ตอนที่ 177-1 เจรจาสงบศึก

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

“อะไรนะ องค์ชายใหญ่ซีเหลียงขอเสบียงหรือ แล้วพวกท่านก็ยังไม่มีสมองเตรียมจะตอบตกลงงั้นหรือ” เสิ่นเวยดีดตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ มองปู่นางและสวีโย่วราวกับมองคนโง่

 

 

เข้าใจผิดแล้วกระมัง เป็นแคว้นพ่ายศึกยังกล้ามาขอนั่นขอนี่อย่างเต็มปากเต็มคำอีกหรือ ส่วนฝ่ายที่ชนะศึกก็เตรียมจะรับข้อเสนอของเขาอย่างใจป้ำ เป็นคนโง่แต่รวยงั้นหรือ เงินเยอะจนใช้ไม่หมดงั้นหรือ ให้ข้าสิ รีบๆ เอาเงินที่ข้าออกคืนมา เสิ่นเวยโมโหจะตายอยู่แล้ว

 

 

บางทีเจตนาของเสิ่นเวยอาจจะชัดเจนเกินไป ปู่นางกับหนุ่มรูปงามแซ่สวีต่างก็มีสีหน้าเหยเก

 

 

“คุณชายสี่ แคว้นต้ายงของพวกเราเป็นแคว้นใหญ่เกรียงไกร เป็นแค้วนที่มีระเบียบประเพณี

 

 

ซีเหลียงเป็นเพียงแคว้นเล็กๆ ตอนนี้พวกเราชาวต้ายงต้องแสดงน้ำใจของพวกเรา ไม่ลดตัวลงทะเลาะกับพวกเขา ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยคุณธรรม ใช้เหตุและผลมาชักจูง” หย่งติ้งโหวที่มาประกาศพระราชโองการที่

 

 

ซีเหลียงยิ้มแย้มชี้แนะเสิ่นเวย

 

 

เสิ่นเวยมองหย่งติ้งโหว เห็นเขาไม่เหมือนล้อเล่น ก็เหลือบมองปู่นางและหนุ่มรูปงามแซ่สวีสองคน เห็นว่าแม้พวกเขาจะไม่พูดอะไร แต่บนใบหน้าคาดไม่ถึงว่าปรากฏสีหน้าเห็นด้วยทั้งคู่

 

 

ครั้งนี้เสิ่นเวยก็ยิ่งโมโหแล้ว ที่แท้แล้วนางสู้ศึกครั้งนี้อย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อมาส่งเสบียงให้

 

 

ซีเหลียงงั้นหรือ คนตายไปมากมายเพียงนั้นเป็นการตายเปล่าหรือ เงินที่นางออกไปมากมายเพียงนั้นเป็นการเสียเปล่าหรือ โยนลงไปในน้ำยังได้ยินเสียงสะท้อนเลย แสดงน้ำใจบ้าอะไร เขายกทัพมาตีเจ้าแล้ว เจ้ายังจะปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยคุณธรรมใช้เหตุและผลมาชักจูงอีก ตอนที่สู้รบทำไมถึงไม่ใช้คุณธรรมกับมารยาทของเจ้ามาปฏิบัติต่อคนอื่นเล่า

 

 

“ไม่ให้ เสบียงแม้แต่เม็ดเดียวก็ไม่ให้ ไปเตือนหลี่หยวนเผิงผู้นั้นเดี๋ยวนี้ แพ้ศึกก็ต้องอยู่อย่างคนแพ้ศึก ซื่อสัตย์หน่อย หากยังกล้าเสนอข้อตกลงนั้นอีก ข้าจะทำให้เขาพิการก่อนเลย” เสิ่นเวยกัดฟันกรอดกล่าว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลว ฆ่าองค์ชายใหญ่ที่หน้าเนื้อใจเสือผู้นี้ให้ตาย สนับสนุนองค์ชายรองให้ขึ้นครองบัลลังก์ นางก็ไม่เชื่อว่าองค์ชายรองคนโง่ผู้นั้นจะกล้าขอนู่นขอนี่กับนาง

 

 

