สองมือคุณนายซูประสานเข้าหากัน ประเมินดูถึงความเป็นไปได้ ถ้าหากก่อนที่จะเจียระไนออกมา ซีเหมินจินเหลียนคิดที่จะเปลี่ยนหินหยกจริงๆ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เธอกำลังสงสัยเรื่องหนึ่งก็จะสามารถพิสูจน์ได้แล้ว
คุณป้าเคยบอกว่าการผ่าหินหยก ไม่ว่าใครก็ไม่มีความมั่นใจเด็ดเดี่ยว แม้แต่ตัวคุณป้าเองเช่นกัน เพราะอย่างนั้นเธอจึงไม่เคยเข้าใจว่าความมั่นใจของซีเหมินจินเหลียนนั้นมาจากที่ไหนกันแน่?
“หงเอ๋อร์ เธอก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือง่ายๆ แน่” คุณนายอวิ๋นพูดออกมาเบาๆ “ถ้ารู้อย่างนี้…” พูดถึงตอนนี้เธอก็ถอนหายใจออกมาน้อยๆ ถ้ารู้อย่างนี้…รู้แล้วจะอย่างไร? เธอก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“คุณป้าคะ…ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราจะเอายังไงดีคะ” คุณนายซูถามเสียงเบา
“เชื่อสายตาของป้าเถอะ ถึงเธอจะมีหินหยกดีขนาดไหน พวกเราก็ไม่มีทางแพ้แน่!” คุณนายอวิ๋นพูด “หลานน่าจะรู้ว่าตลอดชีวิตฉัน ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อการเดิมพันหินแม้แต่ครั้งเดียว”
“ฉันรู้ค่ะ ว่าคุณป้าเป็นตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้!” คุณนายซูพูดขึ้นข้างๆ คุณนายอวิ๋น
“ถ้าเธอมีวิธีที่จะเปลี่ยนหินหยกของตัวเอง เท่ากับว่าเธอก็มีวิธีเปลี่ยนหินหยกของพวกเราเช่นกันใช่ไหม?” จู่ๆ คุณนายอวิ๋นก็ถามขึ้น หากเชื่อมั่นในตัวเองเกินไป ก็เกรงว่าจะมีข้อผิดพลาดที่ไม่รู้ตัวเกิดขึ้น โลกใบนี้ไม่ว่าใครก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคนดีทั้งหมด
ตอนที่เธอเดิมพันหินก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเล่นสกปรก แต่การเดิมพันวันนี้ไม่ใช่การเดิมพันหินที่บริสุทธิ์ใจแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมคุณนายอวิ๋นจู่ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เป็นผู้เล่นระดับเซียนบางครั้งก็เหงาเหมือนกัน เธอต้องการคู่แข่งที่พอจะสูสีกับเธอ
มือถือของคุณนายซูดังขึ้น เผยให้เห็นข้อความใหม่ที่เข้ามา เธอรีบคว้ามือถือออกมาดูทันทีแล้วรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง นี่เป็นเบอร์ของซีเหมินจินเหลียน? เป็นไปได้อย่างไร?
แน่นอนในอาชีพนี้ ซีเหมินจินเหลียนเองก็มีคงต้องมีผู้สนับสนุนที่สำคัญ ถ้าอยากจะรู้เบอร์มือถือของเธอก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ในเวลานี้จะส่งข้อความมาหาเธอทำไมกัน?
เธอรีบร้อนออกมาดูหน้าจอมือถือ ข้อความยาวเหยียดก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ ‘คุณป้าของคุณ คุณนายอวิ๋น ฉันก็สนใจมาก ถ้าหากคุณใช้เธอมาเป็นของวางเดิมพัน ฉันก็ขัดข้องที่จะให้จ่านมู่ฮวาเดิมพันกับคุณสักตั้ง!’
จู่ๆ คุณนายซูก็มีความรู้สึกอยากจะปามือถือทิ้ง หลายปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยมีใครจะทำให้เธอโกรธได้ขนาดนี้มาก่อน แต่ประโยคนี้ของซีเหมินจินเหลียน มันก็ทำให้เธอระงับความโกรธในใจลงไม่ได้เลย
เธอกำลังยั่วยุสินะ ใช่ เธอก็ยั่วยุได้ตรงจุดทีเดียว…ทำไมเธอถึงไม่ใช้ตัวเองมาเดิมพันเลยล่ะ?
