ตอนที่ 521
ซื้อที่ดิน
“ที่นี่ล่ะ ไม่เลวเลย”หลังจากให้จูล่งหาใหม่อีกรอบ ในที่สุดจูล่งก็พบภูเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกับเมืองเล็กๆทางตะวันตกของโรงงานที่ยี่เจินตั้งอยู่ ระยะห่างมากหน่อยแต่ก็พอรับได้ และที่สำคัญแร่ที่จูล่งพบยังมีจำนวนมากเสียด้วย
“แล้วลองคุยกับเจ้าของที่หรือยัง”ยี่เจินถามพลางมองไปที่เมืองด้านล่าง การที่มีเมืองอยู่ใกล้ๆแสดงว่ามีเจ้าของที่ดินอยู่ แบบนั้นก็ต้องเจรจาซื้อขายกับเจ้าเมืองให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถทำเหมืองได้หรอก
“คุยแล้วขอรับ เจ้าเมืองบอกว่ายินดีจะขายเลยขอรับ ที่บนภูเขานั่นไม่มีชาวนาไปทำอยู่แล้วด้วย”จูล่งตอบด้วยท่าทีมั่นใจ ที่ดินบนภูเขานั้นเป็นที่ดินทำการเพาะปลูกลำบาก ชาวเมืองแถวนี้เน้นการปลูกข้าวสาลีเป็นหลัก บนเขาที่มีแต่หินไม่มีใครขึ้นไปทำไร่ทำนาหรอก ทำให้ชาวเมืองที่ไม่ทราบว่าใต้ดินมีอะไรนั้นปล่อยที่ดินบนภูเขาไว้เฉยๆมาหลายชั่วอายุคนเลยทีเดียว
“ดี งั้นเราไปกันเถอะ”ยี่เจินพูดพาเอมิลเดินลงไปที่เมืองติดภูเขาทันที ที่นั่นเป็นเมืองเล็กมีจำนวนประชากรไม่มาก ดูแล้วก็อบอุ่นดีไม่น้อย เพียงแต่….
“เจ้านาย เหมือนชาวเมืองจะมองเราแปลกๆหรือเปล่า”เอมิลพูดพลางมองสายตาของชาวเมืองที่มองมาทางพวกตนที่กำลังเข้าเมืองมา
“เมืองนี้ท่าทางจะไม่ค่อยมีคนเดินทางมาเท่าไหร่มั้ง”ยี่เจินว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา อาณาจักรไชน์พัฒนาขึ้นมากหลังจากรูบี้กลับมา แต่ความเจริญก็ไม่ได้แพร่กระจายไปทั้งอาณาจักรเสียทีเดียว ยังมีบางอาณาจักรที่ยังเข้าถึงลำบาก เพราะภูมิประเทศเช่นเดียวกับเมืองที่พวกยี่เจินกำลังเข้ามานี่ก็เช่นกัน เพราะรอบๆมีภูเขาหินล้อมรอบ การเดินทางเข้ามาเลยยากลำบาก ไม่เเปลกเลยที่เมืองนี้จะไม่ค่อยมีคนเข้ามาเท่าไหร่
“หวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ”เอมิลพูดพลางกลืนน้ำลายลงคอ พวกตนกำลังจะมาสร้างเหมืองแร่ที่นี่ หากไม่ได้รับการต้อนรับจากชาวเมืองกลัวว่าจะทำให้ลำบากเสียแล้ว
..
.