“เจ้าสี่เจ้าจะไปไหน” ท่านเสิ่นโหวเห็นหลานสาวเดินออกไปข้างนอกด้วยท่าทางดุร้าย ก็รีบเรียกนางไว้

 

 

“ข้าจะไปฆ่าคนหน้าไม่อายผู้นั้น” เสียงของเสิ่นเวยน่าสะพรึงกลัว มีนางอยู่ ซีเหลียงคิดจะขอเสบียง ไม่มีทางเสียหรอก

 

 

“สร้างเรื่อง” ท่านเสิ่นโหวให้คนไปขวางนางไว้ทันที “นี่เป็นการเจรจาสงบศึกมิใช่หรือ เหตุใดเด็กเช่นเจ้าถึงใจร้อนเช่นนี้” ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จะชักดาบท่าเดียว ทั้งยังทำต่อหน้าคู่หมั้น ยังมีกิริยาของสตรีอยู่หรือไม่ ท่านเสิ่นโหวกลุ้มใจอย่างยิ่ง

 

 

เขากลัวว่าที่หลานเขยจะคิดมากจึงแสร้งโมโหว่ากล่าว “คิดว่าเจ้าเก่งนักใช่หรือไม่ อายุยังน้อยแต่ใจร้อนเพียงนี้ สงบสตินั่งลงก่อน”

 

 

เสิ่นเวยแสยะปากนั่งลงอีกครั้ง หย่งติ้งโหวเห็นท่าทีก็กลอกตา ยิ้มเหมือนพระสังกัจจายน์ยิ่งกว่าเดิม “การแยกแยะความชอบความเกลียดของคุณชายสี่ทำให้ข้าเลื่อมใสนัก เพียงแต่อย่างไรเสียคุณชายสี่ก็ยังอายุน้อย มองไม่ออกก็เป็นเรื่องปกติ เสิ่นโหวก็อย่าได้ตำหนิเขาเลย” นี่คือหลานรักของเสิ่นผิงยวน ตั้งแต่ที่ตนเข้าเมืองชายแดนซีเจียงก็ได้ยินชื่อเสียงสั่นสะเทือนฟ้าดิน กระทั่งต่อหน้าพระพักตร์จักรพรรดิก็ยังเคยเอ่ยถึง เขายังคงต้องให้เกียรติอยู่บ้าง

 

 

“ซีเหลียงเปิดศึกกับต้ายงก็เพราะว่าวัวแกะฝูงใหญ่ล้มตาย ประชาชนกินไม่อิ่มท้องไม่ใช่หรือ ต้ายงของเรากว้างใหญ่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ช่วยเหลือสักหน่อยก็เป็นเรื่องสมควร ซีเหลียงได้เสบียงแล้ว ชีวิตก็ไปต่อได้ ย่อมไม่อาจยกทัพลงมาทางตะวันออกอีกแน่นอน” หย่งติ้งโหวอธิบายช้าๆ

 

 

เสิ่นเวยแค่นเสียงขึ้นจมูกกับคำพูดนี้ “ท่านโหวรับรองได้หรือว่าซีเหลียงได้เสบียงไปแล้วจะไม่ยกทัพลงทางตะวันออกรุกรานแคว้นเราอีก ไม่แน่ว่าพวกเขาได้เสบียงกลับซีเหลียงแล้ว จากนั้นก็นำกองทัพใหญ่ลงมาทางตะวันออกเพื่อโจมตีเมืองชายแดนต่อ” ประวัติศาสตร์อารยธรรมของประเทศจีนยุคโบราณกว่าห้าพันปี กรณีแบบนี้น้อยนักหรือไร ความทะเยอทะยานของซีเหลียงนางเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง

 

 

หย่งติ้งโหวกล่าวอย่างจริงจัง “เป็นไปไม่ได้ ลงนามสาส์นตราตั้งเรียบร้อยแล้ว”

 

 

