แน่นอนว่าธรรมเนียมบนโลกใบนี้ย่อมคล้ายๆกันไม่นานนักงานเลี้ยงก็ถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนนั่งรอบโต๊ะอาหารดื่มกินพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตามมื้อค่ำอันแสนสุขก็ถูกรบกวนเนื่องจากมีผู้คนนับสิบจากข้างนอกกำลังเข้ามาล้อมรอบบริเวณลานด้านใน จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาว่า “หมอปีศาจ ออกมาบัดเดี๋ยวนี้”
ชิงสุ่ยยังคงถือตะเกียบขณะจ้องมองหมอปีศาจด้วยความสงสัยซึ่งหมอปีศาจก็รีบอธิบายด้วยรอยยิ้มมันขมขื่นว่า “มีขุมกำลังกำลังเปิดรับสมัครและต้องการตัวข้า ข้าได้บอกเลื่อนนัดพวกมันไปแล้ว แต่ดูเหมือนพวกมันจะรีบร้อนเหลือเกิน”
ชิงสุ่ยเอามือขยี้หัวก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า”พวกมันต้องการตัวท่านดูเหมือนทักษะทางแพทย์ของท่านจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นแล้วสินะ ว่าแต่พวกมันคือกลุ่มใดกัน?” ชิงสุ่ยสอบถามแบบเป็นกันเองเพราะแปลกใจมากทำไมผู้คนถึงกล้าบุกรุกล้ำหอคอยจักรพรรดิที่คอยช่วยเหลือผู้คน
สถานที่รักษาของหมอปีศาจก็เป็นส่วนหนึ่งของหอคอยจักรพรรดิดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ที่นี่จึงอยู่ภายใต้การดูแลของชิงสุ่ยเช่นกัน
”พวกมันมาจากขุมกำลังที่เรียกตัวเองว่าคฤหาสน์ดาบสวรรค์ความแข็งแกร่งของพวกมันนั้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แต่จากที่คาดเดาพวกมันถือว่าแข็งแกร่งมาก”หมอปีศาจกล่าว
”ไหนๆพวกมันก็มาแล้วพวกเราก็ออกไปต้อนรับพวกมันสักหน่อย”ชิงสุ่ยลุกขึ้นยืนจากนั้นก็ก้าวเดินออกไป
หมอปีศาจและหญิงสาวคนอื่นก็ลุกขึ้นเช่นกันและเดินตามหลังชิงสุ่ย
”หมอปีศาจนี่ก็ 3 วันผ่านไปแล้ว พวกเราหวังว่าเจ้าจะคิดได้สักที”เสียงกระวนกระวายดังขึ้น ทันทีที่ชิงสุ่ยและหมอปีศาจเดินออกไปข้างหน้าชิงสุ่ยก็มองเห็นที่มาของเสียง มันมาจากชายวัยกลางคนที่มีฟันกรามหนาปากบางคิ้วแหลมคม เขาดูเป็นคนสุภาพอ่อนโยนแต่ช่างน่าเสียดายที่คุณสมบัติเหล่านั้นถูกทำลายจนหมดสิ้นเนื่องจากดวงตาที่ดูเย็นชา มันแสดงให้เห็นถึงภัยอันตราย
จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรเลยผู้คนย่อมจำเป็นต้องพึ่งพาการรักษาแน่นอนว่าตัวแทนแห่งการรักษา ณ ที่แห่งนี้ก็คือหมอปีศาจ แต่การที่ชิงสุ่ยได้มาพบเจอพวกเขาด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นเรื่องที่บังเอิญ
การกระทำของหมอปีศาจเป็นไปอย่างเชื่องช้าและไม่ตอบสนองกลับใดๆชายวัยกลางคนจึงกล่าวเสริมอีกว่า ” ตอนนี้ตระกูลปู้หยางก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้อีกแล้ว เพราะพวกมันเองพวกเราต้อนให้ต้องอยู่แต่ในสถานที่ของตนเอง”
ชิงสุ่ยยังคงยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆเนื่องจากศัตรูที่อยู่เบื้องหน้านั้นอ่อนแอเกินไปแม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าตระกูลปู้หยางก็ตามเขายังคงสงสัยว่าพวกมันจะทำอะไรกับหมอปีศาจ?
