ตอนที่ 1,751 : ผู้มีสิทธิ์
ผู้ที่บ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชาเดียวกันทั้งยังฝึกปรือวิชารวมถึงวรยุทธ์เหมือนกันตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีปราณแรกกำเนิดรวมถึงเขตแดนเหมือนกัน เรื่องนี้มีให้เห็นมากมายในสำนัก พรรคเล็กๆ
เริ่นเฟยจึงไม่แคลงใจในคำของต้วนหลิวเทียน
แน่นอนว่ามันคงคาดไม่ถึงจริงๆว่าที่ต้วนหลิงเทียนพูดมา…ที่แท้จะโกหกทั้งเพ!
ผ่านไปสักพัก นอกจากต้วนหลิงเทียน หวางเฟยเซวีย เกาเผิงและจ้าวจี้ที่ไม่เป็นอะไรแล้ว ศิษย์วังนภาคนอื่นเริ่มหงื่อตกกันเป็นแถว!
ยิ่งพวกศิษย์ที่พลังฝึกปรือต่ำกว่าขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดตอนนี้เรียกว่าร่างสั่นเป็นเจ้าเข้า
กระทั่งหลิวเจี้ยนเองก็หน้าซีดลงอย่างมาก ร่างยังสั่นเทิ้มเบาๆคล้ายจะทลายลงได้ทุกวินาที
“หืม?”
ในฐานะรองจ้าววังนภา เซียวยี่ย่อมสังเกตเห็นอาการทุกคนชัดเจน
ต้วนหลิงเทียน เกาเผิง และจ้าวจี้จะยังเฉยอยู่ได้ก็ไม่นับว่าแปลกอะไร เพราะในบรรดาทั้ง 3 ที่ด้อยสุดก็บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง… ด้วยระดับพลังที่มันใช้ออกตอนนี้ การที่จะยังเฉยกันอยู่ได้ก็ไม่แปลก
ที่แปลกก็คือหวางเฟยเซวียน…กลับแลดูเฉยๆเหมือนทั้ง 3!
“นาง…ทะลวงผ่านแล้ว?”
เซียวยี่ไม่ใช่ตัวโง่งม เห็นอาการท่าทางสบายๆของหวางเฟยเซวียนไหนเลยยังไม่รู้! สมควรมีความเป็นไปได้อย่างเดียวเท่านั้น!!
นอกจากนี้มันยังได้ยินมานานแล้วว่าหวางเฟยเซวียนใกล้ทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลาง เช่นนั้นความก้าวหน้าของนางก็มีเหตุผล
‘ไม่คิดเลยว่าศิษย์ที่เข้าร่วมวังนภาครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะมีอัจฉริยะอย่างหลิงเทียน…หวางเฟยเซวียนคนนี้อายุยังเยาว์กว่าเกาเผิงและจ้าวจี้เสียอีก ความสำเร็จของนางมากพอจะบอกว่านางมิได้ด้อยกว่าพวกมันทั้งคู่’
คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเซียวยี่ก็ตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะหลิงเทียนหรือหวางเฟยเซวียนมันก็เป็นคนรับเข้าวังนภาทั้งคู่
ในที่สุดเหล่าศิษย์ขบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดก็เริ่มทนรับแรงกดดันไม่ไหว ต่างทยอยร่วงตกฟ้าไปทีละคนๆ
เมื่อต้วนหลิงเทียนพบว่ารวมตัวเขาก็มีคนลอยอยู่บนฟ้าเพียง 10 คน แรงกดดันไร้สภาพที่กดทับลงมาก็หายไปทันที…ผลลัพธ์ออกมาแล้ว
หากใครสังเกตุให้ดีจะพบว่า นอกจากต้วนหลิงเทียนที่ไม่เป็นอะไรเลยอยู่คนเดียว ไม่ว่าหวางเฟยเซวียน เกาเผิง และจ้าวจี้ ล้วนหายใจถี่ขึ้นทั้งสิ้น นั่นหมายความว่าแรงกดดันระลอกสุดท้ายมีผลกับพวกมัน
แน่นอนว่าแรงกดดันเพียงมีผลกับพวกมันแค่เล็กน้อย
“หลิวเจี้ยน ข้าขอแสดงความยินดีด้วย”
เริ่นเฟยมองหลิวเจี้ยนด้วยสายตาอิจฉา ที่อีกฝ่ายได้สิทธิ์เข้าแดนลับเซียน
หลิวเจี้ยนเป็นคนของคฤหาสน์คลื่นคลั่ง 1 ใน 2 ผู้ที่ต้วนหลิงเทียนคิดช่วยเหลือในแดนลับเซียน
“ขอบคุณ”
แม้ใบหน้าหลิวเจี้ยนจะซีดเซียว แต่ในแววตาก็เผยความตื่นเต้นยินดีออกมาให้เห็นชัดเจน เพราะมันได้สิทธิ์เข้าแดนลับเซียนแล้ว!
