บทที่ 456 กลับไปเยี่ยนตู

The king of War

“พี่เฉิน คุณหมายความว่า ที่อ้ายหลินแต่งงานกะทันหัน เกี่ยวข้องกับตระกูลหวง?”

หม่าชาวพูดด้วยความประหลาดใจ

หยางเฉินไม่ได้ปกปิด และเล่าถึงเรื่องความโกรธแค้นระหว่างเขากับตระกูลหวง

หลังจากที่เขาพูดจบ หม่าชาวเพิ่งรู้ว่า ในระหว่างที่เขาอยู่เจียงโจว เกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้

ระหว่างที่เขาไม่อยู่ที่เจียงโจว

“ตระกูลหวงนั้น ช่างไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ!” หม่าชาวพูดด้วยความโกรธ

หลังจากที่หยางเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เริ่มพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ไปที่งานแต่งงานกันเถอะ!”

“พี่เฉิน คุณจะมาเยี่ยนตูเหรอ?”

หม่าชาวตกใจมาก

เขารู้ดีว่า เยี่ยนตูมีความหมายต่อหยางเฉินอย่างไร

เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว หยางเฉินและแม่ของเขาถูกไล่ออกจากตระกูล ตอนที่ถูกไล่ออกจากเยี่ยนตู ตระกูลอวี๋เหวินได้ข่มขู่ว่า ชาตินี้จะไม่ให้แม่ลูกคู่นี้มาเหยียบเยี่ยนตูแม้แต่ก้าวเดียว

แม้ว่าตอนนี้ตระกูลอวี๋เหวินจะอยากให้หยางเฉินกลับสู่ตระกูล แต่ว่าหยางเฉินไม่เคยคิดที่จะกลับสู่ตระกูลอวี๋เหวิน มีเพียงความเกลียดชังกับตระกูลเท่านั้น

ยิ่งกว่านั้น หยางเฉินเคยพูดไว้อย่างเด็ดเดี่ยว “ในอนาคตวันไหนที่ฉันกลับมาที่เยี่ยนตู ก็เป็นวันสูญสิ้นตระกูลอวี๋เหวิน!”

แน่นอนหยางเฉินก็จำคำพูดในวันนั้นได้

เพียงเเต่ว่า นั้นคือตอนที่เขาเพิ่งถูกไล่ออกจากเยี่ยนตู พูดระบายออกมาเพราะความอยุติธรรมที่ได้รับจากตระกูล

ให้ตระกูลอวี๋เหวินสูญหายไป ยังไม่ถึงขนาดนั้น เเต่ว่าให้คนบางคนเสียใจ นั้นคือสิ่งที่ต้องทำ

ต้องมีสักวัน ฉันจะก้าวเข้าสู่ตระกูลอวี๋เหวิน ไปหาชายคนนั้น และถามเขาต่อหน้า ทำไมตอนนั้นเขาถึงโหดร้ายขนาดนั้น ขับไล่ฉันที่ยังอยู่ในวัยเด็กและแม่ที่อ่อนแอ ออกจากตระกูล?

ขับไล่ออกจากตระกูลก็เเล้วไป เเต่ทำไมถึงบังคับให้พวกเขาออกจากเยี่ยนตู ในชาตินี้ห้ามเข้ามาเหยียบในเยี่ยนตูแม้แต่ก้าวเดียว?

ถ้าชายคนนั้นไม่สามารถให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่ฉัน แม้ต้องทำลายล้างตระกูลอวี๋เหวิน เเล้วไง?

“ไม่ต้องกังวล ระหว่างฉันกับตระกูลอวี่เหวิน ยังไม่ถึงจุดที่ต้องตายไปข้างหนึ่ง ครั้งนี้ที่ไปเยี่ยนตู เพื่ออ้ายหลินเท่านั้น!”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หยางเฉินก็พูดขึ้น

เขาต้องไปตระกูลอวี๋เหวินแน่นอน แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลา

ครั้งนี้ เพื่ออ้ายหลินเท่านั้น!

