บทที่ 564 ไม่เข้าใจ

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 564 ไม่เข้าใจ
“แม้ว่า ฉันที่เป็นหมอมาหลายปีขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นคนที่ปรุงยาแบบนี้มาก่อน แม้แต่น้ำยังไม่เติม ใส่ส่วนผสมของยาลงไปโดยตรง นี่เป็นเพียงแค่การถ่วงเวลาเท่านั้น”

หมออีกคนพูดเย้ยหยัน

“ฮ่าฮ่า ปล่อยให้มันถ่วงเวลาไปซักพักจะเป็นไง? ต่อให้พระเจ้าจะมาวันนี้ มันก็ต้องตาย! ไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ คิดอยากปรุงยา น่าขันสิ้นดี”

คนไม่น้อยพูดประชดประชัน ในใจคิดอย่างมุ่งร้าย ล้วนจงใจรบกวนเย่เซิ่งเทียน

จ้าวกั๋วจู้ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากัดฟันและลุกขึ้น อยากฆ่าพวกนั้นให้ตาย

เจ้าพวกสุนัขรับใช้ของตระกูลผู้ดี ไม่มีใครดีซักคน!

“เทพสงครามเสาหลัก ท่านกำลังทำอะไรอยู่? หรือว่าพวกเราคุยกันไม่ได้แล้ว?”

ไม่ต้องรอให้จ้าวกั๋วจู้ลุกขึ้น ตัวแทนของตระกูลเว่ยก็พูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “หมอเหล่านี้ ล้วนเป็นหมอที่มีประสบการณ์และมีชื่อเสียง พวกเขามองไม่ออกหรือว่า เย่เซิ่งเทียนกำลังถ่วงเวลาอยู่?”

“ใช่ ทุกคนมีเสรีภาพในการพูด ในเมื่อเย่เซิ่งเทียนเลือกที่จะปรุงยาต่อหน้าสาธารณะ ดังนั้นเขาก็ต้องเตรียมพร้อมจะรับคำวิจารณ์ของทุกคน เทพสงครามเสาหลักรีบร้อนจะลงมือเช่นนี้ หรือเป็นเพราะว่ารู้ว่าเย่เซิ่งเทียนไม่สามารถปรุงยาออกมาได้ อยากหาข้ออ้างมาลงมือกับพวกเรา?”

ตัวแทนของตระกูลเจี่ยงจงใจพูดเสียงดัง

จ้าวกั๋วจู้โกรธมากจนแทบระเบิด แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือ ทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้

หากลงมือไป ไอ้สุนัขพวกนี้ก็จะมีข้อแก้ตัว และเหตุการณ์จะยิ่งวุ่นวายมากขึ้น เช่นนั้นจะส่งผลเสียทำให้การหลอมยาของเย่เซิ่งเทียนไม่ราบรื่นยิ่งขึ้น!

หยางทาวท่ามกลางฝูงชน ไม่กล่าวอะไรสักคำ แต่จดจำโฉมหน้าของคนเหล่านี้ทั้งหมดไว้ในใจ

หร่วนซื่อสงเขียนบางอย่างในสมุดบันทึกเล่มเล็กอย่างเงียบๆ ข้างหลังชื่อแต่ละชื่อเต็มไปด้วยหนึ่งขี่ดสองขี่ด…

กัวปิงที่แต่งตัวเป็นผู้หญิง บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่อันตรายขึ้นเรื่อยๆ คนไม่กี่คนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา รู้สึกหนาวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เดิมทีก็คิดว่าหญิงสาวรอบตัวไม่เลวทีเดียว และยังอยากจะหยอกเย้าสักสองสามประโยค แต่ตอนนี้ในใจเกิดความรู้สึกหนาวเย็นขึ้นทันที

หกหมอเทวดาเช่นเผยชุนชิวและโก้วหวย กลับกำลังจ้องมองที่มือทั้งสองของเย่เซิ่งเทียน เพราะในตอนที่เย่เซิ่งเทียนโยนสมุนไพรลงไป พวกเขารู้สึกถึงจังหวะบางอย่าง

พวกเขาเกิดความรู้สึกบางอย่าง เหมือนการปรุงยาควรทำเช่นนี้!

ในเวลานี้ เย่เซิ่งเทียนเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การเปลี่ยนแปลงภายในเตากลั่นยา ทั้งร่างกายและจิตใจทั้งหมดจดจ่ออยู่ในนั้น ราวกับว่ากำลังสร้างเกราะป้องกันการรบกวนจากภายนอก ทำเพียงแค่ใส่สมุนไพรลงไปอย่างต่อเนื่อง

“ทำไมในตอนที่เขาใส่สมุนไพรแต่ละชนิด ถึงใส่ลงไปในช่วงเวลาต่างกัน?”

มองดูอยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้นโก้วหวยก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจ

การออกฤทธิ์ของสมุนไพรบางชนิดนั้นคล้ายกัน เวลาพวกเขาปรุงยาก็จะใส่สมุนไพรนั้นเข้าไปพร้อมกัน แต่เย่เซิ่งเทียนนกลับไม่ทำเช่นนั้น

ในเวลาเดียวกัน เผยชุนชิวสังเกตได้ว่า ในทุกๆครั้งที่ใส่สมุนไพรลงไป มือซ้ายของเย่เซิ่งเทียนทำท่าแตกต่างกันทุกครั้ง ราวกับนักพรตที่กำลังร่ายคาถา

ปรุงยาไม่ใช่จับมาร ทำไมเขาต้องร่ายคาถา?

พวกเขามองไปที่หมอผีจั่วอู๋เต้าอย่างสับสน วิชาที่เขาเรียนรู้มีส่วนของลัทธิเต๋า

“แปลก กระบวนท่ามือพวกนั้นเห็นได้ชัดว่าคล้ายกับนักพรตที่ใช้ ไม่ได้ใช้เพื่อการปรุงยาเลยแม้แต่น้อย แล้วทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้น? หรือว่าอาจจะทำให้เกิดปาฏิหาริย์อะไรขึ้น?”

จั่วอู๋เต้าก็ยังส่ายหัวด้วยความสับสน คิ้วของเขาขมวดยิ่งขึ้น

แต่เขายังรู้สึกคลุมเครือ เขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เกี่ยวกับกระบวนท่ามือของเย่เซิ่งเทียน แต่เขาพูดไม่ออก

“นี่มัน……”

หมอกู่หวังหลิงอ้าปาก ทว่ากลับไม่รู้จะพูดอะไรออกมา เพียงแค่รู้สึกถึงจังหวะที่แปลกประหลาด

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่อย่างแน่นอน!”

หมอพิษหูชิงหนิวเฝ้ามองเย่เซิ่งเทียนใส่สมุนไพรด้วยความงุนงง พึมพำเบาๆว่า “ทำไมข้ารู้สึกว่า มีพลังที่พิเศษอยู่ในนั้น ก็เหมือนกับออกซิเจนที่พวกเราใช้หายใจ มองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ แต่มีอยู่จริง!”

พวกเขาหลายคนราวกับว่าตกอยู่ในมนต์สะกด จ้องมองไปที่เย่เซ่งเทียน เพราะกลัวว่าจะพลาดการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อย

“เร็วเข้า ทำไมช้าขนาดนี้ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ? แกล้งทำเป็นเก่งว่ะ ทำอะไรอยู่? ถ่วงเวลางั้นเหรอ?”

จางหลินหยุนจากตระกูลจางแห่งอีสานเมื่อเห็นว่าเย่เซิ่งเทียนใส่สมุนไพรไปแบบนั้น ก็ตั้งใจตะโกนเสียงดัง