ไป๋เซียนเอ๋ออยู่ในวงล้อมของยอดฝีมือทั้งสี่คนร่างงดงามของนางพุ่งไปทางด้านหน้าทีด้านหลังทีเพื่อหาช่องทางที่จะหนีออกจากวงล้อม ดวงตายาวหรี่เล็กงดงามคู่นั้นเวลานี้ได้กลายเป็นสีแดงเพลิง เริ่มหายใจเหนื่อยหอบ และหน้าผากก็มีเหงื่อไหลท่วม..
สภาพร่างกายที่แท้จริงของไป๋เซียนเอ๋อเวลานี้ทั้งความแข็งแกร่ง และพละกำลังนั้นลดลงไปอย่างมาก วิชาเก้าดาราจึงเริ่มเชื่องช้าลงไปด้วย..
แต่ความแกร่งของร่างกายภายนอกนั้นกลับไม่ลดลงเลยนั่นเพราะยันต์เทวะเหิน ยันต์เพชร และยันต์เกราะบนร่างของนางนั้นยังคงออกฤทธิ์อยู่ และถึงแม้จะถูกสามยอดฝีมือรวมทั้งซือกงวู่จี๋ปิดล้อมไว้ ก็ยังไม่มีใครสามารถทำอะไรนางได้..
ถึงแม้ร่างกายของไป๋เซียนเอ๋อจะแกร่งมากแต่โอรสพรรคมารซือกงวู่จี๋ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย อีกทั้งยังมียอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 ถึงสามคนคอยช่วยเหลือเช่นนี้ ทำให้ไป๋เซียนเอ๋อแทบไม่มีเวลาได้พักหายใจ
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ไป๋เซียนเอ๋อถูกล้อมไว้เช่นนี้ จึงไม่สามารถไปช่วยหนิงหลิงยู่กับคนอื่นๆได้ สภาพจิตใจของนางจึงอยู่ในความตึงเครียด และกดดันอย่างที่สุด..
แต่เมื่อฉินตงเฉี่วยกลับมาพร้อมกับพอลและเจสเตอร์เช่นนี้ไป๋เซียนเอ๋อจึงไม่มีอะไรให้ต้องกดดัน และเป็นห่วงอีก นางจึงรู้สึกโล่งใจอย่างมาก..
และทันทีที่ได้ยินเสียงร้องเรียกของฉินตงเฉี่วยร่างของไป๋เซียนเอ๋อก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที!
นางซัดยันต์เตโชสามแผ่นเข้าใส่ซือกงวู่จี๋พร้อมกับร้องตะโกนสั่งยันต์ให้ออกฤทธิ์ทันที
ตูม!
ลูกไฟสามลูกปรากฏขึ้นตรงหน้าของซือกงวู่จี๋และเวลานี้ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีแดงเพราะความร้อน ซือกงวู่จี๋กระโดดถอยหลังหลบแรงระเบิดของลูกไฟจากยันต์เตโชทันที!
ไป๋เซียนเอ๋อไม่ไล่ตามซือกงวู่จี๋ไปแต่กลับใช้เก้าดาราขั้นสุดตรงเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าของเจ้าสำนักแดนใต้เหลิ่งหยางชูแทน!
เหลิ่งหยางชูถึงกับหวาดผวาและกลัวจนตัวแข็ง! ความคิดแรกแรกที่ผุดขึ้นในใจของเขาก็คือต้องหนี และร่างกายของเขาก็ทำตามสัญชาติญาณทันที เหลิ่งหยางชูกระโดดหมุนตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว..
‘คิดจะหนีงั้นรึ’
และมีหรือที่ไป๋เซียนเอ๋อจะยอมให้เหลิ่งหยางชูหนีไปได้!
ไป๋เซียนเอ๋อทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจและกระโดดไล่ตามเหลิ่งหยางชูไปอย่างรวดเร็ว และความเร็วของนางนั้นก็เร็วกว่าเหลิ่งหยางชูถึงสองเท่า เพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถไล่ตามเหลิ่งหยางชูทันแล้ว..
