บทที่ 575 สั่งสอน

บัลลังก์พญาหงส์

ถาวจวินหลันได้ยินก็นิ่งอึ้งไป มองถาวซินหลันอย่างไม่เชื่อ “อะไรนะ?!”

 

 

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไร น้องสะใภ้ก็ต้องเคารพพี่สะใภ้ แม้ว่าจะไม่สมัครสมานสามัคคี หรือรักใครกลมเกลียวกัน แต่ปกติแล้วก็ไม่ถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งกัน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพบเรื่องแบบนี้ในตระกูลชั้นสูง จะมีก็แต่ครอบครัวคนธรรมดา นั่นก็เพราะว่าไม่ได้รับการสั่งสอน

 

 

ถาวซินหลันได้รับการสั่งสอนเรื่องมารยาทที่สตรีในตระกูลสูงส่งพึงกระทำมาแต่เด็ก ตอนเป็นเด็กแม้ว่าจะนิสัยใจร้อน บุ่มบ่ามง่ายไปเสียหน่อย แต่หลังจากผ่านการขัดเกลาจากในวังหลวงมานานหลายปี ก็เก็บอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

 

 

ถาวจวินหลันคิดว่าถาวซินหลันไม่น่าจะทำเรื่องโง่เช่นนี้

 

 

ถาวซินหลันถูกมองจนรู้สึกประหม่า ก้มหน้าบิดผ้าเช็ดหน้าของตนเอง จากนั้นก็อธิบายว่า “ข้าเผลอไปเจ้าค่ะ”

 

 

ถาวจวินหลันโกรธขึ้นจนแทบจะหลุดหัวเราะ คิดจะตีถาวซินหลันเบาๆ แล้วตำหนิสักหน่อย แต่พอเห็นถาวซินหลันสำนึกผิดแล้ว สุดท้ายก็ทำใจลงไม้ลงมือไม่ได้ ทำได้เพียงใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของถาวซินหลันอย่างแรง พูดว่า “ทำไมเจ้าถึงกล้าขนาดนั้น? เฉินฮูหยินเอ็นดูเจ้าจนเหลิงเกินไปแล้ว!”

 

 

“เพราะสะใภ้ใหญ่มาพูดแช่งคุณชายสามของพวกเราเจ้าค่ะ นายหญิงของพวกเราเลยโกรธ อีกทั้งสะใภ้ใหญ่ยังพูดดูถูกท่านและตระกูลถาวด้วยเจ้าค่ะ นายหญิงของพวกเราถึง…” บ่าวรับใช้ทนไม่ไหว ถึงได้พูดขัดอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกถาวซินหลันดุเสียก่อน

 

 

ถาวซินหลันพูดด้วยความโมโห “ต่อไปหากเจ้ายังกล้าพูดมากอีก ก็ไปขัดกระโถนเสีย!

 

 

บ่าวหญิงตกใจจนหน้าซีดเผือด ปิดปากสนิท

 

 

ถาวจวินหลันจิ้มถาวซินหลันอีกครั้ง “ทำไม อยู่ที่นี่ยังกล้าวางท่าต่อหน้าข้าอีกหรือ? นางกล้าพูดมากก็เพราะอยู่ต่อหน้าข้า หากเป็นคนอื่นนางย่อมต้องรู้กาลเทศะ”

 

 

เป็นเช่นนั้นจริง บ่าวคนนี้เป็นบ่าวติดตัวตอนแต่งงานที่ถาวจวินหลันซื้อมาให้ถาวซินหลัน ที่กล้าพูดมากก็เพราะว่าเป็นห่วงถาวซินหลัน บ่าวที่ปกป้องเจ้านายอย่างนี้ถือว่าดีมาก

 

 

