“ผมรู้ว่าคุณตื่นแล้ว…….” ฉันทัชวางมือใหญ่ไว้ที่แผ่นหลังเรียบเนียนของเธอ พร้อมกับฝ่ามือใหญ่อุ่นร้อนนั้นลูบเบาๆ ที่หัวไหล่ขาวผ่องเนียนละเอียดของเธอ “คุณอาจจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนวานนั้น มันมีความสำคัญกับผมมากแค่ไหน…..”
ตายู่ยี่ขยับหลุกหลิก แต่ยังไม่ได้ส่งเสียงออกมา เธอคิดที่จะแกล้งทำเป็นตายไปเสีย
“คุณใจร้ายกับผมนิดหน่อยนะ ตั้งแต่แยกจากกันจนมาเจอกันอีกครั้ง คุณไม่แสดงความอาลัยอาวรณ์ต่อผมเลย แม้ว่าจะเป็นการเลิกรากันครั้งแรก ผมก็รู้สึกได้แต่ความแน่วแน่และเด็ดขาดของคุณ ผมยังไม่เคยรู้สึกถึงความอาลัยอาวรณ์ได้เลยสักนิด
เกี่ยวกับเรื่องที่ห้าง ผมก็ไม่เคยคิดสงสัย ความไม่มั่นใจทั้งหมดของผมนั้นถูกใช้ไปกับคุณ ผมไม่เคยรู้เลยว่า ที่จริงแล้วผมจะมีช่วงที่ขาดความมั่นใจเช่นนี้ได้ เพียงแค่เมื่อคืนที่คุณจากไป ผมก็ยังคิดว่า คุณนั้นอาจจะมีแค่ความรู้สึกดีให้กับผมจริงๆ ในขณะที่ผมหลอกลวงคุณ ความรู้สึกดีๆพวกนั้นก็ถูกลบออกไป แต่ในตอนนี้-”
คำพูดของเขาจู่ๆ ก็เงียบลง พาให้คนใจสั่นรัว ความถี่การเต้นของหัวใจเร็วมากขึ้น…..
ยู่ยี่ไม่กล้าพูดออกไป เธอไม่กล้าจะเคลื่อนไหวร่างกายเลยสักนิด แม้แต่ลมหายใจก็แทบจะหยุดลง มือเธอกำผ้าห่มใต้ร่างไว้แน่น
เมื่ออยู่ด้วยกันกับเขา เธอตื่นเต้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอคิดอยู่ตลอดว่าเรื่องทั้งหมดนั้นพัฒนาไปไกลเกินกว่าที่เธอการคาดการณ์ไว้…….
โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้ เธอตกอยู่ในห้วงความอบอุ่นแบบนั้นของเขาอีกครั้ง
หลังจากเมื่อคืนผ่านพ้นไป จิตใจของยู่ยี่นั้นสับสนยุ่งเหยิง เธอนั้นว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“ผมสามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่า คุณไม่ใช่ไม่มีความรักใคร่ใดๆให้กับผม ความรู้สึกไม่มั่นใจของผม ณ ตอนนี้ได้หายไปแล้ว อารมณ์นั้นก็ดี อีกทั้งในตอนนี้ผมยังรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”
ลมหายใจร้อนระอุของฉันทัชทั้งหมดรดรินอยู่ที่หัวไหล่ของเธอ เสียงทุ้มลึกนั้นดูนุ่มนวลเป็นอย่างมาก “คุณเองก็รักผมเหมือนกัน”
เพราะการสัมผัสของเขา ตัวเธอจึงได้สั่นเล็กน้อย เพราะคำพูดของเขา ก้นบึ้งของหัวใจเธอจึงได้สั่นระรัว
“คุณจะแสร้งทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เหรอ?” ร่างสูงสมส่วนยันตัวขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีเข้มลุ่มลึกของฉันทัชจ้องไปที่เธออย่างเร่าร้อน
สถานการณ์แบบนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนจริงๆ ยู่ยี่ก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร แต่เห็นได้ชัดว่าจะหลับตาอย่างนี้ตลอดไปก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
ดังนั้นเมื่อเธอคิดจะทำแล้วก็ต้องทำต่อไปให้สำเร็จ เธอลืมตาขึ้นทันทีทันใด
มุมริมฝีปากบางยกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่บางเบา แต่ก็เพียงพอที่ทำให้คนมองรู้สึกตาพร่า ฉันทัชเพ่งมองมาที่เธอ แล้วเอ่ยออกมาอีกครั้ง “คุณรักผม”
