ส่วนที่ 4 ตอนที่ 126 สีสันหลากสี

ความลับแห่งจินเหลียน

ดวงตาของซีเหมินจินเหลียนลุกวาวขึ้นเช่นกัน ราวกับดวงดาวที่เปล่งประกาย แม้ความสดใสจะน้อยกว่าคุณนายซู แต่กลับมีความเยือกเย็นแทรกแซงเพิ่มเข้ามา

 

ทุกคนต่างก็รู้สึกเช่นกันว่าข้อเสนอในการเดิมพันของคุณนายซูนี้ออกจะเกินไป นี่มันไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง แค่เปรียบเทียบระหว่างหินหยกของใครดีกว่ากันเท่านั้น ไม่เหลือพื้นที่กลิ่นอายแห่งการเดิมพันแล้ว

 

แต่คุณนายซู ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เธอกลับพูดกับซีเหมินจินเหลียนว่า “เป็นอย่างไรน้องสาว ไม่กล้าที่จะเดิมพันเรื่องนี้ใช่ไหมล่ะ?”

 

“ตกลงค่ะ ถ้าใครแพ้ คนคนนั้นก็ต้องควักดวงตาคู่นั้นของตัวเองออกมา และหลังจากนี้ก็ไม่ต้องเดิมพันอะไรอีก!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างสงบนิ่ง

 

“ดีนี่ๆ!” คุณนายซูปรบมือ มุมปากแสยะยิ้มอย่างหยิ่งผยองดีใจ เธออยากจะเห็นจริงๆ ว่าวันนี้ซีเหมินจินเหลียนจะเอาอะไรมาชนะเธอ แต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเธอนั้นกลับมีความเหน็บหนาวปรากฏอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ

 

ในห้องรับแขกของงานนิทรรศการที่หรูหรานี้ มีอยู่คนหนึ่งที่กำลังมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ในงานนิทรรศการทั้งหมด ใบหน้าของคุณนายอวิ๋นส่งยิ้มร้ายมีพิษสง ในที่สุดก็หลอกเธอให้ตกลงมาในกับดักจนได้ แค่ซูหงพูดจาท้าทายเธอเข้าหน่อย เธอก็ทนไม่ได้แล้วหรือ? ในเมื่อคืนนี้เธอกล้าที่จะเดิมพัน อย่างนั้นตนก็จะทำลายดวงตาที่หาเรื่องคู่นั้นของซีเหมินจินเหลียนเสีย ก็อยากจะรู้นักว่าถ้าหากชายแก่ท่านนั้นไม่มีซีเหมินจินเหลียนแล้ว เขาจะเอาอะไรมาสู้กับเธอได้อีก?

 

เขามันก็อยู่นานจนเกินไปแล้ว ทำไมถึงยังไม่ตายไปสักที! เมื่อคิดถึงคนคนนั้น คุณนายอวิ๋นก็กำมือแน่น ใบหน้าที่ได้รับดูแลทะนุถนอมอย่างดี บัดนี้มีริ้วรอยเป็นเส้นๆ ปรากฏขึ้น

 

บนเวทีในที่สุดจ่านป๋ายก็เจียระไนหินหยกออกมาได้เสร็จ เขานำหินหยกในมือออกมาล้างในน้ำใสสะอาด จากนั้นเขาแทบที่จะไม่เชื่อดวงตาคู่นั้นของตัวเองเลย

 

นี่คือแสงแรกในยามเช้าหรือว่าตะวันกำลังขึ้น หรือว่านี่จะยังไม่ถือว่าสวยอีกหรือ? ในตำนานตอนที่พระพุทธเจ้าปรากฏตัวขึ้น ท้องฟ้าจะมีเมฆสายรุ้งเผยให้เห็น? หรือว่านี่จะเป็นเมฆสายรุ้งที่เหมือนในตำนานพุทธศาสนา?