สาส์นตราตั้งหรือ ของพรรค์นั้นก็แค่กระดาษหนึ่งแผ่น มีประโยชน์อะไร “ก่อนหน้านี้ก็เคยลงนามสาส์นตราตั้งว่าจะไม่รุกรานกันและกันแล้วไม่ใช่หรือ ปีไหนบ้างที่ซีเหลียงไม่ก่อกวนชายแดน เห็นได้ชัดว่าของพรรค์นี้ไม่มีประโยชน์เลย” เสิ่นเวยพยายามโต้เถียงด้วยเหตุผล “ซีเหลียงก็คือหมาป่าตาขาวที่เลี้ยงไม่เชื่อง เมื่อพวกเขาได้เสบียงของเราแล้วได้พลังกลับมาแล้วก็จะหันกลับมาโจมตีพวกเราอีก ดังนั้นพวกเราไม่อาจทำเรื่องโง่ๆ นั่นได้”

 

 

นางหยุดครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อ “ก็เหมือนโจรฆ่ายกครัวเจ้าหมดแล้ว แต่เห็นว่าฆ่าเจ้าไม่ได้จึงคุกเข่าขอร้อง เจ้าไม่แก้แค้นตัดรากถอนโคน แถมยังให้เงินช่วยเขาข้ามผ่านความยากลำบาก เจ้าว่าเมื่อเขาหายดีแล้วจะหันกลับมาฆ่าเจ้าด้วยหรือไม่ ทำดีตอบแทนคนชั่ว แล้วจะใช้อะไรตอบแทนคุณธรรม เจ้าให้อภัยช่วยเหลือโจรแล้วเคยคิดถึงคนในครอบครัวที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมเหล่านั้นของเจ้าหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ทำไม่ได้” เสิ่นเวยยกตัวอย่างที่เห็นภาพหนึ่งตัวอย่าง

 

 

เห็นคนหลายคนมีท่าทีคล้ายครุ่นคิด เสิ่นเวยก็กล่าวต่อ “ซีเหลียงขอเสบียงก็ให้เสบียงงั้นหรือ มีสิทธิ์อะไร นี่เป็นการช่วยเหลือศัตรูไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าควรเป็นพวกเราที่เสนอข้อตกลงกับพวกเขาหรอกหรือ ม้าศึกหรือหนังของซีเหลียงล้วนแต่เป็นของดีอย่างยิ่ง เหตุใดพวกท่านถึงไม่คิดจะเอากลับมาหน่อยเล่า ข้าเห็นพระราชวังซีเหลียงสร้างได้โอ่อ่าอลังการ ดูก็รู้ว่ามีทรัพย์สินเงินทองไม่ขาดมือ ให้พวกเขาเอาเงินมาไถ่คน ไม่ว่าอย่างไรประมุขซีเหลียงก็น่าจะเรียกได้สักสามถึงห้าหมื่นตำลึงไม่ใช่หรือ องค์ชายก็น้อยลงมาหน่อย สักสองหมื่นตำลึงก็ได้แล้ว ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้นก็ลดให้พวกเขาหน่อย เรียกคนละหนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อไถ่ตัว เช่นนี้พวกเราก็จะมีเงินสามสี่แสนตำลึงแล้ว จักรพรรดิจะไม่ดีพระทัยได้อย่างไร…

 

 

…ซีเหลียงสู้รบ เสบียงถูกทหารเดนตายซีเหลียงเผา ราชสำนักหยิบนู่นยืมนี่กว่าจะส่งเสบียงหมื่นต้านมาได้ องค์ชายใหญ่ซีเหลียงกลับโชคดี ราชสีห์อ้าปากกว้างก็ได้เสบียงไปห้าหมื่นต้าน ทำไมไม่ให้เขาขึ้นสวรรค์ไปเลยเล่า” นี่ทำให้เสิ่นเวยโมโหมากเป็นพิเศษ ตนกินอยู่อย่างประหยัด แต่กลับใจกว้างต่อศัตรูอย่างยิ่ง สมองคิดได้อย่างไร ทั้งหมดนี่ล้วนแต่เป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่าที่ถูกฝึกฝนขัดเกลาอยู่ในแวดวงขุนนาง พวกเขาไม่คิดว่าทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม ก็อนุมานความคิดของเหล่าขุนนางชั้นสูงในราชสำนักได้แล้ว รู้สึกอยู่เสมอว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งของต้ายงวางมาดสูงส่งดูถูกผู้อื่น โอ้อวดตนว่าเป็นผู้ดีผู้มีปัญญา อย่าได้ให้เขาลงสนามรบเด็ดขาด ล้วนแต่เป็นคนคร่ำครึจอมปลอมหนึ่งกลุ่ม ประจบเจ้าไม่กี่ประโยคก็หน้าบานแล้วหรือ ต้องมีของตกอยู่ในมือต่างหากจึงจะเป็นผลประโยชน์ที่แท้จริง

