1938 vs 1939 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1938

ทว่าโลกนี้มีความมหัศจรรย์อยู่อย่างหนึ่ง

ในห้วงเวลาดังกล่าว ไม่รู้ทำไมคำอำอวยพรในฮู้กันภัยกลับเรืองแสงอ่อนๆ ขึ้นมา

บางทีอาจมีคนประเภทนี้อยู่จริง แม้เขาจะลืมเราแล้ว จำไม่ได้ว่าเรารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เสียงเป็นแบบไหน รวมถึงเราชื่ออะไร แต่เมื่อได้สบตากัน เขาจะสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่แท้จริงของเรา ไม่ว่าจะมีคนหาว่าเราเป็นอย่างไร เขาย่อมไม่หวั่นไหว

เมื่อเรายืนอยู่ตรงกลางระหว่างแสงสว่างและความมืดมิด

ต่อให้โง่เขลา ไม่มีจุดใดในร่างกายที่สะอาดบริสุทธิ์ เขาก็จะปฏิบัติต่อเราต่างจากคนอื่น

เพราะเขาเข้าใจเรามากกว่าเข้าใจตัวเองเสียอีก

เพราะเขารักเรายิ่งกว่ารักตัวเขาเอง

เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ เขาที่สะอาดกว่าทุกคนเหมือนเป็นโคมไฟเทพเจ้า ยืนอยู่ในจุดที่เด่นตาที่สุด ไม่ใช่เพื่อเหตุผลใด

แต่เพื่อคนที่เขาพยายามตามหามาหลายปี แต่กลับทำหายไป

และเมื่อเขายืนในจุดนั้น คนคนนั้นย่อมหาเขาเจอได้

เวลาผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง

ในวันที่ 28 เดือนกันยายน เมื่อนัยน์ตาดำขลับลืมขึ้นอีกครั้ง ยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าแสนเท่อีกหน

ฉายา Z ก็ปรากฏตัวอีกครั้งในร่างที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ฟันเฟืองของชะตาชีวิตเริ่มหมุนอีกครั้ง

Z กลับมาแล้ว และยัยเสือน้อยของเขาก็กลับมาแล้วเช่นกัน หากลืมอดีตไปแล้วก็ไม่เป็นไร หากจะมืดมิดตลอดไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

มีใครคนหนึ่งรออยู่ตรงนี้เสมอ ใช้วิธีการเฉพาะตัวของเขารอจนได้พบคนของตัวเองในตอนนี้

“แฮมเบอร์เกอร์ต้องกินคู่กับเป๊บซี่ ถึงจะอร่อย” ฉินมั่วหันมามองเมื่อได้ยินคำพูดของใครบางคน ก่อนจะช่วยพับแขนเสื้อให้อีกฝ่าย

ป๋อจิ่วถาม “เมื่อกี้ใครโทรมาเหรอ?”

“แม่ฉันเอง” ฉินมั่วตอบสั้นๆ ละมือข้างหนึ่งมาถือแก้วเป๊บซี่แล้วส่งให้

ป๋อจิ่วส่งเสียง “อ้อ” แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงดีใจกับเรื่องที่เก็บไว้ในใจ ก็เรื่องที่คุณตาไปสู่ขอไง น่าจะสำเร็จ เธอเชื่อฝีมือด้านพิธีรีตองคุณตามาก

แต่ตอนนี้จะให้เจ้าหญิงน้อยรู้ไม่ได้ เพราะเธอจะได้พาเขาไปยังสถานที่ขอแต่งงานอย่างแนบเนียน จากนั้นก็จะแสดงสิ่งที่เธอเตรียมไว้ให้เขาดู

ทุกอย่างเพอร์เฟกต์ ถือเป็นหนึ่งในวิธีคลาสสิคของท่านประธานจอมโหดที่ไล่จีบสาวน้อยคนรักจริงๆ เธอไม่รู้สึกกดดันสักนิด

ป๋อจิ่วคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไปที่หนึ่งกับฉันหน่อยสิ”

ฉินมั่วรู้ล่วงหน้าแล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อย “ที่ไหน”

