กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1040
นางไม่ได้รับรู้หรือสัมผัสได้ถึงพลังของดวงวิญญาณที่เรือนอี้หยุนเลยแม้แต่นิดเดียว และนางก็ไม่เชื่อว่าเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋จะได้รับข่าวดีอะไร
ตอนนั้นนางรับรู้ได้ถึงพลังของดวงวิญญาณที่อ่อนล้าดวงหนึ่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จริง ทว่าหลังจากพยายามค้นหาอยู่นานจนแทบจะพลิกแผ่นดินก็กลับหาไม่เจอ
จะว่าไปแล้วดวงวิญญาณควรจะอยู่ที่เรือนอี้หยุนถึงจะถูก แต่เหตุใดถึงไม่มีนะ?
เหลือเพียงแค่สองดวง หลังจากรวบรวมดวงวิญญาณทั้งสองดวงครบก็นับว่านางไม่ได้ติดค้างอะไรเยี่ยจิ่งหาน เหวินเส่าอี๋ ฝูกวง ลั่วอิ่งและคนอื่นๆ
“ฝูกวง”
“ขอรับนายท่าน”
“ตอนนี้สถานการณ์ของรัฐอี้เป็นอย่างไรบ้าง? คนชั่วที่ปลอมตัวเป็นอดีตจักรพรรดิก่อนหน้านี้อยู่ที่ไหน ยังไม่พบเบาะแสของนางหรือ?”
“หลังจากที่นางเข้าไปในรัฐอี้ นางก็หายสาบสูญไปเลย และตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสแต่อย่างใด ส่วนรัฐอี้ตอนนี้ยังปกติดี ไม่มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นขอรับ”
ไม่มีอะไรแปลกประหลาดที่ทำให้คนกังวลใจ
ผู้หญิงชั่วคนนั้นทำได้ทุกอย่าง ใครจะไปรู้ว่านางไปที่รัฐอี้เพื่อคิดจะทำอะไร
“ไปที่เรือนอี้หยุน”
“นายท่าน ยังไม่มืดเลย เกรงว่าหวงกุ้ยจวินคงไม่สามารถให้เข้าพบได้แน่ขอรับ”
“ไม่เป็นไร แค่ไปนั่งดื่มน้ำชาก็พอ”
“ขอรับ”
“กึก กึก” เจี้ยงเสวี่ยเข็นรถเข็นของเยี่ยจิ่งหานเข้ามาด้วยความรวดเร็วจนองครักษ์ที่ตามมาข้างหลังสีหน้าซีดเผือด พร้อมกับขอให้พวกเขารีบออกไปให้เร็วที่สุด
กู้ชูหน่วนโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ทหารองครักษ์ทั้งหมดออกไป
กู้ชูหน่วนกล่าว “ไม่ต้องรีบร้อนให้ข้าปล่อยเลือดออกมา ข้าไม่ใช่ปลาทองเสียหน่อยที่ลืมอะไรง่ายดายเช่นนั้น”
“ข้านำน้ำแกงบำรุงโลหิตมาให้เจ้า”
เมื่อเยี่ยจิ่งหานพูดจบก็รีบสั่งให้คนรับใช้วางอาหารจำนวนมากมาวางตรงหน้าของกู้ชูหน่วน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาหารสำหรับบำรุงโลหิตหรือมีสรรพคุณในการบำรุงเลือดที่ดี
กู้ชูหน่วนหัวเราะ “ข้าต้องขอบคุณดวงวิญญาณเหล่านั้น ไม่งั้นชาตินี้ข้าคงไม่ได้กินอาหารอันโอชะเช่นนี้อย่างแน่นอน”
“หากเจ้าชอบ ต่อไปข้าจะทำให้เจ้ากินทุกมื้อเลย”
“อ้วก……” กู้ชูหน่วนแทบจะสำลักออกมา นางไออย่างรุนแรงจนปอดแทบจะหลุดออกมา
เยี่ยจิ่งหานยื่นนิ้วมืออันเรียวยาวของเขาออกมาลูบแผ่นหลังให้นาง เพื่อให้นางอาการดีขึ้น
“ค่อยๆ กิน ไม่มีใครแย่งเจ้ากินเสียหน่อย จะรีบกินไปทำไมกัน”
“เยี่ยจิ่งหาน ข้าพูดไปแล้วว่าไม่จำเป็นต้องใช้เลือดจำนวนมากเช่นนั้นก็สามารถตามหาดวงวิญญาณให้เจอได้”
“ข้าเชื่อเจ้า ข้าไม่ได้บังคับให้เจ้าปล่อยเลือด” เมื่อมองไปที่ตำราทางการแพทย์บนโต๊ะจากหางตา จากนั้นเยี่ยจิ่งหานก็ขมวดคิ้วและกล่าวขึ้นมา “อาการป่วยของอี้หยุนเฟยเป็นโรคประหลาดที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน เจ้าดูตำราไปมากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้”
“เจ้าก็ไม่เคยเจอลักษณะอาการป่วยเช่นนี้มาก่อนหรือ?”
“ไม่เคย”
“ข้าเชื่อว่าถึงอย่างไรก็ต้องมีวิธีรักษาให้หาย ข้าจะค่อยๆ หาวิธีรักษา ไปกันเถอะ เราไปที่เรือนอี้หยุนกัน”
“ไปที่นั่นเพื่ออะไร?”
“เพื่ออะไรได้อีก ก็เพื่อตามหาดวงวิญญาณที่เจ้าต้องการยังไงล่ะ”
“ไม่รีบ”
“ข้ารีบ รีบตามหาดวงวิญญาณให้เจอให้เร็วที่สุด ข้าจะเดินทางไปที่รัฐอี้สักหนหนึ่ง ข้ารู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีเท่าไร”
“ควรไปที่รัฐอี้สักครั้ง” เมื่อพูดถึงฮวาอิ่ง แววตาของเยี่ยจิ่งหานก็เปล่งประกายอำมหิตออกมา
ไม่นานเขาก็กลับเป็นเหมือนเดิมพร้อมกับตักน้ำแกงถ้วยหนึ่งและป้อนให้กับกู้ชูหน่วน “กินน้ำแกงเข้าไปก่อน”
กู้ชูหน่วนหัวเราะ “ทำดีเพื่อหวังผล น้ำแกงถ้วยนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก”
ขันทีที่อยู่ข้างนอกเดินเข้ากล่าวรายงานด้วยความระมัดระวัง “ฝ่าบาท พระสวามีขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เหวินเส่าอี๋? เขามาทำไม?”
“ฝ่าบาท หวงกุ้ยจวินขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”