“ยินดีต้อนรับขอรับ”ทันทีที่มาถึงบ้านของเจ้าเมือง ตัวเจ้าเมืองเองก็ออกมาต้อนรับพวกยี่เจินด้วยตนเองทันที จะว่าให้เกียรติหรือเพราะไม่มีคนรับใช้ดีล่ะ
“ท่านเจ้าเมือง ท่านนี้คือเจ้านายของข้าขอรับ ท่านสนใจจะซื้อที่ดินบนเขาด้านหลังเมืองตามที่ข้าบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้”จูล่งพูดพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเป็นมิตร จูล่งมาสอบถามก่อนแล้วครั้งหนึ่งเลยดูเคยชินกับที่นี่มากกว่าเอมิลและยี่เจินอย่างเห็นได้ชัด
“อ้อ เป็นท่านนี่เอง”เจ้าเมืองยิ้มกว้างพลางพาพวกยี่เจินไปนั่งที่เก้าอี้อย่างรีบร้อนราวกับกำลังต้อนรับคนใหญ่คนโตไม่มีผิด แต่จะว่าไปตอนนี้ยี่เจินก็นับเป็นเจ้าของโรงงานใหญ่แล้วจะเรียกว่าเป็นคนใหญ่คนโตก็ไม่ผิดอะไรหรอก
“เรื่องที่ดินบนภูเขานั่น ไม่ทราบท่านจะซื้อในราคาเท่าไหร่ดีขอรับ”ท่านเจ้าเมืองว่าพลางยิ้มออกมา ราคาที่ดินในเขตรอบนอกเช่นนี้ไม่ค่อยสูงมาก ยิ่งเป็นที่รกร้างแล้วราคาคงได้ไม่เท่าไหร่
“ไร่ละ 80 เป็นอย่างไรขอรับ”ยี่เจินเสนอพลางยิ้มออกมา ราคาที่ดินไร่ละ 80 เหรียญทองนับว่าเป็นราคาที่ไม่ดีแล้วก็ไม่ร้าย ราคาประมาณนี้สามารถซื้อที่ดินว่างเปล่าใกล้ๆเมืองหลวงได้หากโชคดีพอ นับว่ายี่เจินไม่ได้เอาเปรียบเลยแม้แต่น้อย
“…..แบบนั้นมันออกจะน้อยไปหรือเปล่าขอรับ”เจ้าเมืองว่าพลางกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทีลำบากใจ ไม่แปลกหรอกที่คนขายจะอยากขายในราคาที่แพงๆ
“ท่านเจ้าเมืองมีราคาในใจหรือเปล่าขอรับ”ยี่เจินถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีใจดี ที่ดินบนภูเขาที่ยี่เจินต้องการจะนำมาสร้างเหมืองนั้นเป็นที่ดินขนาด 800 ไร่ หากซื้อในราคา 80 เหรียญทองก็ตก 64,000 เหรียญทองแล้ว หากไม่ใช่เพราะจูล่งตรวจสอบจนมั่นใจว่าในภูเขามีแร่อยู่จริงๆยี่เจินคงไม่ซื้อที่ดินว่างเปล่ากลางภูเขาในราคาเช่นนี้หรอก
“ข้าอาจจะหวังมากเกินไป แต่อย่างน้อยก็ขอสัก 95 ได้หรือเปล่าขอรับ”เจ้าเมืองพูดพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“95 หรือขอรับ”ยี่เจินฟังจบก็คำนวณราคาในหัวทันที แม้จะเป็นราคาที่มันตอนนี้สามารถจ่ายได้ทันที แต่สายเลือดพ่อค้าไม่ยอมให้มันทำอย่างนั้น การซื้อของแต่ละอย่างต้องซื้อในราคาที่สมน้ำสมเนื้อและคุ้มค่าเอาไว้ก่อนเสมอ
“95 อาจจะสูงเกินไป งั้นข้าขอที่ 90 ก็แล้วกัน”เจ้าเมืองเห็นยี่เจินลังเลกลับรีบลดราคาเองเสียอย่างนั้น ทำให้ยี่เจินทราบว่าราคาจริงๆที่เจ้าเมืองต้องการนั้นไม่ได้สูงอะไรมาก บางทีอาจจะกะไว้ที่ 100 เหรียญทองต่อไร่ก็ได้ การยอมลดมาที่ 90 ง่ายๆทำให้ยี่เจินย่ามใจเล็กๆ ปกติแล้วสมควรต่อกันที่ครึ่งทางเหลือ 85 เหรียญทอง แต่….