แล้วถาวจวินหลันกลับหันไปสอนบ่าวคนนั้น “แต่เจ้านายของเจ้าก็พูดถูก ต่อหน้าคนอื่นอย่าพูดมากเช่นนี้อีก” แต่อยู่ต่อหน้านางจะพูดมากก็ไม่เป็นไร นางยังอยากรู้เรื่องของถาวซินหลันให้มาก

 

 

พอตำหนิแล้ว ถาวจวินหลันก็มองไปทางถาวซินหลัน ท่าทีคล้ายยิ้ม “เอาเถิด แท้จริงแล้วเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่? อย่าให้ข้าต้องเค้นถามบ่าว”

 

 

ถาวซินหลันยกชาดื่มอย่างอัดอั้น แล้วถึงพูดอย่างขลาดกลัว “พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ชอบข้าอยู่แล้ว อีกทั้งแม่สามียังเอ็นดูข้ามากกว่า นางจึงยิ่งขุ่นเคือง ครั้งนี้เฉินฟู่ไปไกล แม่สามีเป็นห่วงจึงไปวัดเพื่อสวดมนต์ภาวนา แต่เดิมครั้งนี้ข้าก็ควรไปด้วย แต่พี่สะใภ้บอกว่านางสะสางธุระในจวนคนเดียวไม่ทัน อยากให้ข้าอยู่ช่วยเหลือ ข้าถึงได้อยู่จวน แต่พอแม่สามีไปแล้ว ข้าถึงรู้ว่าเรื่องต้องการคนช่วยเหลือเป็นเพียงข้ออ้างมาใช้หาเรื่องข้าเท่านั้นเอง ตอนแรกข้ายังพอทนได้ แต่นางก็ไม่ควรพูดถึงเฉินฟู่ ไม่ว่าจะพูดตรงๆ หรืออ้อมค้อม ไม่เพียงแค่บอกว่าเฉินฟู่เป็นหนอนหนังสือไร้ประโยชน์ แล้วยังยกเรื่องประท้วงขึ้นมาพูดอยู่บ่อยครั้ง ต้องการบอกเป็นนัยว่าเฉินฟู่จะต้องพบอันตรายเป็นแน่ แต่เดิมข้าคิดจะเดินจากไปไม่สนใจ แต่นางลากตระกูลถาวเข้ามาเกี่ยวด้วย คำพูดนั้นไม่น่าฟังมากเจ้าค่ะ”

 

 

“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรไปลงไม้ลงมือกับนางอยู่ดี” ถาวจวินหลันขมวดคิ้ว “เจ้าทำเช่นนี้ดูเป็นคนไร้เหตุผลยิ่ง” แต่อย่างไรก็ยังเป็นน้องสาวของตนเอง จะลำเอียงหน่อยก็ไม่แปลก “ตอนนั้นเจ้าคงไม่ได้เสียเปรียบหรอกกระมัง?”

 

 

ถาวซินหลันสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของพี่สาวตนเอง ใบหน้าโกรธขึ้งเมื่อครู่นี้จึงเปลี่ยนเป็นยิ้มสดใส เบิกบาน พูดอย่างยินดีว่า “ข้าจะเสียเปรียบได้อย่างไรเจ้าคะ? ตบนางไปทีหนึ่ง ข้าก็รีบผลักออกไป นางยังคิดจะตบคืนก็ถูกบ่าวห้ามเอาไว้เจ้าค่ะ”

 

 

ถาวจวินหลันสบายใจไปเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็มองถาวซินหลันด้วยใบหน้าตำหนิ “เจ้ายังยิ้มได้อีก! ดูสิว่าเจ้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”

 

 

แน่นอนว่าที่จริงแล้วเฉินฟู่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่ว่าพี่น้องไม่สามัคคี แต่พี่สะใภ้ใหญ่คนนั้นไม่ค่อยน่าคบค้าสมาคมนัก ก่อนหน้านี้เพิ่งแต่งงานคงไม่ดีที่จะพูดเรื่องนี้ออกมา ตอนนี้ก็ถึงแก่เวลาแล้ว

 

 