ระหว่างที่ยังคงอยู่กลางอากาศนั้นไป๋เซียนเอ๋อก็ได้ซัดฝ่ามือเข้าใส่หน้าอกของเหลิ่งหยงชูอย่างแรง จนเกิดเป็นรอยฝ่ามือประทับอยู่บนหน้าอกของเขาทันที!
ปัง!
ร่างของเหลิ่งหยางชูถูกฝ่ามือของไป๋เซียนเอ๋อกระแทกเข้าอย่างรุนแรงจนกระดูกหน้าอกแตกละเอียดในทันที เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้นร่วงลงไปกองกับพื้นทันที และกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก..
พลังปราณของเหลิ่งหยางชูนั้นได้ถูกใช้ไปกับการทำลายค่ายกลสังหารค่อนข้างมากอีกทั้งยังถูกพิษรุนแรงของเจ้าทองอ้วนเข้าไปจนต้องสกัดจุดเพื่อไม่ให้พิษกระจายไปทั่วร่าง การเดินพลังปราณจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก..
และการต่อสู้ระหว่างเขากับไป๋เซียนเอ๋อที่ผ่านมานั้นไป๋เซียนเอ๋อเพียงแค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไรนัก แต่ครั้งนี้ไม่ใช่!
และครั้งนี้ทั้งท่านจินกับซือกงวู่จี๋ต่างก็ไม่ได้คิดที่จะช่วยเพราะเมื่อครั้งที่ซือกงวู่จี๋ขอให้เขาช่วยล้อมไป๋เซียนเอ๋อนั้น เหลิ่งหยางชูกลับมีท่าทีลังเล แต่เพราะในคืนนี้ซือกงวู่จี๋สูญเสียคนของตนเองไปมาก เขาจึงต้องยอมปล่อยไปเพื่อความสำเร็จของแผนการ..
ในระหว่างที่ไป๋เซียนเอ๋อถูกล้อมไว้จนไม่สามารถออกไปช่วยคนอื่นได้นั้นจู่ๆ สถานการณ์กลับพลิกผันอย่างกะทันหัน เมื่อมียอดฝีมือจากฝั่งของนางเข้ามาสมทบ!
เหลิ่งหยางชูเองก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่มียอดฝีมือมาเพิ่ม ไป๋เซียนเอ๋อที่เห็นได้ชัดว่ากำลังอ่อนล้าอย่างมากนั้น จู่ๆ เรี่ยวแรงก็พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างน่าตกใจ และสามารถเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายจู่โจมได้อีกครั้ง..
เหลิ่งหยางชูคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ความกดดันต่างๆลดลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ ไป๋เซียนเอ๋อจะหันมาเล่นงานตนเป็นคนแรก!
แต่ช่างโชคร้าย..ที่เขาไม่สามารถหนีนางพ้น!
เหลิ่งหยางชูนอนหงายท้องอยู่บนพื้นเขากระอักเลือดออกมาถึงสองสามครั้ง และตะเกียกตะกายขึ้นมานั่ง จากนั้นจึงจ้องมองไป๋เซียนเอ๋อที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับถามขึ้นว่า
“เหตุใด..เหตุใดจึงต้องเป็นข้า”
ฝ่ามือของไป๋เซียนเอ๋อได้ทำให้กระดูกหน้าอกของเหลิ่งหยางชูแตกละเอียดอวัยวะภายในเสียหาย อีกทั้งพิษของเจ้าทองอ้วนก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างแล้ว เวลานี้ร่างทั้งร่างของเหลิ่งหยางชูได้กลายเป็นสีเหลืองทอง แม้จะรู้ตัวว่าไม่รอด แต่เข้าก็อยากรู้ว่าเพราะเหตุใดไป๋เซียนเอ๋อจึงเลือกที่จะสังหารตนเองเป็นคนแรก..