“น่าเสียดาย ข้าไหวที่ 80 จริงๆ”ยี่เจินพูดด้วยท่าทีลำบากใจออกมา แม้จะเป็นคนไม่โกงใคร แต่หากเป็นการตกลงทางธุรกิจ ยี่เจินก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน
“อึก…..80 ก็ฟังดูไม่เลวขอรับ”เจ้าเมืองที่เหมือนจะกลัวว่ายี่เจินจะไม่ซื้อได้แต่ถอนหายใจและยอมขายในราคาที่ยี่เจินต้องการ อย่างว่าที่ดินบนเขาแห่งนี้ไม่มีคนมาซื้อนานมากแล้ว เจ้าเมืองที่ถือครองที่ดินก็อยากจะขายให้ออกไปเหมือนกัน
“ดี งั้นเรามาทำสัญญากันเลย”ยี่เจินยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ นับว่าคราวนี้ตนเองได้ราคาที่พอใจเลย
“เอาเถอะ ถึงจะขายได้แค่ 80 เหรียญเงิน แต่ที่ตรงนั้นมันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่นะ”ได้ยินเจ้าเมืองพูดเช่นนั้น ทั้งยี่เจินทั้งเอมิลรวมทั้งจูล่งเองก็เกิดท่าทีงุนงงขึ้นมา ตกลงที่เจ้าเมืองต้องการจะขายนั่นเป็นราคาเหรียญเงินหรอกหรือ เมืองนี้ที่ดินจะถูกเกินไปแล้ว
“ทะ ท่านเจ้าเมือง ราคาที่ท่านคิดไว้แต่แรกคือเท่าไหร่งั้นหรือ”ยี่เจินถามพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ตัวมันก็ไม่คิดหรอกว่าจะตกลงราคาที่ดินต่อไร่กันด้วยเหรียญเงิน
“ฮะๆ ความจริงข้าอยากจะขายให้ได้สัก 1 เหรียญทองหรือ 1 เหรียญทองกับอีก 10 เหรียญเงินก็ยังดีขอรับ”เจ้าเมืองตอบพลางหัวเราะแฮะๆออกมาเสียอย่างนั้น มันก็ดีอยู่หรอกที่ได้ที่ดินมาในราคาถูกจนน่ากลัว แต่จะซื้อที่ดินราคา 80 เหรียญทองด้วยเงิน 80 เหรียญเงินมันจะดีจริงๆงั้นหรือ
“ท่านเจ้าเมือง ข้ามีข้อเสนอขอรับ”ยี่เจินว่าพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ในเมื่อราคาที่ดินต่ำเช่นนี้ตัวยี่เจินก็ไม่มีปัญหาอะไรเรื่องการซื้อที่ดินเพิ่มอยู่แล้ว
“ข้าจะเพิ่มราคาให้เป็นไร่ล่ะ 10 เหรียญทอง แต่ท่านช่วยขายที่ดินให้ข้าเพิ่มได้หรือไม่”ยี่เจินเสนอออกมาเพราะหากได้ที่ดินเพิ่ม นอกจากพื้นที่ทำเหมืองแล้วยังมีพื้นที่สำหรับสร้างที่พักให้คนงานอีกต่างหาก แบบนี้ก็ไม่ถือว่าเสียเปรียบและไม่เอาเปรียบจนเกินไปแล้ว
“ขะ ขอรับ ยินดีขอรับ”เจ้าเมืองที่ได้ยินเรื่องราคาที่พุ่งขึ้นไปสูงถึง 10 เท่าก็รีบค้นเอกสารออกมาเพื่อทำสัญญาทันที สุดท้ายยี่เจินก็ซื้อที่ดินรอบนอกเขตเพาะปลูกกว่า 2,000 ไร่มาจากเจ้าเมืองในราคา 20,000 เหรียญทองจนได้
“ยินดีที่ได้ซื้อขายขอรับ”ยี่เจินพูดหลังจากเขียนสัญญาเสร็จเรียบร้อย เท่านี้ยี่เจินก็ได้ที่ดินสำหรับขุดเหมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ไปหาซื้ออุปกรณ์และคนงานเท่านั้น
“เจ้านาย ให้ข้าส่งอสูรธาตุดินมาคอยดูแลสักตนดีหรือไม่”ขณะเดินทางออกจากเมืองเอมิลที่กำลังคิดแผนการสร้างเหมืองกับยี่เจินและจูล่งก็เสนอความคิดขึ้นมา
“อสูรของเจ้างั้นหรือ”ยี่เจินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าออกมาช้าๆ การมีอสูรธาตุดินคอยมาคุมงานไม่ใช่แค่จะทำให้งานเร็วขึ้น แต่ยังปลอดภัยขึ้นด้วย เพราะหากเกิดอะไรขึ้น อสูรธาตุดินก็อาจจะช่วยเหลือคนงานได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกรณีเลวร้ายอย่างเหมืองเกิดถล่มลงมาเองอสูรก็ช่วยได้มาก
“ได้ แต่อสูรของเจ้าต้องรับเงินเดือนด้วยเข้าใจหรือไม่”ยี่เจินว่าพลางยืนยันอย่างหนักแน่น เมื่อใช้งานแล้วก็ต้องจ่ายเงิน หลักการนี้ยี่เจินยังคงยึดมั่นเหมือนเดิม
“แน่นอนขอรับ มันชอบแร่ชนิดหนึ่งมาก หากท่านจ่ายเงินเดินเป็นแร่พวกนั้นมันต้องยินดีแน่ๆ”เอมิลตอบพลางยิ้มกว้างออกมาอย่างดีอกดีใจ อสูรของมันทำประโยชน์ให้เจ้านายได้มันเองก็ดีใจ
.
