บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 822

“คุณคาดหวังกับจูบของผมใช่ไหม คุณผู้หญิงวิทแมน?”

“…”

“น่าเสียดายมากจริง ๆ ตอนนี้ผมจูบแค่ผู้หญิงที่ผมรักเท่านั้น”

การเย้าแหย่แสดงให้เห็นได้จากรอยยิ้มของเขาในขณะที่แววตาของเขาฉายออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม

เมเดลีนรู้สึกอกหัก แต่เธก็ตอบกลับด้วยท่าทางสงบ “คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันกำลังรอให้คุณจูบ? ฉันก็แค่เล่นไปตามน้ำ เจเรมี่ ทั้งหมดที่คุณอยากได้ยินคือการที่ฉันพูดว่าฉันรักคุณและคิดถึงคุณใช่ไหม? น่าเสียดายนะ ไม่ว่าฉันจะเคยรักคุณมากแค่ไหนตอนนี้มันได้กลายเป็นฉันเกลียดคุณมากแค่นั้น เข้าใจไหม?”

เธอยิ้ม หลบเลี่ยงสายตาของเขาและออกจากตรงนั้นไป

เจเรมี่อึ้ง ทิ้งมือเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ ความเป็นประกายในรอยยิ้มและแววตาของเขาค่อย ๆ หายไป

เวลาได้ผ่านไปและมันก็เป็นวันเสาร์แล้ว

เมเดลีนสวมชุดราตรีที่ประณีตขณะควงแขนของเฟลิเป้ พวกเขาทั้งคู่มาถึงที่งานหมั้นของเจเรมี่และอีเวตต์

เธอคิดว่าคงจะมีฝูงชนคับคั่งในงานหมั้นของเจเรมี่ แต่กลับมีแค่ไม่กี่คนที่โผล่มา

นอกจากเธอและเฟลิเป้แล้ว ก็ไม่มีคนนอกมาที่นี่เลย

“ฉันไม่ชอบคนเยอะ ๆ ค่ะ เพราะงั้นพิธีหมั้นจึงเรียบง่าย” อีเวตต์อธิบายด้วยรอยยิ้ม “เจเรมี่บอกว่าคุณและคุณผู้หญิงวิทแมนเป็นสองคนที่มีความสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องเชิญพวกคุณทั้งคู่ให้มางานหมั้นของเราด้วย”

เฟลิเป้ยิ้ม “ในเมื่อเจเรมี่ได้กล่าวเช่นนั้น ผมเดาว่าเอวลีนกับผมจะได้เห็นมันจนจบนะครับ”

ในตอนที่เขาพูดจบ คนขับรถก็เร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วเข้ามาในห้องโถง

คนขับรถกระซิบที่หูของเฟลิเป้ และท่าทีของชายคนนั้นก็มืดมนไปในทันที

“เอวลีน มีบางอย่างเร่งด่วนเกิดขึ้น ฉันจะออกไปข้างนอกและโทรศัพท์ด่วน”

“ได้ค่ะ” เมเดลีนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มปลอม ๆ และไปนั่งอยู่ที่หัวมุมด้วยตัวคนเดียว

‘ชุดแต่งงาน ช่อดอกไม้ของเจ้าสาว และเขา’

ภาพเบื้องหน้าเธอทำให้เมเดลีนนึกถึงหลาย ๆ อย่างจากอดีต

ชายที่สง่างามในชุดสูทคนนั้นที่ครั้งหนึ่งเคยประสานมือเธอ เคยบอกว่าเขารักเธอแค่คนเดียว

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขากำลังกุมมือผู้หญิงอีกคนด้วยความรักเช่นนี้และกำลังจะหมั้นกับเธอ

พวกเขาให้เขาสาบานต่อกัน แลกแหวนแต่งงาน และในที่สุด ใบหน้าของเจเรมี่ก็อยู่ห่างจากอีเวตต์แค่หนึ่งนิ้วก่อนที่เขาจะจูบเธอที่แก้ม

