ตอนที่ 330 อาหารเช้ามื้อใหญ่ / ตอนที่ 331 ฉันไปกับคุณ

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 330 อาหารเช้ามื้อใหญ่

 

 

เธอมาคลุกอยู่ที่ครอบครัวสกุลอวิ๋นตั้งแต่เด็ก คนรับใช้ในสกุลอวิ๋นแทบจะถือเธอเป็นคุณหนูใหญ่ของบ้าน ขาดเพียงก้าวเดียว นั่นคือรับอวิ๋นเว่ยเป็นพ่อ กลายเป็นลูกสาวบุญธรรมของเขา เรื่องนี้ก็จะสำเร็จ

 

 

คิดไม่ถึงว่าทางด้านแม่เฒ่านั้นไม่มีปัญหา นายท่านผู้เฒ่าก็ไม่คัดค้าน คิดไม่ถึงว่าจะมีนางจิ้งจอกน้อยมาคาบสิ่งที่เธอบ่มเพาะมาตั้งแต่เล็กไปกลางคัน

 

 

จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้ยังไง สกุลฝานฝากความหวังไว้ที่เธออย่างใหญ่หลวง ทุ่มไปมากแค่ไหนแล้ว จะยอมถอยอย่างนี้หรือ เพราะมาที่บ้านสกุลอวิ๋นเป็นประจำ ส่งผลให้เธอห่างเหินกับปู่ย่าของตัวเอง ทางนั้นจึงรู้สึกว่าเธอแปลกหน้า

 

 

นับจากนี้ถ้าทางนี้หนทางไม่สะดวก เส้นทางที่จะกลับไปก็ยิ่งเต็มไปด้วยขวากหนาม

 

 

“ต้องทำให้เร็ว!” พอพูดคำนี้เสร็จก็ได้รับเสียงขานรับ ฝานเจียวเจียวจึงโยนมือถือลงบนเก้าอี้ข้างคนขับ เหยียบคันเร่งอย่างแรง รถพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกธนู

 

 

อีกด้านหลังจากวางสายแล้ว ก็หยิบสมุดโน้ตมาจดไว้ แล้วเริ่มติดต่อคน

 

 

ทางอีลั่วเสวี่ยไม่รู้เลยว่าการที่เธอมีตัวตนอยู่จะทำให้มีคนไม่สบายใจ ฝ่ายนั้นเริ่มเครียดและถือเธอเป็นศัตรู

 

 

เช้าตรู่วันต่อมา เธอขยี้ตาที่ยังสลึมสลือ แล้วหาวหวอด เกาผมบนศีรษะ ล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินลงไปชั้นล่าง “อาเหมา เช้านี้กินอะไรคะ?”

 

 

ขณะที่พูดเธอยังคงหรี่ตาอยู่ เมื่อคืนวุ่นอยู่จนดึกดื่นจึงได้นอน จากนั้นยังบำเพ็ญเพียร ไม่รู้ว่าเพราะมีเรื่องในใจหรือไม่ ทำให้การบำเพ็ญเพียรไม่เหมือนปกตินัก ร่างกายยังอ่อนเพลียด้วย

 

 

เพียงแต่สภาพจิตใจยังดีกว่าคนที่อดนอนทั่วไปบ้าง

 

 

“ข้าวต้มข้างฟ่างกับผักดอง รวมทั้งซาลาเปากับสปาเกตตี คุณคิดว่าเป็นยังไง?” เสียงที่มีเสน่ห์ดึงดูดและเปี่ยมด้วยความรักดังเข้าหูอีลั่วเสวี่ย เธอลืมตาขึ้นทันที

 

 

ขาอยากหยุดเดิน แต่ก็ยังก้าวไปข้างหน้า กระโดดติดกันสามก้าวแล้วจึงจับราวบันไดไว้ เฉวียนหมิงซึ่งอยู่ข้างล่างตกใจจนหน้าซีด

 

 

“ระวังหน่อย ดูบันไดด้วย” คราวก่อนที่เธอกลิ้งตกบันไดลงมา เขารู้สึกว่าหัวใจตัวเองหยุดเต้นไปแล้ว เขาไม่อยากเห็นฉากนี้ปรากฏตรงหน้าตัวเองเด็ดขาด

 

 

อีลั่วเสวี่ยยิ้มเจื่อนๆ “ค่ะ ฉันรู้แล้ว จริงสิ คุณตื่นเช้ามากเลย?” เธอพูดพลางเดินลงบันไดมา ใบหน้าแดงเรื่อเพราะการกระทำเมื่อครู่

 

 

เฉวียนหมิงคาดผ้ากันเปื้อน คลายความวิตกเมื่อเห็นเธอไม่เป็นไร “อืม เมื่อกี้เหล่าเกาโทรมา บอกว่าทางบริษัทมีงาน บวกกับปกติผมตื่นเช้าอยู่แล้ว จึงมาเตรียมมื้อเช้า”

 

 

เฉวียนหมิงพูดจบก็เดินเข้าไปในครัว ยกข้าวต้มข้าวฟ่างและสปาเกตตีที่ร้อนกรุ่นออกมา เขากะเวลาที่อีลั่วเสวี่ยจะลงมาไว้แล้ว ทำอาหารเช้าเสร็จพอดี

 

 

อาเหมายกชามและตะเกียบรวมทั้งผักดองออกมา ยิ้มหน้าระรื่น มีผู้ชายอย่างเฉวียนหมิงซึ่งออกหน้าในงานสังคมได้ ยังเข้าครัวได้ด้วย คุณหนูใหญ่ของพวกเขาไม่ลำบากแน่ ดีจริง

 

 

“ทางบริษัทมีงาน ยุ่งมากหรือคะ?” อีลั่วเสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือเพราะเมื่อคืนเข้าค้างที่นี่ ทำให้เสียงาน