.
“ได้ยินหรือเปล่า เจ้าพวกนั้นจะเอาอสูรเข้ามา”ระหว่างที่พวกจูล่งออกไปเมืองไปได้พักหนึ่ง เสียงของชาวเมืองก็ดังขึ้นด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ ตอนแรกพวกมันก็ไม่ทราบหรอกว่าพวกยี่เจินมาทำไม ลำพังเป็นคนนอกพวกมันก็กังวลกันอยู่แล้ว พอได้ยินว่าเอมิลจะเอาอสูรเข้ามาพวกมันก็ยิ่งไม่ไว้ใจพวกยี่เจินเข้าไปใหญ่
“พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่ ถึงได้มาที่เมืองของเรา”ชายคนหนึ่งพูดพลางมองแผ่นหลังของจูล่งและพวกยี่เจินที่เดินจากไปจนลับตา
“พวกมันเข้าไปในบ้านเจ้าเมืองตั้งนานสองนานต้องมีอะไรแน่ๆ”ชายอีกคนพูดออกมาเพราะมันเห็นพวกยี่เจินเข้าไปในบ้านเจ้าเมืองจริงๆ
“เช่นนั้นเราก็ไปถามกันเถอะ”หญิงคนหนึ่งพูดออกมาด้วยท่าทีกังวล เมื่อนางพูดออกมาเหล่าชาวเมืองก็พากันเข้าไปหาเจ้าเมืองเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นทันที
“พวกเจ้าเป็นอะไรกัน ท่านพ่อค้าก็แค่มาขอซื้อที่ดินข้าเท่านั้นเอง”หลังจากโดนชาวเมืองล้อมหน้าบ้านเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น เจ้าเมืองก็บอกสาเหตุที่ยี่เจินเข้ามาหาตนเองให้พวกชาวเมืองได้ทราบ การซื้อขายปกติธรรมดาเช่นนี้มีอะไรต้องปิดบังกัน
“ท่านจะบ้าหรืออย่างไร ที่ดินรอบหมู่บ้านตั้ง 2,000 ไร่ ท่านขายให้พวกมันไปได้อย่างไร”ชาวเมืองพอได้ทราบว่ายี่เจินซื้อที่ดินไปกว่า 2,000 ไร่ก็พากันโวยวายทันที
“มันซื้อที่ดินรอบๆ แถมยังจะเอาอสูรเข้ามาอีก”ชาวบ้านคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีตกใจ น่าเสียดายเมืองแห่งนี้ห่างไกลจากสงครามมากเพราะอยู่ทางตะวันตก ไม่ว่าจะยุคไหนสงครามก็มาไม่ค่อยถึง เรื่องที่ไป๋จูเหวินนำทัพอสูรมาช่วยเหลืออาณาจักรไชน์ไว้ก็เป็นเพียงข่าวลือของเมืองนี้เท่านั้น
“หรือว่า พวกมันจะเอาอสูรเข้ามายึดเมืองของเรา”ชาวเมืองพอทราบข่าวก็พากันฟุ้งซ่านกันไปใหญ่ แม้แต่เจ้าเมืองเองก็เริ่มกังวลยิ่งได้ยินเรื่องที่เอมิลจะเอาอสูรเข้ามาก็พาสมองเตลิดเปิดเปิงเข้าไปใหญ่ นี่มันขายที่ดินให้กับใครไปกันแน่………
“เตรียมรับมือ คราวหน้าที่พวกมันมาจะยอมให้เข้าหมู่บ้านมาไม่ได้”ชาวเมืองที่กำลังเข้าใจผิดพากันลุกฮือเสียอย่างนั้น หากชาวเมืองอาณาจักรไป๋หรืออู่มาได้ยินเข้าคงพากันส่ายหัวและบอกว่าอารมณ์หวาดกลัวอสูรเช่นนี้ช่างเป็นอารมณ์ที่น่าคิดถึงจริงๆ