 

จ่านป๋ายล้างหินหยกให้สะอาด ก่อนจะยกสองมือโอบอุ้มหินหยกนั้นไปวางตรงตำแหน่งหมายเลขสิบเอ็ดกลางเวที

 

ภายใต้แสงไฟ ในบรรดาหินหยกทั้งหมดต่างอันแสงมัวหมองไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าหินหยกหมายเลขสิบสี่จะสวยมากสักเพียงใด แต่ในเวลานี้ก็ถูกบดบังจนหลงลืม

 

หินหยกก้อนนี้เป็นเนื้อแก้วไร้สีเช่นกัน ความนุ่มลื่นครบครัน ความโปร่งใสสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบกับหินหยกหมายเลขสิบสี่แล้ว หินหยกก้อนนี้ก็ดูจะเป็นทรงรีหน่อย แต่ตรงกลางมีสีรุ้งอยู่ตรงนั้น ราวกับฉายเส้นรังสีเข้าไป เผยให้เห็นสีทั้งห้า นั่นก็คือสีแดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน ม่วง

 

ถ้าเพียงเท่านี้ก็คงทำให้ผู้คนทั้งหมดแค่ส่งเสียงออกมาอย่างตกใจเท่านั้น แต่ในระหว่างห้าสีนั่น กลับมีลำแสงที่เห็นได้ชัดอยู่สิบสี

 

ห้าแสงสิบสี!

 

หินหยกก้อนนี้เล็กเกินไปจริงๆ เล็กจนอาจจะทำได้แค่จี้แหวน แต่สีสันของมันนั้น ทำให้จิตใจของผู้คนในงานไม่กล้าแม้กระทั่งถอนหายใจออกมา พระเจ้า! นี่ต่างหากถึงเรียกว่าหยก หยกของจริง!

 

กลุ่มคนเมื่อสักครู่ที่ทะเลาะกันเพราะอยากจะให้คณะกรรมการประกาศผล ตอนนี้กลับปิดปากเงียบสนิท รู้สึกเสียใจที่สายตาตัวเองไม่เฉียบแหลม ใต้ฟากฟ้าที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีความมหัศจรรย์ที่ไหนที่ไม่เกิดขึ้น หยกลักษณะงดงามขนาดนี้ ตามความจริงก็อยู่แค่ในตำนานเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมาปรากฏต่อสายตาผู้คนในงานทั้งหมด

 

ในห้องนิทรรศการเงียบไปประมาณสิบกว่านาที ก่อนที่ทุกคนจะส่งเสียงเริ่มพูดคุยเจรจากัน

 

“พี่ซูคะ…” ซีเหมินจินเหลียนมองคุณนายซู “พี่ก็พยายามจะเสนอให้ฉันเดิมพันบ้าๆ นี้มาโดยตลอด ตอนนี้ฉันก็ทำให้พี่สมปรารถนาแล้ว นี่ก็คือผลลัพธ์ของมัน เกรงว่าพี่สาวคงไม่ค่อยยินดีที่จะรับมันไว้เท่าไหร่ใช่ไหมคะ?”

 

สีหน้าของคุณนายซูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เธอคิดไม่ถึงว่าบนโลกใบนี้จะมีหินหยกลักษณะอย่างนี้เหลืออยู่ นี่เป็นไปได้อย่างไร? ดูอย่างไรก็เหมือนลูกปัดแก้วเม็ดหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทาง! นี่ก็ไม่รู้ว่าซีเหมินจินเหลียนเล่นสกปรก ใช้ลูกปัดแก้วมาแทนที่หยกหรือเปล่า?