เธอรีบร้อนพิมพ์ไปในมือถือว่า ‘เธอไปตายซะ!’ จากนั้นก็กดส่งไป
ไม่นานข้อความในมือถือก็ตอบกลับมา ‘ฉันยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่าเลย เมื่อกี้ก็เคยพูดไปแล้ว สงสัยว่าความจำของพี่สาวคงมีขีดจำกัด หรือว่าอายุมากแล้วคะ เลยเกิดสมองเสื่อมขึ้นมา’
ซีเหมินจินเหลียนพูดจาเสียดแทง และตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
ไม่มีเวลาให้คุณนายซูได้พักหายใจ ไม่นานข้อความก็ส่งเข้ามาอีกว่า ‘ถ้าหากไม่มีความสามารถที่จะเดิมพัน อย่างนั้นก็อย่าเดิมพันตั้งแต่แรกสิ’
คุณนายซูอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เสียงตุบดังขึ้น เธอขว้างมือถือออกไปกระทบกับผนังฝั่งตรงข้ามอย่างจัง ไม่นานมือถือก็แยกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ
ส่วนห้องพักผ่อนอีกห้อง ซีเหมินจินเหลียนก็ยัดที่อุดหูเข้าไปในหูแล้วหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าคุณนายซูจะตื่นเต้นจนอดกลั้นไม่ไหว? ถึงขนาดขว้างมือถือแตกกระจายเลยเหรอ ตอนแรกเธอก็แค่หวังให้เธอปิดมือถือหนีก็เท่านั้น
รองานเดิมพันหินใหญ่ผ่านไปก่อนเถอะ ดูสิว่าคืนนี้เธอยังจะยิ้มได้อีกไหม เธอไม่อยากจะไปกระตุ้นอารมณ์โกรธของเธอ แต่ตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ทำตัวเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่ายังอุตส่าห์พาหวังหมิงเหยามาอีก นี่ก็เรียกว่าดูหมิ่นกันซึ่งๆ หน้า ยั่วยุกันชัดๆ
ถึงแม้ว่าภายนอกของเธอจะดูสงบนิ่ง แต่ข้างในกลับปกปิดความโกรธดุดันเอาไว้ คบกันมาตั้งสามปี แต่เวลาผ่านไปไม่นานก็ไปอยู่ฝ่ายคนอื่นเสียแล้ว กลายเป็นของเดิมพันที่ไร้ประโยชน์
การปรากฏตัวของคุณนายอวิ๋น เหยียดหยามจิตใจของเธออยู่ลึกๆ ไม่น้อย ในเมื่อหลบหลีกอะไรไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องกล้าที่จะเผชิญหน้า คุ้นเคยกับกติกาของเกมในแวดวงนี้ ตัดสินใจเด็ดขาดเล่นต่อไป และดูสิว่าใครคือคนสุดท้ายที่อยู่สูงสุดคนนั้น
ซีเหมินจินเหลียนนำมือถือใส่ไปในกระเป๋า ก่อนจะสะพายกระเป๋าและยืนขึ้นเตรียมเดินไปที่ประตู จ่านมู่ฮวาพูดขึ้นว่า “คุณจะไปไหน? ยังเหลือเวลาอยู่เลยนะ”
“ฉันจะไปจัดการเรื่องส่วนตัวบางอย่าง!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ต้องการความช่วยเหลือจากผมไหม?” จ่านมู่ฮวารีบถาม
“ไม่ต้อง คุณแค่จำหน้าที่ที่ต้องทำในคืนนี้ก็พอ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่จะเสียมันก็คือเงินของคุณ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มและไม่ได้สนใจจ่านมู่ฮวาอีก เดินออกไปจากประตู
…
“หงเอ๋อร์ เธอก็ใจร้อนเกินไปแล้ว!” คุณนายอวิ๋นถาม “เธอว่าอะไรนะ”
“คุณป้า คุณป้าอย่าถามเลยค่ะ คนชั้นต่ำนั่น ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ฉันจะให้เธอมาคุกเข่าขอร้องฉันให้ได้” คุณนายซูกัดฟันพูด
คุณนายอวิ๋นถอนหายใจออกมาเบาๆ “หงเอ๋อร์ เรื่องนี้มันก็แค่สงครามประสาท ไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือการหาหินปิดฟ้า”
