บทที่ 109**:**วิชาเทวะจันทราวารี
เมื่อเจ้าอ้วนมาถึง เขาถูกกดดันจากผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งกว่าจนเกือบได้รับบาดเจ็บ ขอบคุณสวรรค์ที่ปราณจิตวิญญาณของเขาสามารถต่อต้านมันได้และไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ดังนั้นเมื่อยามที่เจ้าอ้วนเข้ามา ทั้งสองคนที่อยู่ก่อนหน้าเก็บปราณจิตวิญญาณของพวกเขาทันที ส่วนอีกหนึ่งคนเขายังคงลังเลในตอนแรก แต่สุดท้ายเขาก็เก็บมัน
นอกเหนือจากจ้าวสำนักและภรรยาของเขาที่นั่งอยู่ตรงกลาง มีผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินสามคนปรากฏตรงหน้าของเจ้าอ้วน นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกตนอีกหนึ่งคนสวมใส่ชุดสีแดงยืนอยู่ทางด้านขวา ผมของเขาสีแดง ใบหน้าของเขาดูดุร้ายและน่ากลัว มังกรแดงถูกปักเด่นเป็นสง่าอยู่บนเสื้อคลุมของเขา โดยไม่ต้องสงสัยเลยนี่คือรองจ้าวสำนักแห่งสำนักเสวียนเทียนอย่างแน่นอน เขาก็คือนักบวชฮัวอวิ๋น
แม้ว่าเขาจะมาจากนิกายที่ต่างกัน แต่ทว่าในตอนนี้เขาเป็นรองจ้าวสำนัก เจ้าอ้วนไม่กล้าที่จะทำตัวไร้มารยาท เขาทำความเคารพจ้าวสำนักและภรรยา ก่อนที่จะทำความเคารพนักบวชฮัวอวิ๋น
แต่หลังจากที่เจ้าอ้วนทำความเคารพแล้ว นักบวชฮัวอวิ๋นโบกมืออย่างไม่สนใจพร้อมคำรามอย่างหยาบคาย “เจ้าอ้วน เลิกเสแสร้งได้แล้ว จงรีบพูดออกมาว่าสิ่งใดอยู่ในระฆังใบนั้น?”
เจ้าอ้วนไม่ได้คาดคิดว่านักบวชฮัวอวิ๋นจะหยาบคายและกระทำตนไร้มารยาทกับผู้น้อยอย่างเขาเช่นนี้ ท่าทางของเขาไม่สมควรแก่การเป็นอาวุโสแม้แต่น้อย! เขานิสัยเสียและนำตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ท่าทางของเขาคล้ายกับเหล่าอันธพาลที่วิ่งเร่ไปตามท้องถนน การแสดงออกเช่นนั้นทำให้เจ้าอ้วนไม่รู้จะโต้ตอบเช่นไร เขาจึงตกอยู่ในความงุนงงอย่างถึงที่สุด!
แม้ว่าเจ้าอ้วนจะอยู่ในความโง่เขลา แต่จ้าวสำนักก็ไม่ได้กดดันเขาแต่อย่างใด เมื่อเห็นว่านักบวชฮัวอวิ๋นแสดงท่าทีหยาบคายต่อศิษย์ของเขา เขาไม่สามารถอดกลั้นได้จึงคำรามออกมา “ฮัวอวิ๋น เจ้าสามารถหยาบคายได้ถึงเพียงนี้?”
ภรรยาแห่งจ้าวสำนักจ้องมองเขาอย่างเย็นชาพร้อมกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “ศิษย์พี่ฮัวอวิ๋น แม้ว่าเด็กคนนี้จะมีสมบัติ แต่ทว่ามันไม่ได้ขัดกับกฎของสำนัก อีกทั้งเขาก็ไม่ได้เป็นอาชญากรร้ายแรง เหตุใดท่านถึงต้องพูดกับเขาดังเช่นกำลังสืบปากคำคนร้าย?!”
เมื่อได้ยินที่ทั้งสองคนพูด นักบวชฮัวอวิ๋นรู้ตัวทันทีว่าเขากำลังถูกอารมณ์ครอบงำ เขากระทำการหยาบคายลงไปเสียแล้ว แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนปากแข็งจึงปล่อยเรื่องราวผ่านไปโดยไม่ยอมรับความผิดพร้อมกับตะโกนออกมา “นี่ข้ากำลังสอบปากคำเขาเช่นอาชญากรงั้นหรือ? ข้าเพียงแค่พูดจาเสียงดังเล็กน้อยเท่านั้น! และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าทำเช่นนี้ ข้าเอะอะอย่างนี้มานมนานแล้วไม่ใช่งั้นหรือwi?!”