ถาวจวินหลันมองท่าทีของถาวซินหลัน ส่ายหน้าอย่างจนใจ “เรื่องอื่นช่างเถิด แต่แม่สามีของเจ้าคงรู้สึกไม่ดีเป็นแน่ นางดีกับเจ้า แต่เจ้ากลับก่อเรื่อวให้นางลำบากใจนัก”

 

 

พูดถึงเฉินฮูหยิน ถาวซินหลันก็ละอายใจ ก้มหน้าเม้มปากเงียบ ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกพอใจกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้วนางกลับรู้สึกผิดอยู่บางส่วน

 

 

“ถึงตอนนั้น เจ้ายังต้องลดตัวไปขอโทษอีก ไม่ใช่เพราะเหตุอื่น แต่เพื่อแม่สามีของเจ้า และเพื่อชื่อเสียงของตระกูลเฉิน” ถาวจวินหลันย่อมรู้ว่าถาวซินหลันสำนึกผิดแล้ว จึงพูดเกลี้ยกล่อม

 

 

ครั้งนี้ถาวซินหลันกลับพยักหน้าอย่างว่าง่าย

 

 

ถาวจวินหลันจึงเบาใจ ตบมือของถาวซินหลันเบาๆ แล้วถึงได้พูดเรื่องที่อยากพูด “อย่างไรเจ่าก็ต้องขอโทษ ตบคนอื่นไม่ใช่เรื่องถูกต้อง แต่สะใภ้ใหญ่ของตระกูลเฉินก็รังแกเจ้าเกินไป พวกเราก็ไม่ควรปล่อยไป วันหน้าข้ากับพี่ชายของเจ้าจะไปเรียกความยุติธรรมให้เจ้า ข้าอยากจะดูนัก ตระกูลถาวของพวกเรามีตรงไหนน่าขายหน้า!”

 

 

ถาวซินหลันเบิกตาโตทันที จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านพี่จะต้องคืนความยุติธรรมให้ข้าเป็นแน่เจ้าค่ะ”

 

 

หยุดไปครู่หนึ่ง ถาวซินหลันก็ขมวดคิ้วพึมพำ “หากท่านแสดงท่าทีเช่นนี้กับบรรดาอนุภรรยาของพี่เขยบ้าง พวกนางก็คงยอมศิโรราบไปนานแล้วกระมัง?”

 

 

ถาวจวินหลันมองถาวซินหลันวูบหนึ่ง ให้คนที่อยู่ในห้องถอยออกไป แล้วถึงพูดเสียงเบาว่า “เจ้าอยากพูดเรื่องนี้มานานแล้วใช่หรือไม่? เอาเถิด ในเมื่อเจ้าใส่ใจเช่นนี้ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเลยทีเดียวก็แล้วกัน”

 

 

ถาวซินหลันจึงตั้งใจฟังอย่างไร

 

 