 

“การเดิมพันในคืนทำให้ผู้คนได้เปิดโลกกว้างเสียจริงๆ!” ในที่สุดมีคณะกรรมการยืนขึ้นมาพร้อมเอ่ยปาก

 

“เดี๋ยวก่อน!” จู่ๆ คุณนายซูก็พูดขึ้น

 

“ครับ?” คณะกรรมการสงสัยและรีบพูดขึ้น “คุณนายซูมีอะไรจะเสนอแนะหรือครับ?” คุณนายซูเป็นถึงหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ ทำธุรกิจการค้าหยกโดยเฉพาะ ในเมื่อเวลานี้เธอออกมาพูด แสดงว่าต้องมีความคิดเห็นอะไร

 

“ฉันสงสัยว่า นี่อาจจะไม่ใช่หยก!” คุณนายซูมองซีเหมินจินเหลียนอย่างเยียบเย็น ก่อนจะพูดขึ้น

 

เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกไปแล้ว ผู้คนก็ต่างพากันวุ่นวาย ส่งเสียงซุบซิบพูดคุยกัน ส่วนซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ไม่ใช่หยกหรือ? แล้วนี่จะเป็นอะไรได้อีก?

 

คณะกรรมการได้ยินแล้วยิ้มร่า “คุณนายพูดถูกแล้ว ที่จริงหยกแบบนี้ก็ไม่สามารถนับว่าเป็นหยกได้ นี่คือหยกมหัศจรรย์ หาได้ยากบนโลกใบนี้ เป็นหยกที่ล้ำค่าที่หาสิ่งใดเปรียบ!”

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วจู่ๆ ก็อยากหัวเราะออกมา คำพูดของคณะกรรมการกับคุณนายซู ก็เปรียบเหมือนไก่พูดกับเป็ด พูดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ 

 

“ไม่…” คุณนายซูส่ายหัวปฏิเสธกลับ “คุณเจียง คุณเข้าใจความหมายของฉันผิด ฉันบอกว่าหยกที่สวยเกินความจริงเม็ดนี้ บางทีมันอาจจะไม่ใช่หยกก็ได้ อาจจะเป็นแค่ลูกปัดแก้วที่ทำให้สวยงามขึ้นเท่านั้น! ฉันเปิดบริษัทอัญมณีนะ ในชีวิตนี้ก็พบเจอหยกมาไม่น้อย ตอนนี้ฉันอยากจะสัมผัสให้รู้กับตนเอง เพื่อพิสูจน์ว่าจริงไหม”

 

“คุณนายซู ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้ก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันนะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาท!” แม้ซีเหมินจินเหลียนจะไม่ได้พูด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะไม่พูด ฉินเฮ่าขมวดคิ้วยืนจ้องคุณนายซู

 

“อ้อ คุณฉินนี่เอง!” คุณนานซูยิ้มเยาะ “ได้ยินมาว่าคุณก็เป็นคนเลื่อมใสในตัวซีเหมินจินเหลียนมากเหมือนกันสินะ?”

 

“ผู้หญิงที่สวยล้ำค่า ย่อมเป็นคู่ครองที่ดีของสุภาพบุรุษ” ฉินเฮ่าไม่ได้ปิดบังว่าเขากำลังตามจีบ                     ซีเหมินจินเหลียน

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นคนที่ไม่เข้าใจในหยกเลยสักนิด แล้วมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาพูดเช่นนี้?” คุณนายซูยิ้มแย้ม

 

“คุณนายซูพูดจากล่าวหาคนอื่นแบบนี้ ผมก็รู้สึกทนไม่ได้อยู่บ้าง ตอนนี้คุณยังมาพูดจาไร้สาระแบบนี้อีก หยกก้อนนี้ก็เจียระไนต่อสายตาของสาธารณชน คุณก็เห็นว่าพวกเขาตาบอดอย่างนั้นหรือ?” ฉินเฮ่าโต้กลับ

 