ยามที่เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา เขาเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป แต่คำพูดเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความตื่นเต้น
เมื่อยู่ยี่ได้ฟัง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงอย่างห้ามไม่อยู่
ต้นขาเรียวแข็งแกร่งของเขาอยู่ข้างตัวเธอ คร่อมบีบเอวเธอไว้ตรงกลาง ปลายนิ้วอบอุ่นของฉันทัชบีบนวดติ่งหูที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ
การเคลื่อนไหวที่ดูสนิทสนมเช่นนี้……
ยู่ยี่นั้นแต่เดิมก็หน้าแดงก่ำอยู่แล้ว เมื่ออยู่ภายใต้การนวดคลึงของเขา ติ่งหูนั้นก็ยิ่งดูเหมือนจุดก่อเปลวไฟขึ้นมา ลุกไหม้และแผดเผา
เธอรู้สึกทนไม่ได้กับความอบอุ่นที่ปั่นป่วนแบบนี้ จึงยกมือวางลงบนข้อมือของชายหนุ่ม อยากที่จะหยุดยั้งการเคลื่อนไหวแบบนี้ของเขา
ฉันทัชขยับมือใหญ่ออก และฉวยจับมือเธอมาไว้ที่กลางในมือของเขา
จากนั้นก็จุมพิตเธออย่างแนบแน่น นุ่มนวล และแผ่วเบา
ยู่ยี่ย่นคิ้วขึ้น และในขณะที่เธอคิดจะดึงมือกลับคืนมา เขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “คุณรักผม!”
จุดที่เขายืนกราน คำพูดที่เอ่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอ่ยซ้ำไปมาตั้งแต่ต้นจนจบ ก็มีแต่ประโยคนี้
ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่าเขาเอาใจใส่มากที่สุด มีค่าที่สุด และมากมายที่สุดในใจของเขา ซึ่งก็คือจุดนี้เอง
ยามที่ได้เห็นแสงสุกสกาวเป็นชั้นๆ ภายในดวงตาของชายหนุ่มอายุ 34 ปี นั้น มันดูราวกับดวงตาของเด็กน้อยอายุ 3 ขวบได้รับลูกอมที่ตนนั้นชอบมานาน ความยินดีที่แสนบริสุทธิ์เช่นนั้นสัมผัสถึงหัวใจของยู่ยี่ เป็นการสัมผัสที่ลึกซึ้งมาก
“เพราะว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ ต่อให้หลังจากนี้คุณจะปฏิเสธผมอีกครั้ง ผมก็ยืนยันที่จะตามจีบคุณต่อไป ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดไว้ประโยคหนึ่ง ถ้าหากมีวันหนึ่งผมไม่ใช่คนที่คุณต้องการแล้ว แต่คุณยังเป็นคนที่ผมต้องการ เมื่อนั้นผมจะตามจีบคุณอยู่ฝ่ายเดียว หวังว่าคุณจะไม่เบื่อหน่ายกับความรู้สึกนี้…….”
ฉันทัชสูดดมกลิ่นหอมจากร่างกายของเธอ เป็นกลิ่นส้มเบาสะอาด น่าดมดอมและเปี่ยมเสน่ห์ คำพูดที่เขาพูดออกมานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
“ฉันจะไม่เบื่อหน่ายกับความรู้สึกนี้…..” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยู่ยี่ก็ไม่รู้ทำไมถึงได้หลุดปากเอ่ยประโยคนี้ออกมา อาจเป็นเพราะอารมณ์ความรู้สึกที่เด่นชัดนั้นก่อขึ้นมาในใจเธอ
แต่หลังจากที่พูดคำนี้เอ่ยออกไป ยู่ยี่ก็เงียบลง เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้นั้นเป็นการเห็นด้วยกับการตามจีบของเขาโดยอ้อม
เธอกัดริมฝีปาก คิ้วของเธอขมวดแน่น
เขามองที่ใบหน้าของเธอ โน้มกายลงไป ผิวเนื้อเนียนละเอียดของฉันทัชเฉียดใกล้ร่างกายของเธอ เขาหัวเราะ ทั้งดูดีและได้กลิ่นออกมา หลังจากนั้นก็พูดว่า “ ขอบคุณคุณที่เมื่อคืนรับดูแลผมที่ดื่มจนเมา และก็ขอบคุณที่ปลอบประโลมร่างกายของผมโดยไม่พูดอะไร…..”
