอีกสามตนก็ระเบิดตัวเองและปลดปล่อยท่าไม้ตายอีกสามท่าออกมา

 

แต่ในเวลาต่อมาวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็ปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมารักษาอาการบาดเจ็บของพวกมันอย่างรวดเร็ว

 

การต่อสู้ที่ดุเดือด!

 

แม้ท่าไม้ตายอมตะนักรบบุปผาวายุจะยอดเยี่ยม แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็แข็งแกร่งเช่นกัน นอกจากนั้นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสามก็เหมือนป้อมปราการที่ไม่สั่นคลอน

 

ฟางหยวนมีวิธีการมากมายที่ยังไม่ได้ใช้ เขาไม่ได้ใช้ไพ่ตายที่แท้จริงออกมา แต่ผู้อมตะของตระกูลฟางก็เช่นกัน ดังนั้นสถานการณ์จึงกลายเป็นชะงักงัน

 

ฟางตี้เฉิงขมวดคิ้ว เขาวงกตดอกท้อมีวิธีการโจมตีเพียงสามรูปแบบ ตอนนี้พวกเขาใช้ไปแล้วสองแต่สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง

 

การป้องกันของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังเกินไป

 

เมื่อฟางตี้เฉิงกำลังจะใช้วิธีที่สาม ฟางหยวนกลับเคลื่อนไหว

 

ทาสแปดสิบต่อร้อย!

 

ทาสแปดสิบต่อร้อย!

 

ทาสแปดสิบต่อร้อย!

 

นักรบบุปผาวายุสามตนระเบิดตัวเองและปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยออกมาพร้อมกัน

 

ท่าไม้ตายทั้งสามพุ่งเป้าไปที่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกและทำให้ร่างของมันแข็งค้างราวกับรูปปั้น หลังจากไม่นานมันก็ตกเป็นทาสของฟางหยวน

 

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวที่สอง!

 

ไม่ว่าจะเป็นเฉินอี้หรือฟางตี้เฉิง ทั้งสองต่างตกใจ

 

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สนับสนุนอสูรวิญญาณแรกกำเนิดเหล่านี้ด้วยชุดเกราะสวนผัก พวกมันมีการป้องกันที่แข็งแกร่งและสามารถรักษาตัวเองได้ทันที มันยากที่จะถูกทำลาย

 

แต่ฟางหยวนกลับเพิกเฉิยต่อสิ่งเหล่านี้และควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดโดยตรง

 

“สหาย เจ้ามีวิธีการที่น่าทึ่ง ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาสคือจุดอ่อนของเกราะสวนผัก ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถใช้มันต่อไป” ฟางตี้เฉิงหยุดก่อนกล่าวต่อ “เราจะตอบแทนเจ้าอย่างเต็มที่!”

 

เฉินอี้ก่นเสียงเย็น “เขาใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้จริงๆ น่าเสียดายที่พวกมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ พวกเราสามารถใช้เพียงกองทัพอสูรวิญญาณเท่านั้น หากข้าใช้ทหารของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะกำหราบมันได้อย่างไร?”

 

ภายในอู่เรือพิพากษา ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าเพียงโชคดีเท่านั้น ก่อนหน้านี้ข้าใช้มันกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวหนึ่งไปแล้ว นี่คือตัวที่สอง มันเป็นขีดจำกัดของข้า หากต้องใช้มันอีกครั้ง ข้าต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล! ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองมีความคิดเห็นอย่างไร?”

 

ได้ยินสิ่งนี้ ฟางตี้เฉิงรู้สึกโกรธมาก เขาคิด ‘ซวนปู้จินผู้นี้รีดไถข้าทันทีที่มีโอกาส! ราคามหาศาลงั้นหรือ? เขาหมายความว่าเขาสามารถใช้งานมันได้อีกครั้งแต่นั่นจะขึ้นอยู่กับค่าตอบแทนที่เราจะมอบให้เขา เรามีข้อตกลงพันธมิตร เขาไม่สามารถโกหกเรื่องนี้ แต่ผู้ใดจะคิดว่าเราจะถูกกรรโชกทรัพย์โดยคนนอกเพียงเพราะตระกูลฟางของเราขาดผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งทาสที่แข็งแกร่ง!’