ฉาวซานกล่าว “มู่เฉียนซี เจ้าทำเกินไปแล้ว!”

“ทำเกินไปแล้วยังไง ? ขืนปล่อยเจ้าไป ไม่แน่เจ้าก็อาจคิดหาวิธีมาเอาคืนข้าได้ จัดการพวกเจ้าสามพี่น้องไปทีเดียวพร้อมกันก็สิ้นเรื่อง!”

ฉูห้าวกล่าว “พี่ใหญ่มู่พูดถูกที่สุดแล้ว! พวกเขาทั้งสามรับมือได้ยากนัก หากปล่อยไปสักคนก็ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นอีก จัดการไปซะทีเดียวเลย”

“ข้าจะสู้กับเจ้าจนสุดชีวิต!” ฉาวซานพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี ไล่โจมตีมู่เฉียนซีโดยไม่คิดชีวิต

“พี่ใหญ่มู่ ระวัง!” ฉูห้าวกล่าวตะโกนขึ้นด้วยความกังวล

ลมพายุได้ก่อตัวขึ้นรอบตัวฉาวซาน ทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ ทำได้เพียงมองดูมู่เฉียนซีถูกฉาวซานไล่ฆ่าอยู่เช่นนั้น

“ทักษะตี้ซวน!” มู่เฉียนซีหันหลังกลับมา และโจมตีด้วยทักษะวิญญาณหนึ่งกระบวนท่า

ร่างของนางลอยขึ้นกลางอากาศอย่างเบาบางดุจดั่งปีกปักษา จากนั้นก็โจมตีลงมาอีกครั้ง

“ทักษะเทียนซวน!”

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ฉาวซานถูกมู่เฉียนซีโจมตีด้วยสองกระบวนท่านี้จนตกตะลึงพรึงเพริดไป

ฉวยโอกาสตอนเจ้าเผลอ เอาชีวิตเจ้า!

กระบี่มังกรเพลิงสีแดงฉานปรากฏขึ้น และมังกรเพลิงตัวหนึ่งก็พุ่งออกไป!

“มังกรเพลิงสังหาร!”

ปัง ปัง ปัง!

มู่เฉียนซีมองกระบี่ในมือพลางยิ้ม อารองยอดเยี่ยมจริง ๆ ตอนนี้กระบี่มังกรเพลิงไม่ได้หักเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดูเหมือนว่ายังสามารถใช้ต่อไปได้

สามพี่น้องตระกูลฉาวก็ได้พ่ายแพ้ไปโดยสมบูรณ์

ฉูห้าวหรี่ตายิ้มพลางกล่าว “ข้าจะไม่พูดไร้สาระกับพวกเจ้าแล้ว ส่งลูกซวนจูของพวกเจ้ามา!”

สามพี่น้องตระกูลฉาวไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก ทว่าศึกครานี้พวกเขาได้พ่ายแพ้แน่แล้ว ไม่อาจแก้ไขสิ่งใดได้แล้ว

ในขณะที่พวกเขากำลังเอาลูกซวนจูให้กับมู่เฉียนซี จู่ ๆ เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “คะแนนของเจ้าโง่สามตัวนี้เป็นของข้า ศิษย์น้องมู่เฉียนซีมอบแกะอ้วนนี้ให้ข้าได้หรือไม่ ?”

เงาร่างสีดำร่างหนึ่งปรากฏขึ้นราวกับภูตผีปีศาจก็มิปาน

คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้น ๆ รูปร่างหน้าตาธรรมดา ไม่ได้อัปลักษณ์แต่ก็ไม่ได้รูปงาม

และแน่นอนว่าฉูห้าวจำคนผู้นี้ได้ “หลัวเท่อ ผู้แข็งแกร่งอันดับสามของชั้นเรียนระดับสูง”

“ในเมื่อเจ้ารู้สถานะของข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก ส่งมันมาเถอะ!”

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “เจ้าไม่มีสิทธิ์มาแย่งเหยื่อในมือข้า เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับสามแล้วยังไง ?”

“ศิษย์น้อง เจ้าคงไม่ได้คิดว่าการที่เจ้าเอาชนะสวะไร้ประโยชน์สามคนนี้ได้แล้วจะเอาชนะข้าได้หรอกกระมัง! ข้าว่าเจ้าคงจะไม่รู้อะไรเสียแล้ว พลังของสามอันดับแรกกับสวะไร้ประโยชน์อันดับท้ายเหล่านี้ มันห่างชั้นกันมาก!”

ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของหลัวเท่อจะธรรมดา แต่เขาก็เป็นคนที่อวดดีคิดว่าตนเองเก่งโดยไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเลย

สามพี่น้องแห่งตระกูลฉาวกัดฟันกรอดด้วยความโกรธเกรี้ยว “หลัวท่อ เจ้าบัดซบ!”