………
ฉันทัชจากไปแล้ว ขณะที่ยู่ยี่ยังอยู่ในห้องน้ำ เธอกำลังอาบน้ำอยู่ บนร่างมีร่องรอยสีม่วงและเข้มอยู่เต็มไปหมด
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้กับร่างกายของเธอเมื่อคืน
คำพูดนั้นที่เอ่ยออกมา เธอรู้อยู่แล้วว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ว่าในทุกๆครั้งที่เขามอบความรู้สึกที่แสนพิเศษแก่เธอนั้น มันทำให้เธอรู้สึกใจอ่อน
ทว่าเธอก็เผื่อเหลือที่ว่างไว้ในใจสำหรับตัวเธอเอง การตอบรับการจีบของเขา ไม่ได้หมายความว่าเธอเห็นด้วยที่จะคบกับเขาอย่างแน่นอน
ฐานะทางครอบครัวของเขานั้น เธอไม่อาจไม่หวาดระแวงได้ เนื่องจากครอบครัวเขามีชื่อเสียงมากเกินไป
แท้จริงแล้วเธอยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่
เมื่อเดินออกจากห้องน้ำ เขาก็จากไปเรียบร้อยแล้ว ตอนที่เธอเพิ่งเข้าไปในห้องน้ำ โก๋ก็มาส่งเสื้อผ้าให้แก่เขา ตั้งแต่ตัวในสูทตัวนอก ชั้นในจนถึงเสื้อคลุม
ในช่วงที่โก๋มาเธอก็เข้าห้องน้ำไปแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย
ดูเหมือนเขาจะมีโทรศัพท์สายด่วนจึงได้จากไป ชุดสูทคลุมด้านนอกของเขาวางไว้อยู่ฝั่งหนึ่ง อีกทั้งข้างบนยังวางเนคไทไว้อยู่
เวลาเดินมาถึงตอนนี้แล้ว ในยามเช้าปกติเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปบริษัทเวลานี้ ทั้งยังพอมีเวลาว่างที่จะเข้าห้องน้ำ ราดน้ำยาซักผ้า และซักเสื้อผ้าของเขา
ไม่กี่วันมานี้ อากาศค่อนข้างดี มีแสดงแดดเพียงพอ ซักผ้าเสร็จแล้ว ก็สามารถตากให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้าสู่ยามบ่ายเธอก็ไปที่บริษัท ส่วนเรื่องที่โดดงานในตอนเช้านั้นผู้จัดการไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น
ยู่ยี่เห็นท่าทางแบบนี้ของผู้จัดการ ในใจก็พอจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เธอก็ยังเอ่ยกล่าวออกมาว่าในตอนเช้าเธอนั้นมีเรื่องสำคัญจนลืมที่จะลางาน
ผู้จัดการเพียงแค่โบกมือและยิ้มกริ่ม เมื่อเห็นท่าทีตอบกลับเช่นนั้น ยู่ยี่ก็ไม่พูดอะไรอีกและเริ่มจดจ่อกับการทำงาน
เมื่อทำไปได้ครึ่งทาง ฉันทัชก็ส่งข้อความมาถามเธอว่า ทานข้าวเที่ยงแล้วหรือยัง?