นอกจากนี้ อ้ายหลินถูกบังคับให้แต่งงานกับตระกูลหวัง เป็นเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ

ตระกูลหวังต้องรู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับอ้ายหลิน ดังนั้นเขาจึงจงใจทำเช่นนี้ บังคับให้ฉันแสดงตัว

นอกจากนี้ อ้ายหลินเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา และหม่าชาวก็เป็นเหมือนพี่น้องของฉัน

หากพวกเขาสองคน ไม่มีความหวังแล้ว หากอ้ายหลินเต็มใจแต่งงานกับคนอื่น เขาก็จะอวยพรให้

แต่พวกเขาสองคน มีความรักความรู้สึกดีๆต่อกัน แล้วอ้ายหลินมาแต่งงานในเวลานี้ ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการอย่างแน่นอน

ยังมีตระกูลหวงเข้ามาแทรก เรื่องนี้ เขาต้องจัดการเอง

“ขอบคุณพี่เฉิน!”

หม่าชาวพูดอย่างซาบซึ้ง

เขารู้ดีว่า สำหรับเยี่ยนตูในความคิดของหยางเฉิน มีความหมายอย่างไร หากทำได้ ชีวิตนี้หยางเฉินจะไม่ก้าวเข้าไปเหยียบในสถานที่เคยทำให้เจ็บปวด

เเต่ตอนนี้เพื่อตัวเอง ต้องออกโรงด้วยตัวเอง

ถ้าให้คนในดินแดนเหนือเหล่านั้นรู้ คงจะหึงน่าดู

เช้าวันรุ่งขึ้น เวลาเก้าโมงเช้าพอดี สนามบินนานาชาติเยี่ยนตู เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง747 ลงจอดอย่างช้าๆ

ร่างเงาของคนหนุ่ม เดินออกมาช้าๆ

เมื่อก้าวเข้าสู่ดินแดนเมืองนี้อีกครั้ง ร่างกายของหยางเฉินสั่นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้

ความทรงจำนับไม่ถ้วน เหมือนเลนส์ถ่ายภาพที่รวดเร็ว เป็นแสงประกายแวบเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว

มีความทรงจำที่สวยงาม แต่มีความโศกเศร้ามากกว่า

“เยี่ยนตู ฉันกลับมาแล้ว!”

หยางเฉินสูดอากาศ และอารมณ์ที่สับสนค่อยๆหายไป ถูกแทนที่โดยความหดหู่

หลายปีผ่านไป กลับมาที่เยี่ยนตูอีกครั้ง ทุกอย่างที่นี่เปลี่ยนไปจากเมื่อ 18 ปีที่แล้ว

มีตึกเป็นร้อยชั้น สามารถมองเห็นได้ทุกที่

ใจกลางเมืองประเทศจิ่วโจวแห่งนี้ มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก

แม้ว่าที่นี่จะดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเเปลง ความเจ็บปวดที่เมืองนี้เคยสร้างไว้ให้เขากับแม่

“เเม่ง ไอ้โง่นี่มาจากไหน แกตาบอดหรือไง? กล้ามาชนฉัน ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?”

ขณะที่หยางเฉินกำลังจะก้าวออกไป ทันใดนั้นเขาก็ถูกชนที่หลัง และจากนั้นก็มีคำดุด่าที่รุนแรง

เมื่อเขาหันหัวกลับมา ก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดหรูหรา จ้องมองมาที่เขาอย่างเย่อหยิ่ง

ชายหนุ่มใส่หูฟังไร้สาย ในมือถือโทรศัพท์มือถือ สวมชุดสไตล์ฮิปฮอป แต่งตัวตามเเฟชั่น

ถนนกว้างขนาดนี้ และเขายังสามารถเดินชนหยางเฉิน

เห็นได้ชัดว่า เขาก้มหัวเล่นโทรศัพท์อยู่ โดยไม่มองถนน ก็เลยเดินชนหยางเฉิน

ในเวลานี้ เขากลับมาด่าหยางเฉินว่าตาบอด ที่ชนใส่เขา

“ดูเหมือนว่านายจะเข้าใจอะไรผิด ฉันอยู่ข้างหน้า แล้วนายมาจากข้างหลัง ทำไมถึงเป็นฉันที่ไปชนนาย?”

หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา “ถ้าจะตาบอต ก็คงเป็นนาย?”

“แม่ง! ยังกล้าตอบปากตอบคำ ฉันบอกว่าแกตาบอต ก็คือแกตาบอด บอกว่าแกชนฉัน ก็คือแกชนฉัน เเกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

“ฉันชื่อหวังหยู่ เป็นคนตระกูลหวังในเยี่ยนตู และปู่ของฉันเป็นผู้นำตระกูลหวังชื่อหวังหยวน!”