“ถึงแม้ว่าข้าจะเอาคะแนนให้ศิษย์น้องมู่ แต่ข้าก็ไม่ยอมให้คนสารเลวอย่างเจ้าเด็ดขาด!”

“บัดซบ! เจ้ารอความตายได้เลย!”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ห่างชั้นกันมากอย่างนั้นเหรอ ? แต่ข้าคิดว่าไม่เท่าไหร่นะ!”

เงาร่างนั้นปรากฏขึ้นด้านหลังหลัวเท่ออย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เข็มยาหลายสิบเข็มพุ่งออกไปพร้อมกัน

ความเร็วของหลัวเท่อก็รวดเร็วมาก หลบหลีกอย่างรวดเร็วราวกับสายลมที่พัดกระโชกแรงก็มิปาน

เจ้าหมอนี่เป็นคนที่มีความเร็วที่สุดเท่าที่มู่เฉียนซีเคยเจอมาในการสอบครั้งนี้

“ศิษย์น้องมู่เฉียนซี เผชิญหน้ากับข้า ความเร็วของเจ้านั้นไม่ได้นับว่าเหนือไปกว่าข้าเลย ข้าเองก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดเจ้าถึงได้ยืนกรานที่จะต่อสู้กับข้า!” หลัวเท่อส่ายหน้าอย่างจนปัญญาพลางกล่าว

“ไม่ได้เหนือกว่าอย่างนั้นเหรอ ? ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นว่าสิ่งใดที่เรียกว่าเหนือกว่า”

มู่เฉียนซีได้โจมตีหลัวเท่ออีกครั้ง ภายในชั่วพริบตาเดียวมังกรวารีก็พุ่งทะยานออกไป

ปัง ปัง ปัง!

ความเร็วของทั้งสองนั้นกำลังถึงขีดสูงสุด สามพี่น้องตระกูลฉาวกับฉูห้าวมองเห็นเพียงแค่เงาร่างสีม่วงและสีดำกำลังต่อสู้กันไปมาอย่างรวดเร็ว

“นี่เมื่อไหร่จะสิ้นสุดสักที!” น้ำเสียงของฉาวต้าไม่ค่อยจะดีนัก

“พี่ใหญ่ เห็นความเร็วของหลัวเท่อหรือไม่ เริ่มจะช้าลงแล้ว”

“ใช่ เริ่มช้าลงแล้ว! สูญเสียพลังไปมากเช่นนี้ จะไม่ช้าได้ยังไงกัน”

ฉูห้าวกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “แต่ความเร็วของพี่ใหญ่มู่ของข้ากลับยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”

“เจ้า…” สีหน้าของหลัวเท่อยิ่งแย่ลง ๆ

มู่เฉียนซีกล่าว “ต้องขอบใจเจ้ามากที่แข่งฝีเท้ากับข้า ทำให้ข้าได้ฝึกฝนความเร็วจนความเร็วของข้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ เจ้าคิดว่าข้าควรจะแบ่งคะแนนให้เจ้าสักหน่อยหรือไม่ เพื่อเป็นการขอบใจเจ้า!”

สีหน้าของหลัวเท่อดำคล้ำด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริง ๆ”

ทักษะฝีเท้านั้นงดงามเป็นอย่างมาก มียาวิญญาณระดับสูงที่กินเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด การแข่งขันความเร็วกับนาง เป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์

พลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา “ความเร็วสู้ไม่ได้ แต่เจ้าก็ไม่อาจทำอะไรข้าได้ ศิษย์น้อง!”

อ๊าาา! เสียงกรีดร้องเสียดแทงหัวใจสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น

สีหน้าของฉูห้าวพลันเปลี่ยนไปทันที “แย่แล้ว นี่คือการโจมตีด้วยเสียงที่หลัวเท่อชำนาญที่สุด พี่ใหญ่มู่ระวังตัวด้วย!”

ชั่วครู่หนึ่ง พวกเขาก็รู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิด สีหน้าของมู่เฉียนซียังคงไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่านางจะตกอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำวนของคลื่นเสียงนั้นก็ตาม

หลัวเท่อกล่าว “ศิษย์น้องมู่เฉียนซี เจ้าช่างเสแสร้งเก่งกาจยิ่งนัก! ภายใต้การโจมตีด้วยเสียงของข้าแล้ว เจ้าต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เว้นเสียแต่เจ้าจะหูหนวก!”

มู่เฉียนซีเข้าสู่สนามรบด้วยสีหน้าอันราบเรียบเฉกเช่นเดิม กระบี่มังกรเพลิงถูกนางชักออกมาจากฝักอีกครั้ง!

นางกวัดแกว่งกระบี่ไปมา เคลื่อนตัวออกจากกระแสน้ำวนของคลื่นเสียงนั้น และตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “มังกรเพลิงสังหาร!”