“คุณป้า หินปิดฟ้าก็สำคัญมากขนาดนั้นเลยหรือคะ?” คุณนายซูถาม
คุณนายอวิ๋นสองมือกุมเข่าไว้แล้ววางคางลงบนนั้น ท่าทางเช่นนี้ก็ดูแปลกอยู่บ้าง ดูแล้วเหมือนแมวนอนขดตัวอยู่ สะท้อนให้เห็นถึงความเกียจคร้าน สำหรับอายุรุ่นราวคราวเธอแล้ว การทำท่าทางแบบนี้มันก็น่าอายนิดหน่อย ท่าทางดูเหมือนกับเด็กหญิงอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดที่ขดตัวขึ้นอย่างเบื่อหน่าย
“ใช่แล้ว มันเป็นความเลื่อมล้ำของอารยะธรรม พวกเราเข้าใจเพียงแค่ข้อมูลส่วนหนึ่งเท่านั้นพิสูจน์ยืนยันได้ว่ายุคนั้นมีผู้คนบางส่วนที่มีพลังวิเศษ จนกระทั่งไปถึงความเป็นอมตะ”คุณนายอวิ๋นพูด “ชีวิตเป็นอมตะ หลานลองคิดดูสิ มีคนตั้งมากมายที่ตามหาความฝันนี้”
คุณนายซูหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสัมผัสไปที่ใบหน้าของตัวเอง เป็นอมตะ หน้าตาไม่แก่น่ะหรือ? นี่เป็นความใฝ่ฝันที่ไม่ว่าใครก็ต่างต้องการ ตนเองผ่านสามสิบไปได้ไม่นาน ถึงจะมีครีมบำรุงดีขนาดไหน เธอก็รู้ดีว่าเธอแทบจะไม่สามารถปกป้องผิวที่สวยงามนี้ต่อไปได้ตลอด
ตอนกลางคืนเมื่อเช็ดคราบเครื่องสำอางออกไปทั้งหมดและส่องกระจกดู เธอก็มักจะเห็นรอยตีนกาที่หางตา คิดดูว่าถ้าผ่านไปสิบปี เธอคงกลัดกลุ้มใจนอนป่วยติดเตียงแน่ ผิวหนังก็ค่อยๆ ตายด้าน ศพถูกฝังอยู่ในดินที่เย็นยะเยือกและเน่าเปื่อยอยู่ตรงนั้น หรือว่าจะใช้ไฟแผดเผาให้เป็นผงขี้เถ้า…
การมีตัวตนของเธอบนโลกใบนี้ก็จะสูญหายไปอย่างรวดเร็ว หยกของตน อัญมณีของตน ถูกเปลี่ยนเจ้าของไปอย่างง่ายดาย…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คุณนายซูก็มีอาการหวาดกลัวขึ้นมา ไม่ๆ เธอไม่มีทางให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ ไม่มีทาง!
“หงเอ๋อร์ ฉันใกล้จะหกสิบปีแล้ว เพราะอย่างนั้นฉันมีเวลารอไม่มาก!” คุณนายอวิ๋นถอนหายใจ “เดิมทีฉันก็เกือบจะหมดหวังแล้ว แต่หินหยกราชางูของซีเหมินจินเหลียนก้อนนั้น มันจุดประกายความหวังให้กับฉันอีกครั้ง”
“คุณป้าคะ หยกราชางูก้อนนั้นมีความมหัศจรรย์อะไรเหรอคะ” คุณนายซูถามขึ้นอย่างสงสัย เธอเคยเห็นหยกก้อนนั้นของซีเหมินจินเหลียนแล้ว ตอนนั้นเธอก็คิดว่ามีอะไรแปลกๆ แต่มันก็ไม่สำคัญ เธอชอบหยกที่สีสันสดใส ไม่ใช่หยกที่มีรูปร่างและสีสันแปลกตาพิลึกพิลันนั่น
“หลานไม่รู้หรือว่า เทพธิดาปิดฟ้าในตำนานมีหน้าเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงู?” คุณนายอวิ๋นพูด “หลานลองคิดดูหินหยกก้อนนั้น หลานลองคิดดู ข้างในหินหยกก้อนนั้นมีงูประหลาดราวกับมีชีวิตอยู่…”
คุณนายซูลองคิดดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นตัวก็สั่นระริก ถ้าหากงูตัวนั้นมีชีวิตจริง จะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
“หงเอ๋อร์ หลานกลัวเหรอ?” ดูเหมือนคุณนายอวิ๋นจะอ่านความในใจที่หวาดกลัวของเธอออก จึงเอ่ยถามขึ้น “ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น ฉันก็เคยกลัวมาก่อน เคยหวาดระแวงมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันมีอะไรที่อยากได้มากกว่านั้น”