ไป๋เซียนเอ๋อทำหน้างุนงงนางครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงตอบกลับไปว่า “เหตุใดข้าต้องสังหารเจ้าเป็นคนแรกน่ะรึ อาจเป็นเพราะเจ้าอยู่ใกล้กับข้าที่สุด..”
เหลิ่งหยางชูฟังคำตอบของไป๋เซียนเอ๋อด้วยสีหน้าผิดหวังก่อนจะขาดใจตายในที่สุด!
ท่านจินและเฉี่วยหยิงกงที่เวลานี้นับว่าอยู่ห่างจากไป๋เซียนเอ๋อมากแล้วทันทีที่ได้ฟังคำตอบของไป๋เซียนเอ๋อ พวกเขาทั้งคู่ก็รีบถอยห่างจากนางไปอีกหลายสิบก้าว..
ดูเหมือนทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าหากไป๋เซียนเอ๋อโกรธขึ้นมาอีกครั้งพวกเขาสองคนก็คงมีสภาพไม่ต่างจากเหลิ่งหยางชูอย่างแน่นอน!
ไป๋เซียนเอ๋อกระโดดไปยืนอยู่ข้างฉินตงเฉี่วยพร้อมกับถามขึ้นว่า“ตอนนี้พี่หลิงหยุนเป็นเช่นใดบ้าง”
ฉินตงเฉี่วยถึงกับถอนหายใจและได้แต่คิดว่าไป๋เซียนเอ๋อเพิ่งจะผ่านนาทีแห่งความเป็นความตายมา แต่ในใจของนางกลับคิดเป็นห่วงแต่หลิงหยุน..
ฉินตงเฉี่วยยิ้มให้กับไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับจ้องมองนางด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าหลิงหยุนปลอดภัยดีแล้วจึงพูดกับนางผ่านกระแสจิต
-หลิงหยุนปลอดภัยดี!และจะกลับมาถึงที่นี่ในภายในยี่สิบนาที พวกเราคงต้องรับมือไปก่อน-
แต่เมื่อพูดออกไปแล้วฉินตงเฉี่วยเองกลับเป็นฝ่ายกังวลใจบนยอดเขาหลงเหมินมีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย หลิงหยุนจะสามารถกลับมาได้ภายในยี่สิบนาทีจริงหรือ
ยิ่งไปกว่านั้น..ต่อให้หลิงหยุนสามารถฝ่าด่านยอดฝีมือเหล่านั้นลงมาได้ทันเวลา แต่เมื่อมาถึงที่นี่เขายังจะเหลือเรี่ยวแรงที่จะคุ้มครองปกป้องบ้านหลังนี้ได้อีกอย่างนั้นหรือ
และนี่คือความกังวลใจของฉินตงเฉี่วยแต่คำพูดเหล่านี้ฉินตงเฉี่วยยังพูดออกมาในเวลาเช่นนี้ไม่ได้! ไม่เช่นนั้นทุกคนจะเป็นกังวลใจกันไปหมด..
บ้านหลังนี้เป็นบ้านของหลิงหยุนในเมื่อฉินตงเฉี่วยกลับมาแล้ว นางจึงเปรียบเสมือนเสาหลักของบ้าน และมีหน้าที่นำพาทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปให้ได้ ไม่ว่าหลิงหยุนจะกลับมาทันเวลาหรือไม่ก็ตาม..
ฉินตงเฉี่วยกวาดตามองไปรอบๆก็พบว่าเวลานี้ศัตรูเหลืออยู่เพียงแค่สี่คน ชุดดำสองคน ชุดแดงหนึ่งคน และทั้งสามคนต่างก็กำลังยืนอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มชุดขาว…novel-lucky.