“ถ้าหากคุณซีเหมินไม่ได้เล่นสกปรกจริง อย่างนั้นให้ฉันดูหน่อยจะเป็นไรไป?” คุณนายซูพูดอย่างเยียบเย็น “ผู้เชี่ยวชาญในการเจียระไนวันนี้มีตั้งสิบกว่าคนที่มีประสบการณ์ ทำไมเธอถึงไม่ใช้ แต่กลับไปเลือกคนของตัวเองที่ไม่มีประสบการณมาเป็นคนเจียระไนแทน? เมื่อสักครู่ตอนที่เจียระไนหิน ทุกคนก็คงจะเห็นแล้วว่าคนคนนี้ก็ไม่ได้เข้าใจในการเจียระไนหินเลยสักนิด” พูดพลางเธอก็ชี้สื่อไปทางจ่านป๋าย

 

จ่านป๋ายตอบกลับเธอไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “การเจียระไนหิน ขอแค่สามารถเจียระไนหยกออกมาได้ก็พอแล้วนี่ครับ เรื่องอื่นก็สำคัญด้วยเหรอ?”

 

คุณนายซูยิ้ม “เดิมทีก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมซีเหมินจินเหลียนถึงย้ำอยู่นั่นว่าต้องการให้คุณมาเป็นคนเจียระไนหิน ที่แท้เธอก็อยากจะให้คุณช่วยเธอสับเปลี่ยนหยกสินะ?”

 

“คุณนายซูก็ดูถูกผมเกินไปแล้วนะครับ!” จ่านป๋ายยิ้ม เปลี่ยนหินอย่างนั้นเหรอ เขาเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเปลี่ยนอีก “สายตาของทุกคนจ้องมองอยู่แบบนั้น ผมจะไปมีความสามารถเปลี่ยนหินได้อย่างไร แต่ผมกลับสงสัยว่าที่คุณนายซูพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ในเมื่อคุณสงสัยว่าหยกเม็ดนี้เป็นของจริงหรือไม่ ตอนนี้คณะกรรมการในสถานที่แห่งนี้ก็มีตั้งมากมาย นักเดิมพันผู้เชี่ยวชาญก็มีอยู่เยอะ อย่างนั้นให้พวกเขามาช่วยตัดสินก็ได้แล้ว ส่วนคุณก็ช่างมันเถอะ ผมเชื่อใจคุณไม่ได้จริงๆ หยกมหัศจรรย์ก้อนนี้ผมปล่อยให้ผ่านมือคุณไม่ได้จริงๆ”

 

ซีเหมินจินเหลียนเผยยิ้มออกมา จ่านป๋ายก็หันไปพูดกับคณะกรรมการที่พูดอยู่เมื่อสักครู่  “คุณครับ คุณลองตรวจสอบดูก่อนก็ได้ ผู้ที่ต้องการตรวจสอบความจริงเท็จของหยกก้อนนี้ คืนนี้สามารถตรวจสอบดูได้ แต่ขอให้มาทีละท่าน อย่าได้กรูกันเข้ามาทีเดียว อีกอย่างหยกก้อนนี้ก็ไม่สามารถคลาดไปจากสายตาผมได้เด็ดขาด”

 

หยกที่มีมูลค่าหายากแบบนี้ เขาก็ไม่อาจวางใจได้จริงๆ ถ้าหากทำหายไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาคืนจากที่ไหน?

 

เห็นได้ชัดว่าคณะกรรมการมีอาการตื่นเต้นดีอกดีใจ รีบเดินกรูเข้ามาแล้วยื่นมือไปหยิบหยกเม็ดนั้นไว้ในมือ เมื่อหยกอยู่ในมือ เขาก็รู้ว่านี่เป็นหยกจริงแท้แน่นอน มีแต่หยกเท่านั้นที่สามารถมีพื้นผิวที่ละเอียดอ่อนได้ และมีแค่หยกที่สามารถเงางามและชุ่มชื้น ส่องแสงเป็นประกายเข้ามาในดวงตาได้

 

บนเวที คณะกรรมการทั้งหมดต่างดูกันหมดแล้ว ทุกคนมีความเห็นพ้องตรงกันว่าหยกเม็ดนี้เป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก เมื่อขัดมันเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก ก็ยิ่งเพิ่มแสงวาววับสะดุดตายิ่งขึ้น

 

นักเดิมพันจำนวนหนึ่งที่ไม่มีคุณสมบัติ แม้ว่าจะอยากมาสัมผัสตรวจเช็คดูสักครั้งก็ไม่สามารถทำได้ แต่มีคนหนึ่งที่เดินมาบนเวทีแล้ว

 

เจียหยวนฮวาพูดขึ้นว่า “คุณจ่าน ผมขอสัมผัสมันได้ไหม?”