มันรู้ดีว่านี่หมายความว่าอะไร…มันมีโอกาสได้รับสืบทอดมรดกเวทย์พลังในแดนลับเซียน! และด้วยมีต้วนหลิงเทียนคอยช่วยเหลือ กระทั่งมรดกเวทย์พลังระดับสูงก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม!
“ในอีก 10 วันหลังจากนี้ ให้พวกเจ้าทั้ง 10 มารวมตัวกันที่นี่อีกครั้ง…วันนั้นท่านจ้าววังนภาจะพาพวกเจ้าไปยังทางเข้าแดนลับเซียนด้วยตัวเอง”
สำนึกเทวะของเซียวยี่กวาดผ่านร่างทั้ง 10 รวมต้วนหลิงเทียน เพื่อตรวจสอบทั้งจดจำ 10 ให้แน่ชัด
หลังจากกล่าวจบ ร่างเซียวยี่ก็เหินจากไปทันที
“ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะจบลงรวดเร็วแบบนี้…”
หลายคนเริ่มอาลัย
“อีกนิดเดียว…ข้าเกือบได้สิทธิ์เข้าแดนลับเซียนแล้วแท้ๆ!”
ศิษย์วังนภาขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดไม่กี่คนเริ่มรำพันออกมาอย่างสะทกสะท้อน ในแววตาเต็มไปด้วยความเศร้าและไม่ยินยอม ส่ายหน้าไปมาอย่างขมขื่น
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะไม่ยินยอมพร้อมใจเพียงใด แต่พวกมันก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะพวกมันทนรับแรงกดดันสู้ผู้อื่นไม่ได้เอง…
บางทีหากพวกมันทนได้อีกสัก 2-3 ลมหายใจเรื่องราวอาจแปรเปลี่ยน…
อนิจจาทั้งหมดล้วนเพราะพลังฝีมือมันด้อยกว่าคนอื่นเขา
เมื่อมีคนเป็นทุกข์ ก็ย่อมมีผู้ที่เป็นสุข!
“ฮ่าๆๆๆ…! ข้าได้รับ 1 ใน 10 สิทธิ์เข้าแดนลับเซียนแล้ว!!”
ศิษย์วังนภาที่ผ่านการคัดเลือกบางคนหัวร่อออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ แลดูราวกับคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น
“แม่นางหวางเฟยเซวียน…เจ้าทะลวงเซียนขัดเกลาขั้นกลางแล้ว?”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่หวังพีที่ลอยมาหยุดข้างต้วนหลิงเทียน ได้มองถามหวางเฟยเซวียนด้วยสายตาประหลาดใจ
เพราะจากทีท่าอาการที่หวางเฟยเซวียนเผยออกก่อนหน้า ไม่ได้ด้อยไปกว่าเกาเผิงและจ้าวจี้เลย!
“อื้ม”
แม้หวังพีจะเตรียมใจมาแล้ว แต่พอเห็นหวางเฟยเซวียนยืนยัน มันก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ค่อยกล่าวแสดงความยินดีออกมา “ยินดีกับเจ้าด้วย”
“ขอบคุณศิษย์พี่หวังพี”
ต่อหน้าหวังพีศิษย์วังนภาคนนี้หวางเฟยเซวียนย่อมไม่กล้าละเลย เพราะอีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะเป็นศิษย์ของรองจ้าววังอย่างเซียวยี่ แต่ยังบรรลุถึงอริยะเซียนแล้ว!
ตัวตนขอบเขตอริยะเซียนสมควรได้รับความเคารพ
“หวางเฟยเซวียนทะลวงผ่านแล้ว?”