ชิงสุ่ยหันมองหมอปีศาจจากนั้นก็ยิ้มให้กับลี่จี๋และซุนอี้ ในเมื่อตระกูลปู้หยางเองก็ถูกบีบคั้น ชิงสุ่ยจึงรู้ว่าพวกมันมีพลังมากพอจะบับคั้นให้หมอปีศาจต้องทำตาม
ทุกคนย่อมมีจุดอ่อนของตนเองเมื่อผู้อื่นล่วงรู้ถึงจุดอ่อนตน มันก็สามารถบีบให้อีกคนนึงพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย
”ถ้าหากเจ้าเข้าร่วมกับเราพวกเราจะไม่ทำอะไรคนของเจ้า การที่จะได้เป็นหมอประจำคฤหาสน์ดาบสวรรค์ถือว่าเจ้าได้รับตำแหน่งชนชั้นสูง ดีกว่าการใช้ชีวิตเน่าอยู่ที่นี่ เจ้าจะกังวลอะไรอีก?”ชายวัยกลางคนพยายามพูดจาหว่านล้อมประหนึ่งว่าเขาไม่ได้บังคับ
”ฮ่าฮ่า ฮ่า หมาล่าสัตว์หอบร่างมาถึงหอคอยจักรพรรดิเลยหรือเนี่ย”ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่ชิงสุ่ยย่างก้าวออกมาพร้อมกับเหล่าบรรดาหญิงสาวบริสุทธิ์และหญิงสาวที่ไม่บริสุทธิ์ซึ่งกำลังยืนอุ้มลูกอยู่ด้านหลังพวกมันเต็มไปด้วยดวงตาหื่นกระหายราวกับคนโรคจิต
ชิงสุ่ยเองก็มองเห็นความหื่นกระหายทั้งหมดและกำลังต้องการจะให้พวกมันชัดๆในราคาที่สมศักดิ์ศรี
”เจ้าคือใคร?ทำไมถึงกล้าหัวเราะพวกข้าโดยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว ขณะจ้องมองชิงสุ่ย เขาเองก็รับรู้ถึงพลังที่แข็งแกร่งจากชายคนนี้เช่นกัน
”ข้าจากเมืองนี้ไปไม่กี่ปีเองสงสัยว่าเมืองอี่หวงคงจะลืมเรื่องราวของข้าไปเสียแล้ว”
”เจ้าคือชิงสุ่ยอย่างนั้นรึ?เจ้าคือผู้ก่อตั้งหอคอยจักรพรรดิ?”ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว พร้อมทั้งมองดูอย่างจริงจัง
”โอ้ดูเหมือนว่าเจ้าจะจำข้าได้แล้ว”ชิงสุ่ยยิ้มตอบ ”ดีดีข้าเองก็กำลังมองหาเจ้าอยู่เลย ถือเป็นเรื่องที่ดีที่เจ้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้า”ชายวัยกลางผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
”ตามหาข้า?”ชิงสุ่ยยิ้มอีกครั้ง
”สิ่งที่เจ้าทำเอาไว้ในเมืองแห่งนี้ยังไม่เคยถูกลืมเลือน”เสียงของชายผู้นั้นยังคงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
ชิงสุ่ยยังคงจดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เขากระทำต่อตระกูลอี่หวง ตระกูลเย่หลาง ตระกูลเฉ่ และตระกูลอื่นๆ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าตระกูลเหล่านี้มีความสัมพันธ์อะไรกับคฤหาสน์ดาบสวรรค์ เขาจึงถามกลับไปว่า “ไม่ทราบว่ามันคืออะไร?”
”ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้สินะว่าคนที่อยู่ภายใต้ตระกูลเหล่านั้นล้วนแทรกซึมไปด้วยบรรดาคนของคฤหาสน์ดาบสวรรค์ของพวกเรา”
”ข้าไม่รู้มาก่อนว่าพวกมันจะมีคนของคฤหาสน์ดาบสวรรค์แฝงตัวอยู่ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรพี่น้องของข้า มิฉะนั้นข้าก็คงไม่จำเป็นต้องสุภาพด้วย ” ชิงสุ่ยมองไปที่ชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา
”ลูกวัวแรกเกิดย่อมปราศจากความกลัวเจ้าสิคิดว่าตัวเองใหญ่โตเหนือฟ้า ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าคงจะพาเจ้ากลับไปที่คฤหาสน์ดาบสวรรค์ด้วยกันกับข้า หมอปีศาจ เจ้าไต่ตรองดีหรือยัง? ข้าให้โอกาสเจ้าไปหลายครั้งแล้ว” ชายคนนั้นหันไปจ้องมองหมอปีศาจอีกครั้ง
”เทียนจิว ข้าและน้องชายของข้า หากไปไหนก็ไปด้วยกัน ข้าไม่จำเป็นต้องได้รับโอกาสจากเจ้า”หมอปีศาจส่ายหน้า
”ก็ดีข้าจะพาพวกเราทั้งหมดกลับไปพร้อมกับข้า ตั้งค่ายกลเพชฌฆาตดาบสวรรค์!!”
เทียนจิวเปล่งเสียงคํารามทันใดนั้นยอดยุทธที่อยู่ข้างกายเขาก็รีบดึงดาบออกมาล้อมรอบปล่อยให้ชิงสุ่ยและคนอื่นๆอยู่ตรงกลางวง
ชิงสุ่ยยังคงยืนนิ่งแม้จะเห็นว่าฝั่งตรงข้ามจัดเตรียมกระบวนทัพอย่างพร้อมเพียงเขาบอกได้ทันทีเลยว่าคนของคฤหาสน์ดาบสวรรค์ต้องเป็นคนที่เชี่ยวชาญทางด้านการสร้างค่ายกลถึงจะสามารถจัดสร้างค่ายกลที่มีความแข็งแกร่งและทรงพลังเช่นนี้ออกมาได้
อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเพราะคนที่พวกมันกำลังเจอไม่ใช่คนทั่วไปแต่เป็นชิงสุ่ยฉะนั้นค่ายกลที่พวกมันกำลังแสดงไม่ต่างอะไรจากคนโง่ที่พยายามทำตัวฉลาดต่อหน้าชิงสุ่ยบทที่ 1782 – ฝ่ามือกระชากมังกร ระเบิดลำคออย่างไม่แยแส
ชิงสุ่ยจ้องมองผู้คนรอบข้างอย่างใจเย็นขณะย่างก้าวเดินออกไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ
ทุกย่างก้าวของเขาปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้ผู้คนรอบข้างเหมือนกำลังถูกบีบจนกระทั่งเขายืนอยู่ในตำแหน่งที่อันตรายที่สุดของค่ายกลเพชฌฆาตดาบสวรรค์
ชิงสุ่ยยืนอยู่ตรงจุดนั้นและจ้องมองคู่ต่อสู้เขามองไปที่เทียนจิวและกล่าวว่า “เขาให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย พาคนของพวกเจ้ากลับไปซะ พวกเจ้าไม่มีอำนาจมากพอจะมาตกลงกับข้า และที่สำคัญพวกเจ้าก็ไม่พร้อมที่จะรับมือพลังของข้า”
ใบหน้าของเทียนจิวยังคงเยือกเย็นเขาภาคภูมิใจในตัวเองและไม่มีวันยอมแพ้เด็กอายุน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างแน่นอน
”พลังของข้าจะเพียงพอหรือไม่เจ้าจะรู้