 

จ่านป๋ายถอยหลังไปหนึ่งก้าวและทำท่าทางเชื้อเชิญให้เขาเข้าไป

 

เจียหยวนฮวาชื่นชมภายใต้แสงไฟอยู่สักครู่และได้วางหยกลงพร้อมพูดว่า “ผมสามารถใช้ฉายาของผมมารับประกันได้เลยว่า นี่เป็นหยกจริงแท้แน่นอน บอกว่าลูกปัดอะไรกัน นั่นมันก็เป็นคำพูดเหลวไหลสิ้นดี!”

 

เขามีฉายาที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาแห่งการเดิมพันหยก ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ แน่นอนว่ารับประกันแล้วว่าหินหยกก้อนนี้เป็นของแท้ ไม่ต้องมาสงสัยอะไรกันแล้ว คณะกรรมการในงานทุกคนเป็นผู้นำของสมาคมเครื่องเพชรพลอย พวกเขามีอำนาจในการประเมินตนเองและได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้เครื่องมือใดๆ ในการตรวจสอบ แต่ความแท้จริงของหยกก้อนนี้ไม่มีข้อสงสัยต้องกังขาอีกต่อไป

 

“ความจริง ผมยังสามารถใช้อีกวิธีพิสูจน์ได้ นี่เป็นหยกที่หาได้ยาก และไม่ใช่ลูกปัดแก้วอะไรนั่น” จู่ๆ จ่านป๋ายก็ทำท่ามีลับลมคมในพูด “ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะครับ แต่ในเมื่อมีคนตั้งข้อสงสัยขึ้นมา ก็ต้องทำให้คนยอมรับเชื่อใจกันหน่อย”

 

สีหน้าของคุณนายซูไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าคุณจ่านมีวิธีอะไรพิเศษในการพิสูจน์?”

 

“ช่วยยกอ่างใส่น้ำสะอาดมาทางนี้ทีครับ” จ่านป๋ายบอกกับผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ

 

น้ำสะอาดถูกยกมาอย่างรวดเร็ว จ่านป๋ายหยิบหยกมาอย่างระมัดระวังและนำมันใส่ลงไปในน้ำสะอาด ไม่นานน้ำใสสะอาดทั้งอ่างก็เป็นสายรุ้งขึ้น ในน้ำมีสีหลากหลายคอยเปล่งประกายอย่างสดใส

 

ทุกคนมองหน้ากันอีกครั้ง และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาอีก จ่านป๋ายจึงพูดขึ้นว่า “คุณนายซู ขอแค่คุณหาลูกปัดแก้วมาได้ และหากมันมีคุณสมบัติเช่นนี้ ผมก็จะยอมรับว่านี่เป็นลูกปัดแก้ว และเงานเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้ก็จะถือว่าพวกเราเป็นฝ่ายแพ้ ผมจะเอาดวงตาของผมควักออกมาให้คุณ!”

 

คณะกรรมการไม่จำเป็นต้องประกาศผลแล้ว ที่หนึ่งในงานเดิมพันหินใหญ่คืนนี้แน่นอนว่าต้องตกเป็นของซีเหมินจินเหลียน แต่สิ่งที่ทำให้ผู้จัดงานต้องกระอักเลือดก็คือ ซีเหมินจินเหลียนก็ได้วางเดิมพันหินหยกหมายเลขสิบเอ็ดของตัวเองด้วยเงินสดราคาห้ารอยล้าน