เพียงแค่เหลือบมอง..ฉินตงเฉี่วยก็เข้าใจได้ทันทีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในบ้านนั้น ล้วนเกิดจากการสั่งการของชายชุดขาวที่อยู่ตรงหน้านาง..
สายตาเย็นชาของฉินตงเฉี่วยจับจ้องอยู่ที่ร่างของซือกงวู่จี๋ก่อนจะถามออกไปว่า “เจ้าคือคนของพรรคมารงั้นรึ”
ซือกงวู่จี๋เองก็จ้องมองฉินตงเฉี่วยเช่นกันเพราะการมาของฉินตงเฉี่วยนั้น ได้ทำลายแผนของเขาเป็นครั้งที่สอง แต่ซือกงวู่จี๋กลับไม่มีท่าทีหงุดหงิดแม้แต่น้อย..
“เจ้าคือคุณหนูสองแห่งตระกูลฉินสินะหน้าตาช่างงดงามยิ่งนัก!”
“ถูกต้อง..ข้าคือโอรสพรรคมาร – ซือกงวู่จี๋!”
ซือกงวู่จี๋อยู่ในจิงฉูมานานหลายวันแล้วแต่ก็ไม่เคยปรากฏตัวให้หลิงหยุนพบเห็นเลย ถึงกระนั้นเขาก็ได้แอบสืบเรื่องราวของหลิงหยุน และคนรอบตัวหลิงหยุนอย่างลับๆ เรียกได้ว่าซือกงวู่จี๋นั้นรู้ข้อมูลของทุกคนในบ้านหลังนี้อย่างละเอียด..
ฉินตงเฉี่วยทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ใครถามชื่อของเจ้า ข้าเพียงแค่ต้องการรู้ว่าเจ้าคือคนของพรรคมารหรือไม่เท่านั้น!”
หลิงหยุนเพิ่งจะบอกกับทุกคนเมื่อตอนกลางวันเกี่ยวกับเรื่องของโอรสพรรคมารและต่างก็รู้ว่าเขาคือศัตรูที่น่ากลัวของหลิงหยุน!
ก่อนที่ฉินตงเฉี่วยจะลงจากเขาหลงเหมินนั้นหลิงหยุนเองก็ได้บอกกับนางว่า ดูเหมือนผู้ที่บุกไปบ้านเลขที่-1 ในคืนนี้น่าจะเป็นโอรสพรรคมาร – ซือกงวู่จี๋!
ฉินตงเฉี่วยเองก็พอจะคาดเดาได้ตั้งแต่แรกเห็นแล้วเช่นกันนางเพียงแค่ต้องการถามเพื่อความมั่นใจเท่านั้น! แต่เมื่ออีกฝ่ายประกาศตัวออกมาเช่นนั้น ฉินตงเฉี่วยเองก็ถึงกับใจสั่นเช่นกัน นางจึงรีบร้องบอกไป๋เซียนเอ๋อผ่านกระแสจิต..
-เซียนเอ๋อ..ข้าจะพยายามดึงเวลาไว้ เจ้าเองก็รีบฟื้นฟูพลังปราณของตัวเองให้เร็วที่สุด!–
ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงโอรสพรรคมารอีกทั้งยังอยู่ในขั้นเซียงเทียน-9 ภายในบ้านหลังนี้จึงมีเพียงไป๋เซียนเอ๋อเท่านั้นที่จะรับมือกับเขาได้..
และการต่อสู้นับจากนี้..ก็คงจะต้องรุนแรงไม่ต่างจากก่อนหน้านี้นัก หรืออาจจะยิ่งกว่า!
แม้ฉินตงเฉี่วยจะไม่บอกไป๋เซียนเอ๋อก็พยายามที่จะฟื้นฟูพละกำลังของตนเองอยู่แล้ว นางจึงเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น..