เกาเผิงที่อยู่ไม่ไกล พอได้ยินบทสนทนาของหวางเฟยเซวียนและหวังพีก็ตกใจไม่น้อย
หวังเฟยเซวียนคนนี้มันเองก็ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนางมากก่อน ผู้คนกล่าวกันไปทั่วว่านางคือผู้ที่ร้ายกาจที่สุดในบรรดาอิสตรีรุ่นเยาว์ของเขตฟ้าลี้ลับ
เรื่องที่หวางเฟยเซวียนเข้าร่วมวังนภามาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนมันเองก็ได้ยินมาบ้าง
อย่างไรก็ตามแม้ตอนนั้นพลังฝีมือของหวางเฟยเซวียนจะไม่ธรรมดา แต่ก็แค่เซียนขัดเกลาขั้นต้นเท่านั้น…มันไม่คิดเลยว่าเวลาเพียงแค่ 2 เดือนกว่าๆ หวางเฟยเซวียนจะก้าวหน้าขึ้นมาถึงขั้นไม่ด้อยไปกว่ามันกับจ้าวจี้
อายุไม่ถึง 40 บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง…
อัจฉริยะเช่นนี้ ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านับว่าโดดเด่นนัก!
ในภูมิภาคเบื้องล่าง บุรุษที่มีศักยภาพเช่นนี้แม้ไม่มาก แต่ก็ยังพอมีให้เห็นบ้าง ทว่าสตรีนั้นน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย!
ต้องทราบด้วยว่าธรรมชาติของสตรีเกิดมาอ่อนแอกว่าบุรุษ!
“หวางเฟยเซวียน”
สายตาของจ้าวจี้ไม่ทราบมาหยุดที่ร่างหวางเฟยเซวียนตั้งแต่เมื่อใด หากแต่ในแววตาเผยปรารถนามากราคะออกมาให้เห็นชัดเจน
ในอดีตแม้มันจะเคยได้ยินเรื่องหวางเฟยเซวียนมาบ้าง แต่มันก็คิดว่าเป็นแค่ข่าวลือเกินจริง
เพราะมันไม่คิดว่าใต้หล้าจะมีสตรีที่สมบูรณ์พร้อมมากไปด้วยพลังสามารถทั้งรูปโฉม…มันจึงตัดสินไปเองว่าสตรีเช่นนั้นไม่มีอยู่ในโลก
ทว่าพอมาได้เห็นหวางเฟยเซวียนกับตาวันนี้ มันก็ตระหนักได้ว่าที่แท้ใต้หล้ากลับมีสตรีสมบูรณ์พร้อมอยู่จริงๆ
คล้ายสวรรค์จะประทานสิ่งที่ดีที่สุดในกับนาง
เพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉมและความสามารถ
ทุกส่วนสัดของหวางเฟยเซวียน ยิ่งจ้าวจี้มองเท่าไหร่ยิ่งบังเกิดความปรารถนาผุดขึ้นจากส่วนลึกของใจ ใคร่จะจับนางกดลงไปและพิชิตนางเสีย ‘ข้าจ้าวจี้ต้องได้นาง!’
“แม่นางหวางเฟยเซวียนทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางแล้ว?!”
ไม่นานผู้คนโดยรอบก็ได้รับทราบเรื่องด่านพลังของหวางเฟยเซวียน อดไม่ได้ที่จะฮือฮากันใหญ่
“แม่นางหวาง พี่ชายหลิงเทียน ข้าผ่านการคัดเลือกแล้ว…”
หลิวเจี้ยนเหินร่างมาหยุดข้างๆ พวกต้วนหลิงเทียนกับหวางเฟยเซวียน ทั้งกล่าวออกมาด้วยความยินดี ใบหน้าที่ซีดเซียวตอนนี้มีเลือดฝาด เต็มไปด้วยความตื่นเต้นนัก
“ยินดีด้วย”
หวางเฟยเซวียนกล่าวทั้งพยักหน้าไปส่งๆ
แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่พูดอะไรแต่ก็พยักหน้า
“นี่มันเรื่องอะไรกันหรือ?”
หวังพีแลดูงุนงงไม่น้อย ด้วยไม่ทราบว่าหลิวเจี้ยนมาทำอะไร ไฉนต้องรายงานเรื่องนี้กับพวกต้วนหลิงเทียนหลังได้รับสิทธิ์เข้าแดนลับเซียน?
“ศิษย์พี่หวังพี พวกเรา 3 คนคิดร่วมมือกันในแดนลับเซียนน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวอธิบาย
“หา…พวกเจ้า 3 คนคิดร่วมมือกัน?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน สองตาหวังพีก็เบิกกว้างปานลูกวัวแรกเกิด มันมองต้วนหลิงเทียนสลับกับหวางเฟยเซวียน “หากพวกเจ้าสองคนร่วมมือกัน ด้วยพลังฝีมือที่มีย่อมท่องไปในแดนลับเซียนได้อย่างไร้กังวล…แต่พามันไปด้วยเช่นนี้มิใช่จะไปลากถ่วงพวกเจ้ารึ?”