“คลับของฉินกรุ๊ป” ป๋อจิ่วกินเสร็จก็เอียงตัวอย่างมีเลศนัย “ตำแหน่งนั้นไม่เลว ได้ยินมาว่าพวกจ้าวซานพั่งมีนัดสัมภาษณ์ทางทีวีที่ฝั่งตรงข้าม”

ฉินมั่วอยากถามเหลือเกินว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่เธอจะขอฉันแต่งงานล่ะ

แต่หากถามออกไป มีหวังบรรยากาศคงกร่อยพิลึก

เสี้ยวหน้าเขาหล่อเหลา ตอบเสียงเรียบว่า “อื้ม”

ป๋อจิ่วยังคงก้มหน้าคิด อีกเดี๋ยวจะเซอร์ไพร์สเจ้าหญิง เขาต้องยอมแต่งงานกับเธอแน่

ยิ่งคิดก็ยิ่งยิ้มร่า สนุกกับเรื่องที่ตัวเองคิด เมื่อก่อนเธอไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เธอสวมกอดเขา ดวงตามองไปนอกหน้าต่าง ท่วงท่าสุดเท่ กระจกหน้าต่างสะท้อนใบหน้านั้น ใฝเสน่ห์ช่างโดดเด่น ยิ้มอย่างได้ใจ ราวกับเด็กน้อยที่ได้ลูกอม

แน่นอนว่าเธอย่อมต้องยินดีเอามากๆ

เดิมฉินมั่วพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ แต่เห็นท่าทางเธอแล้วก็อดถามไม่ได้ “มีความสุขอะไรขนาดนั้น?”

“อ๊ะ? ฉันดูเป็นอย่างนั้นเหรอ?” ป๋อจิ่วยังคงยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ “สงสัยได้กินของอร่อย”

ฉินมั่วละมือข้างหนึ่งมาดันหน้าผากเธอ “ยัยโง่”

ฉันก็มีความสุขเหมือนกัน…

……………………………………………………..

ตอนที่ 1939

ขอแต่งงาน 1

สองทุ่มครึ่ง เป็นเวลากำลังพอดี พวกที่ทำโอทียังไม่กลับบ้าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจียงเฉิงที่ไม่เคยหลับใหล ผู้คนเพิ่งจะมาถึงร้านรวงต่างๆ บ้างก็พาเด็กๆ ไปเล่นที่ลานกว้าง

ป๋อจิ่วคิดว่าตัวเองเป็นถึงท่านประธานจอมโหด เมื่อจะขอแต่งงาน ย่อมทำเงียบๆ ไม่เป็น

ดังนั้นเธอจึงเลือกทำอย่างนี้ ยิ่งเธอได้ยินว่าสมาชิกทีมเซียงหนานจะให้สัมภาษณ์ที่ฝั่งตรงข้าม ก็ยิ่งรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสดี จะรอฤกษ์งามยามดีย่อมไม่สู้เอาเวลาที่สะดวกสุดแสน ในเมื่อเตรียมตัวมมาล่วงหน้าแล้ว เธอจึงพุ่งเป้าไปที่ตึกฉินกรุ๊ป

เวลาปกติ หากเธอคิดจะเจาะระบบอินเทอร์เน็ตของบริษัทสักแห่งย่อมเป็นเรื่องง่าย แต่ครั้งนี้ เฮ้อ เธอยอมจ่ายเงินก็เพราะเป็นการขอแต่งงาน

เธอจ่ายเงินล่วงหน้าให้ฉินกรุ๊ป จากนั้นค่อยแฮกระบบนิดหน่อย เพื่อจะได้อำนาจควบคุมสถานที่ภายนอกอาคาร

ต้องบอกว่าคนที่บอกแบบตึกแห่งนี้ตาถึงมาก

เพราะกระจกทุกชั้นมีหลอดไฟคู่กัน แม้ว่าเป็นตอนกลางคืนก็ยังเห็นได้ชัดทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ย่อมเป็นประโยชน์ต่อกิจกรรมบางอย่างของพวกแฮกเกอร์ ขอแค่ควบคุมวงจรไฟฟ้าได้ ทุกอย่างย่อมไม่เป็นปัญหา

ป๋อจิ่วยืนตรงนั้น สวมเสื้อตัวนอกของฉินมั่ว เป็นเสื้อกันลมสีเข้ม ดูเท่ไปอีกแบบ

ทางด้านฉินมั่วเห็นใครบางคนยกมือเตรียมจะปีนกำแพง ก็ลากตัวอีกฝ่ายกลับมา นัยน์ตาเรียบเฉย “จะซนอะไร?”

