มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 542
โครม……

อสูรกายจักรพรรดิช่วงกลางนับร้อยกลายเป็นคลื่นยักษ์ กลิ่นอายอสูรกายท่วมท้น เสียงดังกระหึ่ม

ระยะห่างหลายสิบลี้ แทบจะมาถึงชั่วพริบตาในเวลาเพียงไม่กี่สิบอึดใจ

“บูม!”

กลิ่นอายโดยรอบของหลัวซิวเริ่มพลุ่งพล่าน อาศัยพลังของลูกแก้วเสวียนดำที่เป็นของวิเศษยุคบรรพกาล ทำให้ผลการฝึกตนของเขาเพิ่มสูงขึ้นจากระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสามกลายเป็นจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าขั้นสูงสุดในเวลาเพียงช่วงสองอึดใจ

เนื่องจากได้รับการจำกัดจากค่ายกลของแดนปริศนา เขาไม่สามารถใช้พลังที่เหนือกว่าแดนจักรพรรดิยุทธ์

ยิ่งไปกว่านั้นอสูรกายในแดนนานาอสูร ราวกับวิญญาณหยั่งรู้ไม่มีอยู่ ด้วยวิญญาณจู่โจมที่ตัวสำนึกปลดปล่อยออกมาก็ไม่มีผลแต่อย่างใด

“ผนังเทพไท่เสวียน!”

หลัวซิวตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธ เผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์ที่เกิดจากการรวมตัวของอสูรกายนับร้อย เขาปลดปล่อยวิชาฝึกจิตไท่เสวียน ทำให้เกิดม่านพลังสีขาวดำประสานกันเป็นชั้น ราวกับเป็นโล่ขนาดใหญ่ขวางอยู่ด้านหน้า

บูม!

คลื่นยักษ์ที่ดุดันถาโถมเข้ามา ราวกับมีดที่แหลมคมผ่าใส่ผนังเทพไท่เสวียน วิชายุทธ์แขนงนี้เกิดจากการพลิกแพลงทักษะป้องกันของวิชาฝึกจิตไท่เสวียน สามารถดูดซับพลังโจมตีส่วนใหญ่

แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มีอสูรกายจักรพรรดิช่วงกลางนับร้อยร่วมมือกันจู่โจม ผนังเทพไท่เสวียนแตกสลายอย่างกะทันหัน ส่วนร่างกายของหลัวซิวก็ลอยกระเด็นถอยหลังออกไปด้วย กระแทกใส่บนหน้าผาหินเรียบที่อยู่ไม่ไกลออกไปอย่างแรง

หน้าผาสั่นสะเทือน เสียงดังโครมคราม ร่างกายของหลัวซิวฝังเข้าไปในหน้าผาทั้งร่าง จมอยู่ในกองเศษฝุ่นเศษดิน

“บัดซบ!”

หลัวซิวที่อยู่ในท่ามกลางฝุ่นตลบอบอวลเดินออกมาพร้อมกับสบถด่า ชุดกี่เพ้าสีดำมีรอยฉีกขาดปรากฏขึ้นหลายจุด คายเศษฝุ่นออกมาจากปาก

พลังทำลายล้างของอสูรกายจักรพรรดิช่วงกลางนับร้อยร่วมมือกัน สามารถเทียบเท่ากับการโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับแดนมกุฏ อาศัยข้อได้เปรียบที่เหนือกว่า ไม่น่าแปลกใจ ทำไมยอดฝีมือของสำนักไท่เสวียนในสมัยนั้นถึงไม่สามารถบุกเข้าไปใจกลางเขตแดนปริศนาเพื่อนำความลับของสถานที่แห่งนี้ออกมา

“พลังแปรเสวียนเทียนยี่สิบสี่เท่า!”

