ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดอยู่นานจึงพยักหน้า “ก็ดีค่ะ รบกวนผู้อาวุโสเจียแล้ว”
“คุณจินเหลียนเกรงใจไปแล้ว ความจริงความต้องการของผู้มีพระคุณก็คือ พรุ่งนี้ให้ผมนำหินหยกไปเดิมพันต่อ จากนั้นก็ให้ผมกวาดหยกหลากหลายสีมา ฮะๆ…” เจียหยวนฮวาพูด
“ผู้อาวุโสหูเป็นคนที่…น่าสนใจจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนพูด ความจริงเธอหาคำมานิยามความแปลกของผู้อาวุโสหูท่านนี้ไม่ได้เลย ราวกับเขารับเธอเป็นหลานไปแล้ว โดยไม่สนว่าเธอยินยอมหรือไม่
“ผู้อาวุโสหูอยากจะกวาดหยกไปทำอะไรกัน?” จ่านป๋ายตั้งใจถาม “เขาก็ไม่ได้เปิดบริษัทอัญมณีไม่ใช่เหรอ ผมรู้สึกว่าเขาดูเหมือนไม่ได้มีความหลงใหลหยกเป็นงานอดิเรกสักหน่อย?”
“เขาไม่ได้เปิดบริษัทอัญมณี แต่คุณจินเหลียนต้องการเปิดนี่ครับ เพราะอย่างนั้น…” เจียหยวนฮวาสื่อไปทางกล่องใหญ่นั่นแล้วยิ้ม “การหาหินหยกให้คุณจินเหลียนจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “เขาอยากจะให้ฉันเป็นหลานสาวจริงๆ เหรอเนี่ย?”
“คุณจินเหลียน ผู้มีพระคุณท่านไม่มีลูกหลาน อีกอย่างผมก็เห็นว่าเขาชอบคุณมาก คุณก็ลองตอบตกลงเขาเรื่องนั้นเถอะครับ” เจียหยวนฮวาถอนหายใจพูด “หลังจากที่เขาเห็นคุณแล้ว เขาก็กลายเป็นคนร่าเริงเปิดเผย ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เมื่อก่อนเขาดูเป็นคนกลัดกลุ้มทุกข์ใจ จนผมร้อนรนแทนเขาเลย”
ซีเหมินจินเหลียนคิดดูแล้วถึงกล้ำกลืนพูดขึ้นว่า “ความจริงแล้วฉันก็เป็นคนไม่มีพ่อมีแม่ คุณย่าเป็นคนเลี้ยงฉันมาจนโต เขาก็อายุปูนนี้แล้ว ถ้าจะเรียกว่าคุณปู่ก็ไม่เกินไป เพียงแต่…”
“เพียงแต่อะไรครับ?” เจียหยวนฮวาถามอย่างกระวนกระวาย
“เพียงแต่ฉันไม่สามารถช่วยเขาหาหินปิดฟ้าได้” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ของที่เหมือนไม่มีจริง ถ้าหากตามหามันจะง่ายขนาดนั้นเหรอคะ?” ผู้อาวุโสหูคงเห็นพรสวรรค์ในตัวเธอ คงจะชอบความสามารถในการเดิมพันหินหยกของเธอที่ไม่เหมือนใคร คงไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นหรอก? ในใจของซีเหมินจินเหลียนคาดเดาไม่หยุด เป้าหมายทั้งชีวิตที่เขาพยายามมาก็เพื่อหาหินปิดฟ้า เพราะอย่างนั้นเขาที่อายุปูนนี้แล้วจึงอยากได้หลานสาวที่จะมารับสืบทอดเจตนารมณ์ของเขาต่อ ตามหาตำนานที่แสนมหัศจรรย์
“ขอแค่คุณยอมรับเขา เขาก็ดีใจมากแล้วครับ อย่างน้อยเรื่องนั้น…” เจียหยวนฮวาพูด “ก็ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงไหม ถ้าจะหาก็เกินความสามารถของมนุษย์ที่จะทำได้ ได้แต่ปล่อยให้เป็นลิขิตจากเบื้องบนเท่านั้น”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า เจียหยวนฮวายืนขึ้นมากำลังจะเอ่ยลา อยู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้จึงถามออกไป “คุณซีเหมิน จ่านมู่ฮวาคนนั้นเป็นใครกันแน่?”
“ทำไมเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างไม่เข้าใจ
“ที่คุณกับคุณนายปีศาจอวิ๋นนั่นนัดเดิมพันกันก็เพราะเขานัดให้ใช่ไหม?” เจียหยวนฮวาถาม
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ก็ใช่ค่ะ แต่ตอนนั้นเขาแค่บอกว่าจะให้ฉันเดิมพันกับคุณนายซูสักครั้ง แต่ไม่ได้พูดถึงคุณนายอวิ๋น…”
“วันนี้หลังจากการเดิมพันหินใหญ่สิ้นสุดลง ไม่รู้ว่าเขาหาคุณนายอวิ๋นเพื่อไปพูดอะไร จากนั้นแม่ม่ายตระกูลซูคนนั้นก็มีปากเสียงทะเลาะกันกับเขา ตอนนั้นห้องจัดนิทรรศการไม่ค่อยมีคน ผมแอบได้ยินพวกเขาพูดถึงคุณเลยลองถามดู” เจียหยวนฮวาพูด
“เขาน่ะหรือ?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า จ่านมู่ฮวาคนนี้อะไรๆ ก็จะยึดผลประโยชน์เป็นหลัก ใครจะไปรู้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไรกันแน่
“คุณนายซูคนนั้น ดูเหมือนจะสนใจในตัวเขา” เจียหยวนฮวาพูด
“มีผู้ชายคนไหนบ้างที่เธอไม่สนใจ?” จ่านป๋ายที่อยู่ข้างๆ พูดเสริมต่อ “เธอออกจะสวย ผ่านผู้ชายมาก็ไม่รู้ตั้งกี่คนต่อกี่คนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอก็แค่อยากจะมีอะไรกับจ่านมู่ฮวา ทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อเธอก็เท่านั้น”
“ทำไมคุณถึงรู้ดีขนาดนี้?” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความสงสัย “หรือว่าคุณก็เคย?”
“โธ่! จินเหลียน คุณพูดอะไรกันครับ?” จ่านป๋ายยิ้ม “คุณน่าจะรู้นี่ว่ามีเพียงศัตรูเท่านั้นถึงรู้จักฝ่ายตรงข้ามอย่างดี ส่วนผมตั้งแต่เล็กก็ทำสงครามกับเขามาจนโต! ถ้าตอนนั้นผมคิดจะทำเรื่องต่ำทรามอ่อยคุณนายซูตอนนั้นสักหน่อย ก็คงไม่แพ้จนสุดท้ายไม่เหลืออะไรเลยแบบนี้หรอก”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ในใจสงสัยว่าจ่านมู่ฮวาไปทะเลาะอะไรกับคุณนายซู?
“คุณจินเหลียน นี่ก็ดึกมากแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน พรุ่งนี้เช้าผมจะนำหินหยกสองก้อนส่งมาให้คุณลองตรวจสอบดูลักษณะแล้วค่อยว่ากันอีกที” เจียหยวนฮวาบอกลา
“รบกวนผู้อาวุโสเจียแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขอบคุณ เมื่อรอจนเจียหยวนฮวากลับไปแล้ว เธอจึงนั่งพิงโซฟาคิดถึงเรื่องการเบิกเนตรของคุณนายอวิ๋น การเดิมพันหินในวันพรุ่งนี้ เธอจะมีแววชนะกี่เปอร์เซ็นต์กันนะ? เธอยังเหมือนในตอนนั้นหรือเปล่า…ถ้าหากเป็นคุณนายอวิ๋นตอนนั้นจริงๆ สาเหตุที่พ่อกับแม่เธอตายก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว
ตอนเด็กเธอเคยถามคุณย่าว่าทำไมเพื่อนๆ คนอื่นๆ ถึงมีพ่อกับแม่ แต่เธอไม่มี? คุณย่าร้องไห้และตอบเธอว่า เพราะว่าพ่อแม่ของเธอตายหมดแล้ว…
เรื่องในวัยเด็กพวกนั้นที่คิดว่าน่าจะเป็นแค่เรื่องลวงตา ไม่เคยมีอยู่จริง แต่วันนี้คนที่อยู่ในเรื่องลวงตาหลอกหลอนนั้นกลับปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอเช่นนี้
สิ่งไหนที่ควรจะเป็นของของฉัน ฉันจะเอากลับคืนมาให้หมด! ซีเหมินจินเหลียนแอบพูดอยู่ในใจ
“จินเหลียน นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบเข้านอนเถอะครับ” จ่านป๋ายปลอบใจเธอ “คุณไม่ต้องคิดมาก ถ้าชนะก็เป็นเรื่องทีน่ายินดี แต่ถ้าแพ้แล้วอย่างไรล่ะ? อย่างมากเราก็แค่ไม่เหลืออะไร พวกเราค่อยมาตั้งต้นเริ่มกันใหม่ ไม่เปิดบริษัทอัญมณีนี้ก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ยังมีกินมีใช้”