 

 

“อยากได้เสบียงก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ให้พวกเขาเอาเงินมาซื้อ เอาม้าศึก หนัง ยามาแลก ไม่ฉวยโอกาสตัดกำลังแคว้นซีเหลียง คิดจะปล่อยเสือเข้าป่าหรือไร” ลำบากตรากตรำกว่าจะคว้าชัยชนะมาได้ยังให้เสบียงคนอื่นอย่างเสียเปล่าอีก แท้จริงแล้วชนะหรือแพ้กันแน่

 

 

หย่งติ้งโหวเริ่มใคร่ครวญ จักรพรรดิกำลังว้าวุ่นใจที่ท้องพระคลังว่างเปล่าอยู่ หากนำเงินกลับไปได้จริงๆ จักรพรรดิจะไม่ทรงยินดีได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะไม่ใช่บุคคลสำคัญในการเจรจาสงบศึก แต่ในเมื่อจักรพรรดิส่งเขาวิ่งมาเที่ยวนี้แล้ว คุณงามความดีก็หนีไม่พ้นแน่นอน

 

 

ท่านเสิ่นโหวเองก็มีความคิดที่ไม่ต่างกัน เขามองคุณชายใหญ่สวีที่สีหน้าเรียบเฉยปราดหนึ่ง พยักหน้าน้อยๆ อย่างแทบจะมองไม่เห็น สวีโย่วเองก็คิดว่าเด็กน้อยของเขาพูดได้มีเหตุผลอย่างยิ่ง เงินที่ได้มาอย่างไม่เสียเปล่าใครบ้างจะไม่ชอบ ยิ่งไปกว่านั้นเสด็จลุงของเขาก็จนจนแทบจะกัดก้อนเกลือกินแล้ว

 

 

“ข้าเห็นด้วยกับคุณชายสี่ ให้เสบียงไม่ได้ ต้องซื้อหรือแลกเปลี่ยนเท่านั้น ยังมี ซีเหลียงเป็นแคว้นพ่ายศึก ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้พวกเราด้วยหรือไม่ ให้พวกเขาได้รู้ว่ายุแหย่ให้เกิดสงครามต้องมีของแลกเปลี่ยน เจ็บแล้วจึงจะจดจำบทเรียน เรียนรู้ความผิดพลาดได้” และต้องให้ซีเหลียงรู้ว่าต้ายงไม่ได้หลอกง่าย ยอมแพ้อ้อนวอนแล้วก็จะได้ผลประโยชน์มากมายกลับไปงั้นหรือ ฝันไปเถอะ ไม่พูดไม่ได้ว่าคุณชายใหญ่สวีเองก็เจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกอย่างยิ่ง

 

 

หย่งติ้งโหวกับท่านเสิ่นโหวพยักหน้าอย่างอดไม่ได้ เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ที่คุ้มกันชายแดน พวกเขาเองก็หวังว่าจะตัดกำลังแคว้นซีเหลียงได้ ทำให้พวกเขาไม่มีกำลังยกทัพรุกรานต้ายงอีก

 

 

โดยเฉพาะฟังต้าฉุยกับหวังต้าชวนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ ก็ยิ่งโมโหเคียดแค้นซีเหลียงเป็นอย่างมาก ยังจะให้เงินให้เสบียงพวกเขาอีกหรือ ไม่มีทางเสียหรอก ก่อนหน้านี้เห็นเจตนาของท่านเสิ่นกับคุณชายใหญ่จะตอบตกลง ก็ทำให้พวกเขาอัดอั้นจะตายอยู่แล้ว โชคดีที่มีคุณชายสี่อยู่ มิเช่นนั้นก็คงต้องถูกพวกชั่ว

 

 

ซีเหลียงเอาเปรียบ เขาสองคนมองเสิ่นเวย ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกเข้าตา ยังคงเป็นคุณชายสี่ที่ดี เดินทางสายเดียวกับพวกเขา