เท้าขวาของหลัวซิวถีบใส่หน้าผา เสียงดังปังหน้าผาเกิดการระเบิด เศษหินสาดกระจาย ส่วนร่างกายของเขาพุ่งออกไปเหมือนลูกกระสุนระเบิด พุ่งเข้าหาคลื่นยักษ์ที่เกิดจากการรวมตัวของอสูรกายกายนับร้อยตนด้วยความเร็วสูง

บูม!

บูม! บูม! ……

เมื่ออยู่ต่อหน้าคลื่นยักษ์ ร่างกายของหลัวซิวเล็กจนเหมือนเม็ดทราย แต่พลังของเขากลับแข็งแกร่งมาก ชั่วขณะทั้งสองฝ่ายเกิดการปะทะกัน ยากที่จะคาดเดาฝ่ายใดเหนือกว่า

“ถ้าหากมีตราขลังมังกรเขียวอยู่ในมือ แค่การจู่โจมครั้งเดียวก็เกินพอ สามารถทำลายคลื่นยักษ์ที่เกิดจากอสูรกายนับร้อยตน”

การมาฝึกฝนในแดนนานาอสูรครั้งนี้ของหลัวซิวไม่ได้นำของวิเศษหรืออาวุธแต่อย่างใดมา กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือสำหรับเขามันไม่พออีกแล้ว ร่างยุทธ์ระดับแดนมกุฎสามารถเทียบเท่ากับของวิเศษมากมาย ขาดแคลนอาวุธที่ค่อนข้างเหมาะมือมาโดยตลอด

“ฆ่า!”

อสูรกายนับร้อยส่งเสียงคำรามพร้อมกัน แต่ละตนเริ่มโคจรพลังอสูรกายอย่างไม่กลัวตาย

“ฝ่ามือมรณา”

หลัวซิวใช้ทักษะสังหารของวิชาสังหารไท่เสวียน ยื่นฝ่ามือออกไป ทันใดนั้นกระแสลมพลุ่งพล่านปกคลุมท้องฟ้า บนฝ่ามือมีแสงสีขาวดำประสานควบแน่นรวมกันกลายเป็นภูเขากดทับลงมา

บูม!

คลื่นยักษ์บิดเบี้ยว ตรงด้านข้างสุดระเบิดอย่างกะทันหัน อสูรกายบางส่วนที่ค่อนข้างอ่อนแอกระอักเลือด บางตนร่างกายแตกสลาย กลายเป็นลูกแก้วโลหิตตกลงมาจากท้องฟ้า

คลื่นยักษ์เกิดจากการรวมกันของกลิ่นอายอสูรกายนับร้อย เมื่อมีช่องว่างปรากฏขึ้น กลิ่นอายอสูรกายทั้งหมดขาดการเชื่อมต่อจึงได้รับผลกระทบ มีช่องโหว่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลัวซิวเคยผ่านประสบการณ์สู้รบมานับร้อยศึก มีความเข้าใจเกี่ยวกับการหาโอกาสระหว่างการต่อสู้อย่างยิ่ง พลังกฎการเวียนว่ายตายเกิดรวมตัวที่มือ สุดท้ายกลายเป็นรูปร่างของกระบี่

กระบี่มรณะหวงเสวียน!

ซ่า!

กระบี่ถูกฟันออกไป ความว่างเปล่าถูกผ่าเป็นวิธีเส้นตรงทันที แสงของดาบมีความยาวเกือบสามสิบฟุต โดยรอบมีน้ำพุมรณะที่พลุ่งพล่านปรากฏขึ้น กลายเป็นภาพของแดนชำระล้างที่แบ่งความเป็นกับความตาย

ชั่วพริบตา พลังของกฎแห่งการว่ายเวียนควบแน่นรวมกันเป็นคลื่นกระบี่ ทะลวงใส่คลื่นยักษ์ที่เกิดจากการรวมตัวของอสูรกายนับร้อยอย่างแรง

เสียงระเบิดราวกับฟ้าพังทลายดินแตกสลายดังก้องอยู่บนท้องฟ้า