“ซือกงวู่จี๋..ข้าขอถามเจ้า ในเมื่อเจ้าเองก็รู้ดีว่าคืนนี้หลิงหยุนไม่อยู่ที่บ้าน เหตุใดยังเลือกที่จะบุกมาที่บ้านในคืนนี้ด้วยเล่า”
ซือกงวู่จี๋แสยะยิ้มราวกับปีศาจของตนเองพร้อมกับจ้องมองฉินตงเฉี่วยอย่างไม่เกรงกลัว สายตาของซืกงวู่จี๋นั้นบ่งบอกว่าเขาใจเจตนาของฉินตงเฉี่วยดี..
“เจ้าถามก็เพื่อต้องการดึงเวลาสินะคงกำลังรอให้หลิงหยุนกลับมาจากเขาหลงเหมิน? เอาล่ะ.. ข้าจะให้เวลากับพวกเจ้า ดูสิว่าหลิงหยุนจะสามารถกลับมาช่วยพวกเจ้าได้หรือไม่?”
ซือกงวู่จี๋หันหลังไปพร้อมกับยกมือกวักเรียกเฉี่วยหยิงกงเจ้าสำนักโลหิตมารให้เข้ามาหาและเมื่อเฉี่วยหยิงกงเดินเข้ามาข้างๆ เขาก็จัดการซัดฝ่ามือเข้ากับหน้าอกของเฉี่วยหยิงกงทันที
เฉี่วยหยิงกงถึงกับตกใจแต่เพียงแค่ครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ และงุนงง ก่อนจะตอบไปว่า
“ขอบคุณโอรสพรรคมาร..”
นั่นเพราะซือกงวู่จี๋ได้ใช้พลังปราณของตนเองช่วยขจัดพิษในร่างกายของเฉี่วยหยิงกงไว้..
ความจริงแล้วซือกงวู่จี๋ตั้งใจไว้ว่าจะทำการขจัดพิษในร่างกายให้กับเฉี่วยหยิงกงหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจครั้งนี้แต่การปรากฏตัวของฉินตงเฉี่วยก็ทำให้แผนการของเขาต้องล้มเหลวอีกเป็นครั้งที่สอง ทำให้ซือกงวู่จี๋ต้องเปลี่ยนแผนการกะทันหันอีกครั้ง..
ซือกงวู่จี๋นั้นเป็นผู้ที่ฉลาดล้ำลึกยิ่งนักเมื่อเห็นว่าฉินตงเฉี่วยต้องการดึงเวลาเช่นนี้ จึงคาดเดาได้ว่าบนยอดเขาหลงเหมินนั้นจะต้องเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดของทั้งสองฝ่ายขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องช่วยเฉี่วยหยิงกงฟื้นฟูพลังปราณภายในร่างกายก่อน เพื่อให้ตนเองมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคน..
ฉินตงเฉี่วยถึงกับขมวดคิ้วเพราะคิดไม่ถึงว่าเพียงแค่คำถามเดียวของตนเอง กลับทำให้ซือกงวู่จี๋สามารถมองสถานการณ์ฝ่ายตนเองได้อย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ อีกทั้งซือกงวู่จี๋ยังไม่มีท่าทีหวาดกลัวหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย และไม่กังวลว่าหลิงหยุนจะมาถึงเมื่อใดอีกด้วย..
เหตุใดซือกงวู่จี๋จึงได้ดูมั่นอกมั่นใจเช่นนี้น่ะหรือ
ครั้งนี้ไป๋เซียนเอ๋อเป็นฝ่ายบอกฉินตงเฉี่วยผ่านกระแสจิต..
-น้าหญิง..ที่นี่ไม่ได้มีเพียงคนของพรรคมาร แต่ยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งซ่อนอยู่ในบริเวณใกล้ๆนี้อีก และข้าเองก็สัมผัสได้ว่า คนผู้นั้นมาที่นี่เพื่อจัดการกับข้าโดยเฉพาะ!–
สีหน้าของฉินตงเฉี่วยเปลี่ยนไปทันที!
-ห๊ะ!อะไรนะ?-