กล่าวถึงท้ายประโยคหวังพีก็หันมองหลิวเจี้ยน ด้านหลิวเจี้ยนก็ไม่ละอายอะไรเพราะมันก็รู้เรื่องนี้ดี
เป็นเพราะมันมีวาสนาแล้วจริงๆที่ได้เข้าร่วมกลุ่มของต้วนหลิงเทียน
“ร่วมมือกันรึ?”
เกาเผิงที่ได้ยิน สองตาพลันเปล่งประกายขึ้นมามันหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นเต้นทันที “หลิงเทียน ข้าเข้าร่วมกลุ่มของพวกเจ้าด้วยคนสิ”
ได้ยินคำกล่าวขอตรงๆของเกาเผิง ต้วนหลิงเทียนรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขามีความประทับใจอันดีให้เกาเผิง แต่การนำคนไปเพิ่มในแดนลับเซียนเกรงว่าจะไม่สะดวก แถมเขาเองก็ยังไม่ได้เห็นเกาเผิงเป็นสหาย
ในแดนลับเซียน อย่าว่าแต่เกาเผิงกับหวางเฟยเซวียนที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง ให้บรรลุขั้นเชี่ยวชาญก็เสมือนตัวถ่วงเขาอยู่ดี
ที่เขาร่วมมือกับหวางเฟยเซวียนและหลิวเจี้ยนนั้น เพราะมีเหตุผล
หวางเฟยเซวียนจะมากจะน้อยก็นับได้ว่าเป็นเพื่อนเขาแล้ว
ส่วนหลิวเจี้ยนก็คือผู้ที่เขาจะตอบแทนบุญคุณ
“ศิษย์พี่เกาเผิง เรื่องนี้เห็นทีจะไม่สะดวก”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังลำบากใจ หวางเฟยเซวียนพลันมองกล่าวออกมาอย่างได้จังหวะ “พวกเรา 3 คนร่วมมือกัน ในแง่จำนวนก็นับว่ามากพอแล้ว…แถมไม่แน่ว่าพวกเราจะพบมรดกเวทย์พลังถึง 3 ที่ ศิษย์พี่เกาเผิงมากับพวกเราอาจจะเสียเปล่า”
“นอกจากนี้ด้วยพลังฝีมือของศิษย์พี่เกาเผิง แม้ไม่มีพวกเรา ท่านก็สมควรประสบความสำเร็จในแดนลับเซียนได้มิยาก…”
กล่าวถึงจุดนี้หวางเฟยเซวียนพลันหันไปมองหลิวเจี้ยน “ที่สำคัญ ที่พวกเราพาหลิวเจี้ยนไปด้วย ล้วนเป็นเพราะหลิงเทียนคิดตอบแทนบุญคุณที่ติดค้างอาวุโสของมันไว้…เช่นนั้นจึงให้ความสำคัญกับหลิวเจี้ยนเป็นอันดับแรกต่อให้เป็นมรดกเวทย์พลังระดับสูงก็ตาม…ศิษย์พี่เกาเผิงรับเรื่องนี้ได้หรือ?”
“มรดกเวทย์พลังระดับสูง…ให้หลิวเจี้ยนก่อน?”
เกาเผิงนั้นไม่ได้อะไรกับวาจาก่อนหน้าของหวางเฟยเซวียน แต่วาจาประโยคท้ายนี้นับว่าติดใจมันนัก
ในสายตาของมันหลิวเจี้ยนที่เป็นแค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด ไม่ต่างอะไรจากตัวถ่วงแม้แต่น้อย…ทว่าตัวถ่วงนี้จะได้รับสิทธิ์ก่อนใครหากเจอมรดกเวทย์พลังระดับสูง?
ต้องทราบด้วยว่ามรดกเวทย์พลังในแดนลับเซียนนั้น จะได้รับสืบทอดแค่คนเดียวเท่านั้น หากมีผู้ผ่านบททดสอบและรับสืบทอดไปแล้ว นั่นหมายความว่ามรดกเวทย์พลังดังกล่าวจะหายไป
เช่นนั้นแล้วมรดกเวทย์พลังใดๆก็ตามในแดนลับเซียน…จะมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ได้รับสืบทอดไป!