อารมณ์ของจ้าวสำนักยังขุ่นเคืองอยู่อีกทั้งไม่สนใจคำตอบโง่เขลาที่ฮัวอวิ๋นพ่นออกมา เขาตอบกลับว่า “ข้าไม่สนใจว่านี่จะเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของเจ้า แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติกับศิษย์ของข้าเช่นนี้!”
เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธทันที “นี่เป็นวิธีการพูดของข้าและข้าจะไม่เปลี่ยนแปลงมัน! เจ้าต้องการอะไรจากเรื่องนี้หรือไร?”
“หุบปากของเจ้าซะถ้าหากเจ้าไม่คิดเปลี่ยนแปลง!” จ้าวสำนักคำรามออกมา
“ข้าไม่หยุด!” นักบวชฮัวอวิ๋นตะโกนออกมา
จ้าวสำนักปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาอย่างมหาศาล นักบวชฮัวอวิ๋นยั้งคิดพร้อมทั้งปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาเช่นกัน ในตอนนี้โถงลับนี้ถูกถาโถมไปด้วยปราณจิตวิญญาณมหาศาล ถ้าหากไม่ใช่ภรรยาจ้าวสำนักสร้างม่านพลังเพื่อปกป้องเจ้าอ้วนไว้ สภาพของเขาน่าจะกลายเป็นคนน่าสังเวชที่สุดในห้องนี้ก็เป็นได้
“ทั้งสองคนหยุดเดี๋ยวนี้! ข้าจะสอบถามเขาเอง!” หลังจากที่ภรรยาจ้าวสำนักปกป้องเจ้าอ้วนเสร็จแล้ว นางคำรามออกมา ขณะที่นางกำลังเกรี้ยวกราดนั้น ทั้งจ้าวสำนักและนักบวชฮัวอวิ๋นหยุดนิ่งทันทีและเก็บคลื่นพลังงานทั้งหมดกลับไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าภรรยาจ้าวสำนักคือผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในที่แห่งนี้
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนหยุดมือแล้ว ภรรยาจ้าวสำนักเผยยิ้มเล็กน้อยพร้อมหันมาหาเจ้าอ้วนอย่างอ่อนโยน “เด็กน้อย เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ตราบใดที่เราอยู่ตรงนี้ จะไม่มีผู้ใดข่มเหงเจ้าได้!”
ต่อให้สถานการณ์จะเลวร้ายถึงเพียงใด ศิษย์ตัวเล็กจ้อยอย่างเจ้าอ้วนจะกล่าวต่อว่าผู้ใดได้? เขาเพียงแต่ยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมพยักหน้าน้อย ๆ “ขอรับ ข้าทราบแล้ว!”
“ดีมาก!” ภรรยาจ้าวสำนักจึงเริ่มถามต่อ “เด็กน้อย วันนั้นในขณะที่เจ้าต่อสู้กับฉุ่ยจิ้ง เสียงของระฆังใบนั้นของเจ้าทำให้ผู้คนหลายร้อยรอบสนามประลองเข้าใจกฎแห่งสวรรค์ อีกทั้งยังมีเจ็ดคนที่สามารถก้าวสู่ขั้นที่สูงขึ้นได้ ข้าอยากรู้ว่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้?”
“มีบางอย่างเกิดขึ้นงั้นหรือ?” เจ้าอ้วนตกใจ เขาหัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมตอบกลับ “ศิษย์ของท่านยังคงไม่เข้าใจมันหลังจากที่กลับออกมา ในกรณีเช่นนั้น หลังจากจบการแข่งขัน ข้ารีบกลับเข้าไปหลังประตูเพื่อฝึกฝนและข้าก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง!”
“ตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวอย่างอ่อนโยน “เจ้าสามารถบอกได้หรือไม่ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
“ข้าเกรงว่าเรื่องนี้ข้าไม่อาจกระทำ!” เจ้าอ้วนหัวเราะอย่างขื่นขม “ศิษย์ของท่านไม่รู้อะไรเลยขอรับ!”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นในการต่อสู้ของเจ้ากับฉุ่ยจิ้ง? เหตุใดเจ้าทั้งสองจึงก้าวหน้าไปหนึ่งขั้น?” ภรรยาจ้าวสำนักถามต่อ
“เรื่องนั้น…” เจ้าอ้วนลูบศีรษะของตนเองพร้อมตอบกลับ “ศิษย์ไม่แน่ใจนัก อย่างไรก็ตามในวันที่ข้าแข่งขัน เราสองคนจ้องตากัน ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าถูกขังอยู่ในอีกโลกหนึ่ง มันลึกลับมากและดูราวกับว่ามันอนุญาตให้ข้าเข้าใจในกฏแห่งสวรรค์อย่างง่ายดาย ศิษย์รู้ดีว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งจึงจมดิ่งสู่สมาธิเพื่อทำความเข้าใจมันทันที เมื่อข้าได้ยินเสียงระฆังข้าจึงลืมตาขึ้นมาและพบว่าระดับของข้าก้าวหน้าขึ้นแล้ว!”
“เจ้าเห็นอะไรบ้างที่โลกนั้น?” ภรรยาจ้าวสำนักถามอย่างรวดเร็ว
“ทะเลสาบที่เงียบสงบมีพระจันทร์เต็มดวงลอยอยู่บนท้องฟ้าและเงาจันทร์สะท้อนบนผิวน้ำให้ความรู้สึกที่ลึกลับ!” เจ้าอ้วนอธิบายต่อ “แต่ทว่ามันกลับมีกฏแห่งสวรรค์ซ่อนอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน! ข้าถูกครอบงำโดยสิ่งเหล่านั้นและไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองให้ออกมาได้!”
“วิชาเทวะจันทราวารี!” ในขณะนั้น ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งสามคนตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนแสดงอาการอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับถามออกไปทันที “เอ่อ วิชาเทวะจันทราวารีมันคืออะไรหรือขอรับ?”
“มันคือทั้งหมดที่เจ้าเห็น!” ภรรยาจ้าวสำนักตอบอย่างอิจฉา “สิ่งที่ศิษย์พี่ฉุ่ยจิ้งของเจ้ากระทำนั้นเรียกว่าเคล็ดวิชาโบราณนามวิชาเทวะจันทราวารี ซึ่งเป็นพื้นฐานของวิชาจันทราวารีลึกลับ! ซึ่งสิ่งดังกล่าวอยู่ในจิตวิญญาณของผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทวะจันทราวารีเท่านั้น ผู้คนที่สามารถมองเห็นมันจะเข้าใจกฎแห่งสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย สามารถเพิ่มระดับพลังของการฝึกฝน หรือแม้แต่ผ่านอาการตีบตันไปอย่างราบลื่น! เด็กน้อย เจ้าช่างโชคดียิ่งนักในครั้งนี้!”
“เรื่องนั้น…” เจ้าอ้วนถามกลับด้วยความงุนงง “อย่าบอกนะว่ามันยากมากที่จะพบเห็นสิ่งเหล่านี้?”
“แน่นอน นั่นคือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจิตใจของหญิงสาว ซึ่งนางต้องการเปิดเผยให้เจ้ารู้เท่านั้น รวมกับต้องเป็นการเผชิญหน้ากันโดยบังเอิญเท่านั้นจึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้! เจ้าคิดว่ามีชายหนุ่มหลายคนงั้นหรือที่แม่นางฉุ่ยจิ้งต้องตาต้องใจด้วย?” ภรรยาจ้าวสำนักดุเจ้าอ้วนพร้อมหัวเราะเสียงบา
เจ้าอ้วนตกตะลึงไปทันที พร้อมกับหัวเราะและตอบกลับอย่างขมขื่น “เอ่อ… เหตุใดกันข้าจึงได้เห็นมัน? นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพบกับนาง อีกทั้งเรายังเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันอย่างสมบูรณ์!”
“นั่นเป็นเพราะนางรู้เห็นสิ่งที่อยู่ในจิตใจของเจ้า!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ว่ากันว่าวิชาเทวะจันทราวารีเป็นเคล็ดวิชาที่ต้องใช้ความรู้สึก ถ้าหากพบเจอกับวิธีการฝึกตนที่แข็งแกร่งมันจะสามารถตอบสนองออกมาได้ ผู้ฝึกตนทั้งสองจะสามารถเชื่อมจิตวิญญาณเข้าด้วยกันและจะบรรลุผลประโยชน์ร่วมกัน!”