“คุณป้า ฉันไม่กลัวค่ะ!” คุณนายซูเงยหน้า “ถึงบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่ได้ผลประโยชน์ ขอแค่สามารถหาหินปิดฟ้าได้ ความตั้งใจทั้งหมดก็คุ้มค่า”
“ทางผู้อาวุโสหลินนั้น ก็มีความคืบหน้าแล้ว!” คุณนายอวิ๋นพูด “ผ่านไปตั้งหลายปี พวกเราได้จับช่องทางถูกแล้ว พยายามต่อไปก็จะไม่เสียแรงเปล่า”
…
ซีเหมินจินเหลียนเปิดประตูเดินเข้าไป ในห้องนิทรรศการมีคนไม่ค่อยเยอะ แต่คึกคักมาก เพียงไม่นานเธอก็หามุมที่ไม่มีใครสนใจโทรศัพท์ไปหาใครบางคน
ใช้เวลาไม่นาน ปลายสายก็มีเสียงของเหลิ่งจี้ผ่านเข้ามา “คุณจินเหลียน ทุกอย่างยังปกติดี”
“ขอบคุณค่ะคุณเหลิ่ง” ซีเหมินจินเหลียนกล่าวขอบคุณด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับ ขอแค่คุณจินเหลียนชนะคุณนายปีศาจอวิ๋นได้ เหลิ่งจี้ยอมตายเพื่อคุณ ไม่มีทางเสียใจอย่างเด็ดขาด!” เสียงของเหลิ่งจี้มีความเยียบเย็น
“ฉันต้องชนะแน่ค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ
เมื่อวางสายโทรศัพท์ และกำลังคิดจะไปหาจ่านป๋าย แต่เพียงไม่นานมีคนเรียกชื่อเธอ “จินเหลียน…”
ซีเหมินจินเหลียนหันตัวไปด้านหลังก่อนจะเห็นกับหวังหมิงเหยา เธอก็ขมวดคิ้วถามขึ้น “นายก็ไม่ไปตามติดคุณนายซูคนนั้นเหรอ มาที่นี่ทำไม?”
“ฉันได้ยินที่เธอคุยโทรศัพท์แล้ว” หวังหมิงเหยายกมุมปากยิ้มอย่างแปลกประหลาด
“แล้วยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนสีหน้าไม่เปลี่ยนถามออกมาอย่างเรียบเฉย
“ได้ยินมาว่า ช่วงนี้เธอก็มีเงินเยอะสินะ?” หวังหมิงเหยาถาม
“นายจะพูดอะไร ช่วงนี้ฉันไม่ว่าง ไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับนายหรอกนะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด เริ่มได้เวลาแล้ว เธอยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ
หวังหมิงเหยาแสยะปากแล้วพูดขึ้นว่า “ครั้งก่อนที่ฉันโทรไปหาเธอตอนกลางคืน เธฮยังไม่ลืมใช่ไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ แล้วนึกถึงคืนนั้นที่เขาโทรมาแบล็คเมล์เธอ ในใจไม่ง่ายเลยที่จะกักเก็บไฟความโกรธ ถ้าพูดอีกครั้งได้มีเรื่องแน่
“ดูท่าแล้วเธอน่าจะยังจำได้ เป็นอย่างไร? ลองทบทวนให้เงินค่าปิดปากสักหน่อยไหม ที่ฉันต้องการก็ไม่มากหรอก สักสิบล้านก็พอ” หวังหมิงเหยาพูด “ไม่อย่างนั้นฉันจะแฉความลับของเราออกไป ดูสิว่าเธอยังจะเชิดหน้าเชิดตาได้เหมือนตอนนี้อีกไหม?”
“คุณย่าเคยบอกฉันว่า เป็นผู้หญิงต้องรู้จักยืนด้วยตัวเอง!” พอซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ตอนแรกเธอก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ อุตส่าห์หลบหนีมาจากคุณนายอวิ๋นนั่นแล้ว แต่ก็ยังต้องมาเจอผู้ชายแบบนี้อีก? “เพราะอย่างนั้นฉันก็ไม่สนใจเรื่องสับปะรังเคที่เคยทำไว้กับนาย ไม่ว่านายจะพูดอะไร ก็ไม่มีทางทำอะไรฉันได้แน่!”
ซีเหมินจินเหลียนพูดจบก็หันตัวเดินไปทางนิทรรศการ หวังหมิงเหยานิ่งอึ้งไป แต่ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่ส่งผ่านมาด้านหลัง เมื่อรีบหันไปเขาก็กลับเห็นปากกระบอกปืนสีดำที่กุมความเป็นความตาย กำลังชี้มาที่หัวของเขา …