ถาวจวินหลันพูดช้าๆ “อย่างแรก นายหญิงภายในจวนนั้นน้อยมาตั้งแต่แรก หากข้าลงมือโหดเ**้ยมอีก ถ้าเช่นนั้นจำนวนคนภายในจวนจะต้องลดลงอย่างมาก เจ้าว่าไทเฮาจะเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ? ฮองเฮาจะเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ? แม้แต่ทางฮ่องเต้เองก็ไม่อาจเห็นด้วย อย่างที่สองหากในจวนคนเยอะ ก็จะหาความสงบไม่ได้ไปตลอด ถ้าจะให้คนใหม่เข้าวุ่นวาย ถึงเวลานั้นต้องทุ่มแรงทุ่มใจจับทางวิธีอีก ไม่สู้เก็บคนที่ข้ารู้ทางเอาไว้จะดีกว่า ในตอนนี้ที่ยังเหลืออยู่ ล้วนมีไพ่ตายอยู่ในมือข้าทั้งนั้น ถ้าอยากจะจัดการก็เพียงแค่เอ่ยปากพูด อย่างที่สามพวกนางรับใช้ปรนนิบัติท่านอ๋องมาหลายปี หากข้าโหดร้ายใส่ ก็เป็นการทำร้ายชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของข้าก็เท่านั้น อย่างที่สี่ที่เมตตาพวกนางก็เพราะว่าท่านอ๋องเอาพวกนางมาเป็นโล่กำบัง ข้าย่อมต้องให้ความร่วมมือ อีกอย่างเขาก็ต้องคิดว่าข้าใจกว้าง มีน้ำใจ หนทางสามีภรรยานั้นอยู่ที่เจ้าเคารพข้าหนึ่งนิ้ว ข้าก็ต้องคืนให้เจ้าหนึ่งจั้ง การบีบบังคับนั้นก็เป็นเพียงการทำลายความสัมพันธ์เท่านั้นเอง ข้าอดทนได้ เขาย่อมต้องรู้ แล้วก็ต้องคิดถึงข้ามากขึ้น เจ้าว่าใช่เหตุผลนี้หรือไม่?”

 

 

เจียงอวี้เหลียนมีเซิ่นเอ๋อร์ แต่เดิมนั้นก็ไม่อาจไปยุ่งได้ง่ายอยู่แล้ว จิ้งหลิงในตอนนี้ก็ใช้ได้ แน่นอนว่านางย่อมไม่ไปทำอะไร ส่วนกู่อวี้จือ ถึงจะไม่ได้รับโปรดปรานอย่างไรก็ยังถือว่าเป็นคนที่ไทเฮาประทานให้ ที่สำคัญที่สุดคือกู่อวี้จือขี้ขลาด หลายเรื่องที่นางอาจจะมีส่วนร่วม แต่ก็เป็นการกระทำเล็กๆ เท่านั้น เพียงแค่หวังถึงผลประโยชน์ส่วนตนของนางเท่านั้น นางเองก็ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไร ส่วนถาวจือ นางอยากจะรู้ว่าแท้จริงแล้วถาวจือและฮองเฮามีความเกี่ยวข้องอะไรกันแน่

 

 

แน่นอนว่าที่เก็บคนเหล่านี้เอาไว้เพราะจะได้เป็นโล่กำบัง นางไม่อยากให้ใครหาเหตุผลมายัดเยียดคนเข้าจวนอีก ถ้าจะต้องให้คนใหม่เข้ามาสร้างเรื่องวุ่นวาย ไม่สู้ว่าวุ่นวายกับผู้หญิงที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจเหล่านี้ดีกว่า อย่างน้อยเรื่องหลี่เย่จะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน นี่ก็ถือว่าเป็นความเห็นแก่ตัวของนางด้วยกระมัง?

 

 

ไม่ใช่ว่าไม่วางใจหลี่เย่ แต่เพราะเกิดเรื่องใช้ยาขึ้นหลายครั้ง เรื่องเช่นนั้นไม่เพียงทำให้เจ็บปวด แล้วยังทำให้หลี่เย่เสียหน้า ทำให้จวนตวนชินอ๋องเสียหน้า

 

 

ถาวจวินหลันพูดขนาดนี้ในคราวเดียว ไม่เพียงแค่กำลังอธิบายสาเหตุที่ตนเองใจอ่อน มีเมตตามาตลอดเท่านั้น แล้วยังเป็นการสอนน้องสาวคนนี้ของตน เหตุผลเหล่านี้ไม่เพียงแค่เหมาะจะใช้กับนาง บิดสักเล็กน้อยก็สามารถใช้ได้กับเรื่องมากมาย

 

 

ถาวซินหลันฟังจบก็ทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” นางถึงว่าตั้งแต่เมื่อไรกันที่นิสัยของพี่สาวตนเองดีขนาดนี้

 

 