“ถ้าทำให้ฉันขุ่นเคือง อยู่ในเยี่ยนตูแกจะมีชีวิตที่ลำบาก แกเชื่อไหม?”

ชายหนุ่มที่ชื่อหวังหยู่ เต็มไปด้วยความหยิ่งจองหอง ใช้สถานะและภูมิหลังของเขาอย่างเต็มที่

กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ตัวตนของเขา จงใจพูดเสียงดัง

และเขาก็ประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้คนรอบๆ

หยางเฉินได้ยินอีกฝ่ายแนะนำตระกูลของตัวเองเสร็จ ก็ทำสีหน้าแปลกประหลาด

เพราะเป็นตระกูลที่อ้ายหลินถูกบังคับให้แต่งงานด้วย ก็คือตระกูลหวัง และเจ้าบ้านก็คือหวังหยวน

หวางหยู่ยังบอกอีกว่าเขาเป็นคนของตระกูลหวัง และปู่ของเขาเป็นผู้นำตระกูลหวัง ชื่อหวังหยวน

เห็นได้ชัดว่า ตระกูลหวังที่หวังหยู่อยู่ ก็คือตระกูลที่หยางเฉินกำลังจะไปในวันนี้

สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ อยู่ที่สนามบิน บังเอิญมาเจอคนรุ่นหลังของตระกูลหวัง

มันคือ “โชคชะตา”จริงๆ

“ชายหนุ่มผู้นี้ ฟังสำเนียง น่าจะเป็นคนถิ่นอื่น คิดว่าคงจะไม่รู้ตำแหน่งของตระกูลหวังในเยี่ยนตู?”

“ทำให้ตระกูลหวังขุ่นเคือง ฉันเกรงว่าชายหนุ่มคนนี้ คงไม่มีหวังที่จะออกจากเยี่ยนตูได้”

“คนรุ่นหลังของตระกูลหวังชื่อหวังหยู่ อยู่ในเยี่ยนตู มีชื่อที่รู้จักคือนามว่าราชาอสูรน้อย ว่ากันว่าเขาเป็นหลานที่ผู้นำตระกูลหวัง รักมากที่สุด”

“หนุ่มน้อย เธอพึ่งมาเยี่ยนตูครั้งแรก อาจไม่รู้ถึงพลังอำนาจของตระกูลหวัง คนฉลาดย่อมไม่เสียเปรียบ เธอรีบขอโทษ บางทีอาจยังมีทางรอด

“ใช่แล้ว นายรีบขอโทษ สำหรับเรื่องเล็กน้อยนี้ อับอายหน่อยไม่เป็นไร แต่มันไม่คุ้มที่จะต้องมาตาย”

การพบกันระหว่างทั้งสองคน ดึงดูดผู้คนได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ยังมีชายชราที่อายุมาก ถึงกับก้าวมาข้างหน้าเพื่อบอกหยางเฉินเกี่ยวกับสถานะของตระกูลหวังในเยี่ยนตู เพราะความหวังดีพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาขอโทษ

หวังหยู่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนอื่นจับตามองอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง เอามือกอดอก และจ้องมองหยางเฉินด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ไอ้หนุ่ม ตอนนี้รู้หรือยังว่าฉันเป็นใคร?”

“เห็นแก่ที่แกเป็นคนถิ่นอื่น และไม่รู้จักสถานะของฉัน ฉันจะไว้ชีวิตแกสักครั้ง”

“คุกเข่าลงขอร้องฉัน ระหว่างเราสองคนก็จบกันเเค่นี่”

“ไม่เช่นนั้น วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเเก!”

หวังหยู่ดูเย่อหยิ่ง น้ำเสียงและทัศนคติของเขาหยิ่งทะนงมาก เขายังขู่ว่าจะให้หยางเฉินคุกเข่าและขอร้องเขา คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการคุกคาม

คนรอบข้างก็ตกใจไปหมด และสายตาหลายคนที่มองหยางเฉิน เต็มไปด้วยความเห็นใจ

หาเรื่องใครไม่หา?

ถึงกับไปหาเรื่องราชาอสูรน้อย นี่ไม่ใช่เป็นการไปหาที่ตายเหรอ?