 

 

ตอนที่เจรจาสงบศึกอีกครั้ง องค์ชายใหญ่ซีเหลียงก็อัดอั้นไปทั่วทั้งร่าง ต้ายงที่แต่ไหนมาล้วนพูดง่ายกลับมีท่าทางแข็งกร้าวขึ้นมา ไม่เพียงแต่ไม่ตกลงว่าจะให้เงินเสบียงและวัตถุดิบต่างๆ แล้ว ยังเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วย สำหรับเชลยศึก สามารถเอาของมาแลกได้ ม้าศึก หนัง ยา ของทุกอย่างที่ต้ายงขาดแคลนแต่ซีเหลียงมีพวกเขาล้วนเอาทั้งหมด

 

 

กลุ่มเจรจาสงบศึกกับซีเหลียงที่มีองค์ชายใหญ่เป็นผู้นำโมโหจนหน้าเขียวจัด เหตุใดพวกเขาถึงกล้ารุกรานชายแดนทุกปีๆ น่ะหรือ ไม่ใช่เพราะรู้ความคิดของผู้กุมอำนาจต้ายงหรอกหรือ สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้ ถึงตอนนั้นก็ร้องห่มร้องไห้ พูดจาดีๆ ไม่กี่ประโยค เพื่อที่แสดงน้ำใจของแคว้นใหญ่ ต้ายงก็จะส่งเสบียงและเงินโดยไม่ต้องเสียอะไรให้พวกเขาอย่างใจกว้าง พวกเขาได้รับเยอะยิ่งกว่าสูญเสียด้วยซ้ำ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะไม่ทำ

 

 

แต่ว่าเหตุใดครั้งนี้ต้ายงถึงไม่โง่แล้วเล่า องค์ชายใหญ่คิดคำนวณในใจเงียบๆ หากทำตามข้อตกลงของต้ายง ก็ต้องชดใช้ด้วยเงินหลายแสนตำลึงกับม้าศึก หนังและของต่างๆ เป็นจำนวนมาก

 

 

รับปากไม่ได้ รับปากไม่ได้เด็ดขาด

 

 

แต่ฝั่งต้ายงกลับไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่นิดเดียว ไม่รับปากหรือ ได้ เช่นนั้นพวกเราก็สู้ต่อ สู้จนกว่าพวกเจ้าซีเหลียงจะรับปาก และแม้องค์ชายใหญ่ซีเหลียงจะไม่รับปาก ก็ยังมีใต้เท้าประมุขอยู่มิใช่หรือ ขอเพียงแค่ใต้เท้าประมุขรับปากก็พอแล้ว

 

 

สองฝ่ายยื้อกันไปมาเช่นนี้ อย่างไรเสียก็อยู่ในอาณาเขตของตนเอง มีความอดทนที่คอยถ่วงรั้งพวกเขาอยู่ ท่านเสิ่นโหวยังเตรียมสั่งพลเคลื่อนทัพ ตั้งมั่นพร้อมรบ เตรียมเปิดศึกทุกเมื่อ

 

 

ซีเหลียงจะไหวหรือ กองทัพใหญ่หลายหมื่นนายยังตั้งค่ายอยู่ที่ชายแดนอยู่เลย เจรจาไม่ได้ก็ยังกลับไปไม่ได้ อากาศหนาวเหน็บที่สุดในปี ทรมานยิ่งนัก อีกทั้งเสด็จพ่อของเขายังอยู่ในมือคนอื่น หากตัดสินใจล่าช้า เมื่อกลับถึงซีเหลียงแล้วเสด็จพ่อคงจะบาดหมางกับเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

 

ท้ายที่สุดศัตรูที่อ่อนแอก็สู้คนที่แข็งแกร่งกว่าไม่ได้ องค์ชายใหญ่ซีเหลียงกัดฟันยอมรับสัญญาที่ไม่เป็นธรรมของต้ายง ฝั่งต้ายงเองก็ปล่อยประมุขซีเหลียงออกมาลงนามสาส์นตราตั้ง ในที่สุดสงครามที่กินระยะเวลาห้าเดือนนี้ก็จบลงแล้ว