เมเดลีนหันหน้าหนี ไม่อยากที่จะเห็นภาพนั้น

บางที อารมณ์ของเธออาจจะแปรปรวนบ้าง แต่จู่ ๆ เธอก็รู้สึกไม่ดีและเริ่มอาเจียน

ไม่มีคนอื่นอยู่ตรงนี้ ดังนั้น ปฏิกิริยาของเมเดลีนจึงดึงความสนใจของเจเรมี่และอีเวตต์

“ขอโทษนะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกคุณทำพิธีต่อไปได้เลย” เมเดลีนกล่าวอย่างเร่งรีบ เธอยกชุดเดรสของเธอและมุ่งหน้าไปยังทางออก

อีเวตต์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นเมเดลีนกำลังออกไปอย่างเร่งรีบ “คุณอยากจะตามไปดูเธอหน่อยไหม?”

เธอเพิ่งจะอ้าปากในตอนที่เธอเห็นเจเรมี่พร้อมสีหน้าที่จริงจังกำลังวิ่งไปหาเมเดลีนและไล่ตามเธอไป

เมื่อเห็นเจเรมี่แสดงความห่วงใยต่อเมเดลีนอย่างมาก อีเวตต์ก็รู้สึกดีขึ้นมากและยิ้มกว้างออกมา

เมื่อรู้สึกหมดห่วง เธอจึงนั่งตรงหัวมุมหนึ่ง หยิบโทรศัพท์ออกมาและดูฟีดข่าว

เฟลิเป้คุยโทรศัพท์เสร็จและได้กลับมา เขาสงสัยว่าเจเรมี่และเมเดลีนไปที่ไหนขณะที่เขาเห็นแค่อีเวตต์กำลังนั่งตามลำพังบนม้านั่งยาว

แน่นอนว่า เขาไม่ต้องการให้เจเรมี่และเมเดลีนอยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่หลังจากที่เขาเห็น

รูปลักษณ์ที่คุ้นเคย ในเสี้ยววินาทีนี้เขาจึงสนใจเรื่องของอีเวตต์มากกว่า

เฟลิเป้เดินทอดน่องเข้าไปและเมื่อเขาอยู่ด้านหลังของอีเวตต์ เขาก็เห็นว่าเธอกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากไปกว่านั้นคือเคสโทรศัพท์ของอีเวตต์มีดีไซน์ปิกาจู

จู่ ๆ เขาก็ติดถึงเคธี่ที่ตัวการ์ตูนตัวโปรดของเธอคือปิกาจู

เขารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะของเขา

อีเวตต์สัมผัสได้ว่าใครบางคนกำลังยืนอยู่ข้างหลังเธอ เธอลืมตาขึ้นและสังเกตเห็นว่าเป็นเฟลิเป้ เธอดูสบาย ๆ และยิ้มเพียงผิวเผินออกมา “คุณวิทแมน คุณยืนอยู่ข้างหลังฉันทำไมคะ? คุณดูจริงจังมาก คุณกำลังมองอะไรอยู่เหรอคะ?”

เฟลิเป้จ้องใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขา “คุณชาริส คุณดูเหมือนคนคนหนึ่งที่ผมคุ้นเคยด้วยมากจริง ๆ”

“คนบางคนที่คุณคุ้นเคยด้วยมาก ๆ เหรอคะ?” อีเวตต์ค่อย ๆ ยืนขึ้นและถาม “ฉันสงสัยจังว่าคุณวิทแมนกับคนคุ้นเคยที่เอ่ยถึงสนิทสนมกันมากแค่ไหนเหรอคะ?”

เฟลิเป้จับจ้องที่ดวงตาเมล็ดอัลมอนด์ที่อยู่ต่อหน้าเขา “การนอนด้วยกันถือเป็นความใกล้ชิดกันมาก ๆ ไหมครับ?”