ซีเหมินจินเหลียนเผยยิ้ม ขอแค่พลังพิเศษไม่สูญหายไป เธอก็สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ ถึงจะไม่เดิมพันหินเธอก็สามารถไปทำเรื่องอื่นได้เหมือนกัน อย่างเช่นไปเล่นพนันที่ลาสเวกัส หรือไปแฝงอยู่ในแวดวงคนรวย แต่อย่างไรครั้งนี้เธอก็ต้องชนะ
“ฉันจะไม่มีทางแพ้!” ซีเหมินจินเหลียนยืนขึ้นและพูด “เสี่ยวป๋ายคุณมีฉายาว่าเทพหัวขโมยไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้ฉันขออาศัยแรงคุณหน่อย”
“จินเหลียน คุณคงไม่ได้ให้ผมไปขโมยของอะไรหรอกนะ?” จ่านป๋ายถามอย่างสงสัย
“ไม่ใช่” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัวพูด “กลับตรงกันข้าม พรุ่งนี้ฉันจะให้คุณช่วยดูหินหยกของฉันที่จะใช้ในงานเดิมพัน อย่าให้มีใครมาแตะต้องเชียวนะ ขอแค่พวกเขาไม่เล่นอะไรสกปรก ฉันก็จะไม่มีทางแพ้แน่”
“โอเค ผมรับรอง!” จ่านป๋ายพยักหน้า “ผมจะไม่ให้ใครมาแตะต้องแม้แต่นิดเดียว”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า คุณนายซูยังสามารถเปลี่ยนหินหยกก้อนนั้นของบริษัทตัวเองได้เลย หินหยกที่เข้าร่วมเดิมพันในวันพรุ่งนี้มีขนาดเล็ก ถ้าเธอคิดจะทำจริงๆ ขอแค่หาหินหยกที่ขนาดคล้ายคลึงกับผิวทรายสีอีกาดำมาเปลี่ยน ตนเองก็คงต้องแพ้จนร้องไห้ยังไม่ออก
เรื่องนี้เธอจะไม่ระวังไม่ได้ นอกจากนี้ถ้าหากก่อนการเดิมพันใหญ่ สามารถเห็นหินหยกที่บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะนำมาร่วมเดิมพันได้ก่อน แล้วสัมผัสลงไปสักหน่อย เธอคงจะสามารถรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้สูญเสียได้
เพียงแต่หินหยกที่บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะส่งเข้าร่วมในวันพรุ่งนี้ เกรงว่าคงจะเตรียมตัวมาอย่างดี ถ้าอยากจะดูก่อนการเดิมพันหินคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นสินะ?
ค่ำคืนผ่านพ้นไป แสงแดดยามเช้าก็เปล่งประกาย ตักเตือนผู้คนว่าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ซีเหมินจินเหลียนส่องกระจกดูตัวเอง ช่วงนี้เธอยุ่งอยู่ตลอด นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่คนที่อยู่ในกระจกยังสวยงาม ราวกับดอกไม้เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ หลังมือขวาที่มีรอยสักดอกบัวทองบานอยู่ครึ่งหนึ่งนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกไปเอง เธอรู้สึกว่าดอกบัวเหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่าเก่า ราวกับกำลังจะเบ่งบานออกก็ไม่ปาน สีทองยิ่งชัดเจนมากขึ้น ดึงดูดความสนใจผู้คน
เมื่อก่อนที่ใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่าน มองไปนานเกินเธอก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ที่เธอยุ่งกับการเดิมพันหินไม่หยุดหย่อน ทำให้เธอไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้านั่นอีกแล้ว ตรงกันข้ามกำลังวังชากลับเต็มเปี่ยม หรือว่าเป็นเพราะความสามารถในการมองทะลุผ่านที่ค่อยๆ เติบโตไปตามกาลเวลา?