เธอจึงตอบกลับไปว่า ทานแล้ว
หลังจากนั้น เขาก็ดูเหมือนจะเริ่มยุ่งอีกครั้ง และไม่ได้ส่งข้อความตอบกลับมาอีกเลย ยู่ยี่มองโทรศัพท์สักพัก แล้วจึงเริ่มทำงาน
เมื่อมาถึงเวลาเลิกงาน เธอกำลังจัดของเตรียมตัว เธอวางแผนไว้ว่าจะไปเดินที่ห้างสรรพสินค้าสักรอบพร้อมกับซื้อของขวัญหลังเลิกงาน
พรุ่งนี้เด็กน้อยก็อายุครบเดือนแล้ว ยู่ยี่อยากซื้อของบางอย่างที่มีความหมายและเป็นที่ระลึกเพื่อมอบให้
เมื่อเดินออกจากบริษัท เพียงแค่เงยหน้า เธอก็เห็นรถเบนท์ลีย์ มุลซานน์คันนั้น ด้วยเหตุนี้ใจของเธอจึงเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย
ในตอนเช้าเสื้อที่โก๋มาส่งให้แก่เขาคือเสื้อคลุมสีเทาเข้ม ครั้งแรกที่เธอเห็นเขาใส่เสื้อผ้าสีเทาเข้มนั้น เขายิ่งดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมมากขึ้น
เธอยังไม่ทันขยับไปไหน ผู้จัดการและเหล่าเพื่อนร่วมงานก็เดินออกมาจากบริษัท และมองเห็นฉันทัช ใบหน้าของผู้จัดการเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เอ่ยเรียกคุณฉันทัชซ้ำอีกครั้ง
สายตาของฉันทัชจับจ้องอยู่ที่ร่างของเธออยู่ก่อน หลังจากจ้องมองเธออย่างจดจ่อแล้ว เขาถึงเบนสายตามองไปยังผู้จัดการ
สีหน้าบนใบหน้าที่มีเค้าโครงโดดเด่นของเขานั้นเรียบเฉย ไม่มีอารมณ์ผันผวนมากมายเท่าใดนัก แต่ปรากฏรอยยิ้มบางดูสง่างามไว้ ซึ่งอาจจะแฝงไปด้วยความห่างเหินเล็กน้อย
ผู้จัดการเดินเข้าไปหาเขา พร้อมยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อทักทาย
เขาตอบรับโดยจับมือผู้จัดการกลับ
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ นั้นไม่ได้เดินจากไป ยังคงจ้องมองดูเขา ใบหน้าคล้ายขึ้นสีเล็กน้อย
ฉันทัชหมุนตัว และจับมือกับเหล่าเพื่อนร่วมงานทุกคนเช่นเดียวกันด้วยความสุภาพที่มีเป็นพิเศษ
ผู้จัดการเชิญเขาไปทานอาหารด้วยกัน แต่ฉันทัชปฏิเสธอย่างสุภาพ ขยับปากเล็กน้อย เอ่ยออกมาว่า “วันนี้ผมไม่ได้มาเพราะเรื่องงาน แต่มาเพราะเรื่องส่วนตัว ทุกคนไม่ต้องอึดอัดนะครับ”
เรื่องส่วนตัว……..
หลังจากนั้นสายตาของทุกคนก็ตกอยู่ที่ร่างของยู่ยี่ บ้างยิ้มเล็กน้อย บ้างก็อุทานออกมา เสียงโห่แซวดังขึ้น
หน้าของยู่ยี่นับว่าไม่ได้หนา ถูกโห่แซวเช่นนี้ หน้าเธอก็แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย
ฉันทัชชอบมองสีหน้าเธอที่เป็นแบบนี้ สีกุหลาบอ่อนจางนั้น มองดูแล้วทั้งงดงามจับใจทั้งมีเสน่ห์
ท้ายที่สุดแล้ว สามารถพูดได้ว่าเธอนั้นขึ้นไปนั่งรถของเขา ท่ามกลางสายตาจากทุกคนที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
รถเคลื่อนตัวออกไป ขับมุ่งหน้าตรงไปทิศทางของห้างสรรพสินค้า และไปยังแผนกสินค้าสำหรับเด็ก
ของขวัญสำหรับเด็กเล็กไม่ค่อยน่าซื้อนัก ยู่ยี่ที่กำลังซื้ออยู่นั้นรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย ถ้าหากเป็นเด็กคนอื่น เธอคงซื้อได้ตามใจชอบ แต่ว่าเด็กคนนี้นั้นถือว่าเป็นคนพิเศษ
ฉันทัชอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเธอ ไม่มีการทนไม่ไหวแต่อย่างใด ทั้งยังค่อนข้างตั้งใจที่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอ หากมีโอกาส ของขวัญที่เธอเลือกนั้น เขาก็จะร่วมให้ความเห็นเขาไปด้วย