“ก็มันเตี้ยจะตาย” ป๋อจิ่วยิ้มร่า มือข้างหนึ่งดึงแฟลชไดรฟ์มาเสียบที่แล็ปท็อปเครื่องเล็กเครื่องหนึ่ง

ฉินมั่วกวาดตามองเธอ จงใจถามทั้งที่รู้ดี “ทำอะไร?”

 “จุดไฟแช็กไง” ป๋อจิ่วแบมือให้เห็นไฟแช็กโลหะที่วางอยู่บนอุ้งมือ

หากเป็นเวลาปกติ ด้วยระดับความปากร้ายของฉินมั่ว เขาต้องเปิดโปงเธอไปนานแล้ว ไฟแช็กนั่นซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอ คิดเหรอว่าเขาจะไม่เห็น?

แต่พอเห็นเธอเริงร่า ก็ปล่อยให้เธออวดเต็มที่ดีกว่า

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าวันนี้เจ้าหญิงน้อยว่าง่ายเป็นพิเศษ จะต้องคว้าโอกาสนี้ขอแต่งงานให้ได้ “พี่มั่ว รอเดี๋ยวนะ”

พูดจบ เธอก็วิ่งไปทางซ้ายมือด้านหน้า โดยยังสวมเสื้อกันลมสีเข้มไว้ เส้นผมสีเงินยุ่งนิดๆ

ฉินมั่วมองดูคนที่คุกเข่า อาจเป็นครั้งแรกที่ทำแบบนี้จึงดูไม่คล่องตัวนัก เธอหันหน้าไป ใบหน้าจริงจังจนเหมือนมีอะไรกำลังลุกไหม้ขึ้นมา

จากนั้นก็เงยหน้า ส่งสายตามา ยิ้มสดใสให้เขา

ห้วงเวลานั้น พลุดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นมา

แสงไฟที่ส่องสว่างเต็มเมือง เหมือนกำลังสะท้อนในดวงตาดำขลับของเธอ

ฉินมั่วเข้าใจดี ยัยคนนี้จะเอาสิ่งที่ตัวเองชอบมากที่สุดมามอบให้เขา เพื่อให้เขาดีใจ

ใบหน้าของเธอมีรอยเปื้อนฝุ่น แถมยังดูน่าเอ็นดู แต่กลับไม่กระทบกับความเป็นเธอในสายตาเขา

ถ้าหากต้องบรรยายล่ะก็ คงเป็นเธอเดินผ่านทางช้างเผือก ย่ำบนกองธุลี มือเปื้อนสิ่งสกปรก แล้วมาหยุดต่อหน้าทั้งที่เปรอะเปื้อนไปทั้งตัว

สิ่งที่เราสัมผัสได้ไม่ใช่เธอตัวสกปรกแค่ไหน แต่เป็นป๋อเสี่ยวจิ่วที่งดงามน่าตะลึง

และเธอ…เป็นของเขา

ฉินมั่วยื่นมือออกไป อยากดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอด แต่คิดไม่ถึงว่าฉากสำคัญจะมาถึงแล้ว!

ตึกฉินกรุ๊ปที่อยู่ด้านหลังเธอสว่างไสวขึ้นมา มีเพียงแถบป้ายอันเดียวที่มืดลง

บริเวณที่ความมืดและสว่างตัดกันปรากฏประโยคหนึ่ง

และประโยคนี้ คนที่อยู่ตามถนนซางเยี่ยที่แสนจะคึกคักต่างเห็นกันทั้งสิ้น

………………………………..