ในใจของซีเหมินจินเหลียนมีแต่ความว้าวุ่นใจ แต่คำถามแบบนี้เธอไม่สะดวกจะไปถามคนอื่น ยิ่งไม่สามารถไปปรึกษาใครได้ ได้แต่เก็บไว้ภายในใจหรือไม่ก็หาข้อมูลตอนที่อยู่คนเดียวตามอินเทอร์เน็ตที่ไม่รู้ว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน เพื่อมาประกอบอ้างอิง
ตอนเช้า เจียหยวนฮวานำหินหยกสองก้อนเข้ามา ในนั้นมีก้อนหนึ่งหนักประมาณสามกิโลกรัม อีกก้อนไม่ถึงสิบกิโลกรัม ซีเหมินจินเหลียนตรวจดูแล้วลักษณะไม่เลว แต่เพื่อป้องกันไว้ก่อน เธอจึงให้เจียหยวนฮวานำหินหยกสองก้อนไปร่วมในงานเช่นกัน
แต่เจียหยวนฮวานำได้แค่หินหยกก้อนหนึ่งไปร่วมงาน ซีเหมินจินเหลียนคิดดูแล้วจะให้จ่านป๋ายแยกไปก็ไม่ได้ เมื่อวานหลินเสวียนหลานก็หายไปไร้ซึ่งเงาของเขา เมื่อคืนเธอโทรไปหา ก็พูดแค่ว่าเหนื่อยนิดหน่อย วันนี้จะไปงานนิทรรศการตรงเวลา ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ได้พูดมาก หลังจากที่เธอรู้ว่าหลินเสวียเหวินยังไม่ได้ตาย ก็รู้แล้วว่าหลินเสวียนหลานก็ไม่น่าพึ่งพาได้เท่าไหร่
ตอนนี้หลินเสวียเหวินอยู่ใกล้กับคุณนายซู ใครจะไปรู้ว่าหลินเสวียนหลานจะทำอะไรขึ้นมา?
ในขณะเดียวกัน จ่านมู่ฮวาก็ถูกเธอปล่อยไป ก็ได้แต่โทรไปหาฉินเฮ่า ให้เขาช่วยใช้นามชื่อเขาพาหินหยกก้อนนั้นไปเข้าร่วมการเดิมพันหินคืนนี้
ฉินเฮ่าได้ยินเช่นนั้นก็ตกปากรับคำยินดีปรีดา ก่อนวางโทรศัพท์เขาก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “จินเหลียน ผมจะสนับสนุนคุณตลอดไป!”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ถ้าหากคืนนี้เธอแพ้จนสูญสิ้นทุกอย่าง หวังว่าเขาคงจะยังพูดประโยคนี้อยู่นะ
ในงานนิทรรศการอัญมณีช่วงเช้า ผู้คนล้นหลามแห่เข้ามาชื่นชมอย่างคึกคัก ไม่นานก็จบไป นักธุรกิจบางส่วนจากฮ่องกงและไต้หวันอาศัยจังหวะนี้กวาดเก็บเครื่องประดับอัญมณีมูลค่ามหาศาล จองตั๋วเตรียมตัวกลับประเทศ ส่วนการเดิมพันหินใหญ่ในคืนนี้บรรยากาศอึมครึ้มและสีหน้าความกังวลไหลมาไม่หยุดหย่อน
ตอนเที่ยงผ่านไป ซีเหมินจินเหลียนนั่งเหม่อลอยพิงโซฟา เตรียมตัวสำหรับการเดิมพันหินใหญ่ในตอนกลางคืน แต่หลินเสวียนหลานพูดว่ามีแขกมาหา
ยังพูดไม่จบ ก็เห็นจ่านมู่ฮวาและชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ซีเหมินจินเหลียนเห็นชายวัยกลางคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงชั่วขณะ ที่แท้คนคนนี้ก็คือเหลิ่งจี้ เพียงแต่เมื่อวานเขาแต่งตัวเหมือนคนจรจัดเร่ร่อน แต่วันนี้กลับใส่สูทผูกไท เปิดเผยให้เห็นถึงต้นฉบับของผู้ประสบความสำเร็จ
“เชิญทั้งสองท่านนั่งลงก่อนค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนเรียกให้พวกเขานั่งลง ในใจก็สงสัยทำไมพวกเขาสองคนถึงมาด้วยกันได้
“จินเหลียน คุณหาวิธียกเลิกการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้เถอะ” จ่านมู่ฮวาพูด “ครั้งนี้ผมทำอะไรไม่รู้จักคิดเอง จนทำร้ายคุณแล้ว”
“นายก็รู้ด้วยเหรอว่าตัวเองผิดจนทำร้ายคนอื่น?” จ่านป๋ายแค่นเสียงเหอะ “ยังมีหน้ามาพูดอีก!”
จ่านมู่ฮวารู้สึกผิด จึงได้แต่หัวเราะฝืนๆ เล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เหลิ่งจี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเสียทีเดียว…”