ตูม! ร่างของหลัวเท่อกระเด็นลอยออกไปชนกับต้นไม้อย่างรุนแรง

เขาถลึงตาจ้องมองมู่เฉียนซี และกล่าวว่า “เป็นไปได้ยังไง ? เจ้า…”

“การโจมตีด้วยพลังเสียงของข้า เหตุใดมันถึงใช้ไม่ได้ผล”

นี่คือท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาแล้ว เป็นเพราะว่ามีท่าไม้ตายนี้อยู่ เขาถึงได้ครองตำแหน่งอันดับสามของชั้นเรียนระดับสูงได้อย่างมั่นคง ไม่มีผู้ใดเอาชนะเขาได้

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่ามันใช้ไม่ได้ผลกับคนหูหนวก”

“หูหนวก นี่เจ้า เป็นไปได้ยังไง แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าพูดอะไรออกไป ?”

“เจ้าคิดว่าข้าไม่เข้าใจภาษาปากงั้นเหรอ ?” มู่เฉียนซียิ้มมุมปากขึ้น

“แต่ว่า การที่ไม่ได้ยินอะไรมันก็น่าเบื่อเกินไปเหมือนกันนะ” นางเอายาวิญญาณออกมาเม็ดหนึ่งและเคี้ยว จากนั้นการได้ยินของนางก็ได้ฟื้นคืนกลับมา

หลัวเท่อปักใจเชื่อมาโดยตลอดว่าการโจมตีด้วยพลังเสียงของเขานั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง แต่ผลที่ได้ก็คือเขาได้มาเจอกับหญิงสาวที่สามารถควบคุมการได้ยินของตนเองได้ และทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ไปอย่างน่าสังเวช

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ต่อไป ข้าก็ยึดของของเจ้าได้แล้วสินะ”

ลูกซวนจูของสามพี่น้องตระกูลฉาว และของหลัวเท่ออีกหนึ่งลูก รวมทั้งหมดเป็นสี่ลูก

ถึงแม้ว่าจะมีแค่สี่ลูก แต่มู่เฉียนซีก็รู้ดีว่าคะแนนที่อยู่ข้างในนั้นไม่ต่ำแน่นอน

มู่เฉียนซีโยนลูกซวนจูของฉาวซานให้กับฉูห้าวและกล่าวว่า “นี่เป็นของเจ้า!”

“ของข้างั้นเหรอ พี่ใหญ่มู่ เป็นไปได้ยังไง! พี่ใหญ่…”

“หากไม่ใช่เจ้าที่ขวางเอาไว้ให้ข้าคนนึง สามต่อหนึ่งข้าไม่อาจชนะได้แน่นอน อย่างน้อยก็ทำให้ข้าตั้งหลักเอาไว้ได้” มู่เฉียนซีกล่าว

“แต่ข้าไม่ได้ออกแรงอะไรเลย” เมื่ออยู่ท่ามกลางการต่อสู้อันแข็งแกร่งและกล้าหาญของพี่ใหญ่มู่ ฉูห้าวรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างอ่อนแอนัก

“ถึงยังไงคะแนนของข้าก็มีมากพอแล้ว เจ้าจะเอาไม่เอา ?” มู่เฉียนซีได้ทำลายลูกซวนจูสามลูกในมือจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ และคะแนนของนางก็พุ่งสูงขึ้นมากกว่าพันคะแนน!

อาจารย์ใหญ่ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “มู่เฉียนซีสาวน้อยผู้นี้ช่างไร้เทียมทานจริง ๆ นี่นางคงไม่ได้ฆ่าทำลายนักเรียนที่เข้าร่วมไปหมดแล้วกระมัง!”

ถัดมา คะแนนผู้ที่เข้ารอบสิบคนสุดท้ายยังมีอีกคนหนึ่ง ฉูห้าว! ชายหนุ่มที่ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรในชั้นเรียนระดับสูง

เวลาสามวันช่างผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ

การล่าเหยื่อกำลังจะสิ้นสุดลง ทุกคนเตรียมตัวที่จะลงเขา ผู้ที่มีคุณสมบัติอยู่บนเขาต่อนั้นมีเพียงไม่กี่คน และในขณะที่มู่เฉียนซีกับฉูห้าวกำลังจะลงเขา จู่ ๆ ก็มีคนคนหนึ่งวิ่งพรวดเข้ามาและบอกว่า “พี่ห้าว! ท่านกับศิษย์น้องมู่เฉียนซีเปลี่ยนเส้นทางลงเขาเถอะ! ข้างหน้ายังมีไป๋ชาผู้แข็งแกร่งอันดับสองของชั้นเรียนระดับสูงของพวกเราดักรอศิษย์น้องมู่อยู่!”