สุดท้ายก็เลือกได้เป็นรถสำหรับเด็ก 1 คัน ราคาค่อนข้างแพง เกินหลักหมื่นขึ้นไป แต่ว่ายู่ยี่เต็มใจที่จะจ่าย ลูกชายของเชอร์รีนก็นับว่าเป็นลูกชายของเธอ
เพียงแต่ว่าตอนจ่ายเงินนั้นเธอมาไม่ทัน ฉันทัชได้ตัดหน้าเธอไปเรียบร้อย เขานำบัตรออกจากกระเป๋าให้พนักงานไปรูดแล้ว
ยู่ยี่นั้นไม่ยินยอมและขัดขวางเขา
ฉันทัชเพียงแค่ยิ้มบาง มือใหญ่เห็นข้ออย่างชัดเจนกุมมือเธอไว้กลางฝ่ามือ
“ของขวัญชิ้นนี้มีความหมายไม่เหมือนกับของขวัญทั่วๆ ไปที่ให้คนอื่น ฉันต้องการซื้อมันด้วยตัวเอง” ยู่ยี่กล่าว
“มันเป็นของที่ผมให้คุณ ไม่ว่าคุณจะมอบให้คนอื่นโดยใช้อารมณ์ เงื่อนไข หรือมีความหมายเป็นอย่างไร มันก็จะถูกส่งมอบไปด้วยความคิดเช่นเดียวกับความคิดในใจคุณ”เขาเอ่ย
ยู่ยี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยว่า “ ก็ยังไม่เหมือนกันอยู่ดี คุณให้ฉัน ฉันให้คนอื่นอีกครั้ง นี่มันยืมดอกไม้ไปถวายพระชัดๆ”
“ถ้าคุณจะยืมดอกไม้ผมไปถวายพระ ผมคงเต็มอกเต็มใจและยินดีเป็นอย่างที่สุด…..” เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย บริเวณคิ้วและแววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เธอหลบเลี่ยงสายตาที่เป็นแบบนี้ของเขา “ความสัมพันธ์ระหว่างเราตอนนี้ยังไม่มีความข้องเกี่ยวกันแบบนั้น ของของคุณ ฉันไม่อาจรับได้”
ฉันทัชหลับตาลงชั่วครู่ นิ้วเรียวยาวปัดผมที่ปรกและกระจัดกระจายอยู่บนแก้มเธอทั้ง 2 ข้างไปไว้ที่หลังหู พร้อมกับกระซิบเสียงนุ่มนวล “ก็ต้องเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราตอนนี้ยังไม่มีความเกี่ยวข้องกันแบบนั้น ดังนั้น ผมถึงจำเป็นต้องประจบคุณ เอาใจคุณสักหน่อย….”
“…….” ยู่ยี่พูดไม่ชนะเขาเลยจริงๆ เธอรู้สึกว่าทุกคำพูดที่เอ่ยออกมาจากปากเขา ดูเป็นเหตุเป็นผลอยู่ตลอดเวลา
สุดท้าย เธอก็ไม่สามารถจ่ายเงินได้ ยังคงเป็นเขาที่รูดบัตรและจ่ายเงิน สุดท้าย รถสำหรับเด็กก็ถูกห่ออย่างดี หลังจากนั้นเมื่อระบุที่อยู่ที่จะส่งไปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ทั้งสองนั้นทานอาหารเย็นกันแล้ว เขาชอบกินโจ๊ก พวกเขาทั้งสองจึงไปที่ร้านขายโจ๊ก และสั่งโจ๊กสามอย่างที่ชอบกินที่สุดและกินอยู่เป็นประจำ
หลังจากนั้น เขาก็ส่งเธอกลับบ้าน เมื่อมาถึงชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ ยู่ยี่นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกล่าวว่า “คุณขึ้นมาแป๊บหนึ่ง”
สำหรับคำเชิญเช่นนี้ ฉันทัชชอบมันมาก ถึงขนาดที่เครื่องหน้าเส้นสายอันดูมีมิติและเป็นผู้ใหญ่ของเขา ปรากฏรอยยิ้มอย่างชัดเจน อีกทั้งยังกระโดดโลดเต้นเบาๆ——ดูไม่เข้ากับภาพลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่และสง่างามของเขา และดูไม่ปกติเป็นอย่างมาก
เมื่อขึ้นมาบนอพาร์ตเมนต์ ยู่ยี่ส่งน้ำอุ่นแก้วหนึ่งให้เขา หลังจากนั้นก็ไปที่ระเบียง ขณะที่เดินอยู่นั้น เธอไล่น้ำออกจากเสื้อสูทเพื่อให้มันแห้ง เมื่อประกอบกับแสงแดดที่เจิดจ้า เสื้อสูทนั้นก็ควรตากจนแห้งแล้ว