“เจียงซื่อมีลูกแต่ไม่อาจเลี้ยงได้ แล้วยังไม่ได้รับความโปรดปราน นางไม่มีอะไรน่ากลัว ไม่สามารถพัดคลื่นลูกใหญ่ได้อีก กู่อวี้จือยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถาวจือก็ไม่ต้องพูดมากความ เจ้าว่าข้าจำเป็นจะต้องเสียเวลากับพวกนางด้วยหรือ? เทียบกับพวกนาง ข้ายังยอมจะใส่ใจคนข้างกายพวกนางให้มากเสียหน่อย เรื่องที่เกิดในจวนครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าบ่าวรับใช้เป็นคนทำอย่างนั้นหรือ?” ถาวจวินหลันพูดพลางจิบน้ำชาพลาง พูดมากเช่นนี้นางเริ่มรู้สึกกระหายขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

เทียบกับเรื่องที่เจ้านายที่มีขีดจำกัดสร้างขึ้นมานั้น กลับเป็นบ่าวรับใช้ที่อยู่ในเงามืดที่จะสร้างเรื่องขึ้นมาอย่างง่ายดาย อย่างไรซะผู้หญิงในเรือนในสร้างเรื่องไปสร้างเรื่องมา ก็มีวิธีอยู่เพียงไม่เท่าไรเองไม่ใช่หรือ?

 

 

พูดตามจริงก็คือเรื่องที่ตอนนี้พวกนางวุ่นวายขึ้นมานั้น มากที่สุดก็ทำให้นางไม่พอใจเท่านั้นเอง ไฉนเลยจะถึงขั้นสั่นคลอนตำแหน่งของนาง? ดังนั้นมีอะไรต้องกลัว?

 

 

“สายตาของท่านพี่ช่างกว้างไกลนักเจ้าค่ะ ข้าเทียบไม่ได้เลย” ถาวซินหลันถอนหายใจ ยอมรับความจริงข้อนี้

 

 

ถาวจวินหลันเห็นท่าทีเช่นนี้ของถาวซินหลันก็หัวเราะออกมา “นี่มีอะไรให้เปรียบเทียบกัน? เจ้าเองก็ไม่ต้องมาเทียบกับข้า เจ้าไม่ได้พบเรื่องน่าหงุดหงิดใจเช่นนี้หรอก”

 

 

เป็นเช่นนั้นจริง เรื่องการแต่งงานของถาวซินหลันนั้น ต่อจากนี้ไปล้วนราบรื่น ตะกูลเฉินไม่มีทางอนุญาตรับอนุภรรยา ดูจากความรักและการให้ความสำคัญของเฉินฟู่ที่มีต่อถาวซินหลันแล้ว นอกจากถาวซินหลันจะไม่มีลูกให้จริงๆ หรือว่าถาวซินหลันไม่ได้คิดยัดคนให้เฉินฟู่ เช่นนั้นเรือนของพวกเขาก็ไม่มีทางมีอนุภรรยาอย่างแน่นอน ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบ

 

 

เพราะเป็นพี่สาวดูการแต่งงานของน้องสาวตนเองราบรื่น ความรู้สึกเช่นนั้นไม่เพียงแค่รู้สึกอุ่นใจและพอใจเพียงเล็กน้อย เฉินฟู่ดีมากแล้ว คนเราไม่อาจละโมบโลภมากได้

 

 

“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็อยู่ทานของว่างด้วยกันก่อนกลับเถิด คิดว่าถึงเวลาเฉินฮูหยินคงจะกลับมาแล้วไถาวจวินหลันพูดติดตลก ถลึงตามองถาวซินหลัน ให้คนยกของว่างข้ามา “นี่เป็นแป้งทอดไส้ถั่วเขียวที่ข้าทำวันนี้ เจ้าลองชิมดู”

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งกินของว่างเข้าไปคำเดียว ถาวซินหลันก็อาเจียนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ และในตอนนี้ทางด้านตระกูลเฉินก็มารับถาวซินหลันกลับไป