 

 

เฉวียนหมิงสั่นศีรษะ แล้วตักสปาเกตตีให้อีลั่วเสวี่ย “ไม่ต้องห่วง ก็แค่งานที่ส่งไปมาระหว่างกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในกรุ๊ป รับนี่ไว้” พูดพลางยื่นจานสปาเกตตีให้เธอ

 

 

ขณะเดียวกันอาเหมาวางชามข้าวต้มข้างฟ่างไว้ตรงหน้าเธอ เธอจึงเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่มีคนคอยเอาใจ เพียงแต่กินเท่านั้น

 

 

“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดขอบใจอาเหมาและเป็นการขอบใจเฉวียนหมิงด้วย

 

 

เธอใช้ช้อนตกข้าวต้ม เป่าให้เย็น ข้าวต้มข้นกำลังดีไม่เหนียวเกินไป ดูเหมือนเฉวียนหมิงจะทำกับข้าวเก่งขึ้นเรื่อยๆ เกือบจะใกล้เคียงกับพ่อครัวที่มีชื่อเสียงแล้ว

 

 

“อร่อยไหม?” เฉวียนหมิงยังคงเหมือนเดิม มองดูอีลั่วเสวี่ยตาไม่กะพริบด้วยแววตาคาดหวัง รอเธอให้คะแนน

 

 

 

 

ตอนที่ 331 ฉันไปกับคุณ

 

 

“อร่อยค่ะ!” อีลั่วเสวี่ยชมเต็มที่ ยังชูนิ้วโป้งขึ้นด้วย กินสปาเกตตีคำ กินข้าวต้มข้าวฟ่างคำ ท่าทางเอร็ดอร่อย

 

 

เวลานี้ดูแล้ว คนอย่างเฉวียนหมิงไม่มีที่ติจริงๆ อีลั่วเสวี่ยรู้สึกภูมิใจที่ตนเองเลือกผู้ชายอย่างนี้

 

 

“คุณเองก็กินสิ ไม่งั้นจะเย็น” จริงสิ คำชมของเธอสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ ต้องรอให้เธอพูดก่อนเขาจึงจะเริ่มกิน

 

 

เฉวียนหมิงพยักหน้า “อืม อืม” จากนั้นก็เอาอย่างอีลั่วเสวี่ย กินข้าวต้มสลับกับสปาเกตตี อาเหมาดูแล้วยิ้มที่มุมปาก

 

 

ระหว่างการกินอาหาร อาเหมาพยายามลดความรู้สึกว่ามีตนเองอยู่ให้มากที่สุด มองดูอย่างเงียบๆ เห็นทั้งสองคนคอยมองดูกันเป็นระยะ ส่งสายตาแสดงความรักต่อกัน

 

 

“เดี๋ยวฉันเก็บเอง พวกคุณไปทำธุระของตัวเองเถอะ” อาเหมาเห็นเฉวียนหมิงและอีลั่วเสวี่ยลุกขึ้นทำท่าจะช่วยเก็บโต๊ะ จึงร้องห้าม แล้วกินข้าวต้มกับผักดองต่อ ทำท่าเหมือนยังกินไม่อิ่ม อีกเดี๋ยวจะเก็บโต๊ะเอง

 

 

อีลั่วเสวี่ยกับเฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้นจึงล้มเลิกความตั้งใจ

 

 

“งั้นไปเดินเล่นที่สนามดีไหม วันนี้อากาศดี” เฉวียนหมิงพูดชวน ข้างนอกแสงแดดสดใส อากาศสดชื่น ถือว่าสภาพอากาศดีมาก

 

 

“ดีเลยค่ะ” อีลั่วเสวี่ยขานรับ ทั้งคู่เดินออกไป มีอาเหมาอยู่ด้วย บอกตามตรงว่าไม่ค่อยคุ้น ต่อหน้าผู้ใหญ่ ย่อมไม่สามารถพูดอะไรได้เต็มที่

 

 

อาเหมากินข้าวต้มคำสุดท้ายพลางมองตามหลังทั้งคู่ไป เขาเองยอมลำบากเพื่อสร้างโอกาสให้หนุ่มสาวคู่นี้ ถึงกับรอกินข้าวต้มอยู่เป็นสุดท้าย

 

 

ที่สนามแสงแดดกำลังอุ่นดี ดอกไม้ที่อาเหมาดูแลอย่างดียังมีน้ำค้างเกาะอยู่ พอถูกแสงแดดก็สะท้อนส่องประกายแวววาว บนสนามหญ้ามีทางสายเล็กๆ ที่คดเคี้ยว ล้อมรอบคฤหาสน์ ส่วนถนนสายหลักตรงออกไปด้านนอก

 

 

ทั้งคู่เดินไปตามทางสายเล็ก รู้สึกถึงอากาศบริสุทธิ์พัดมากระทบใบหน้า พร้อมกับแสงแดดที่อบอุ่นและลมอ่อนๆ ทำให้จิตใจสงบเป็นพิเศษ แดดส่องศาลาในสนามจนดูอบอุ่นงดงาม

 

 

อีลั่วเสวี่ยพาเฉวียนหมิงมานั่งในศาลา หันข้างรับแดดเล็กน้อย เหมือนให้ไออุ่นตามธรรมชาติอาบลงบนร่าง

 

 

“ก่อนนี้อยู่ทางนั้น คุณไม่เคยอยู่เป็นเพื่อนผมแบบนี้เลย” ตอนเช้ารีบกินอาหารแล้วไปมหาวิทยาลัย บางทีก็ไม่กิน กลางคืนหลังจากกินมื่อค่ำเสร็จก็ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง

 

 

อีลั่วเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว แล้วเอามือข้างหนึ่งยันคาง กะพริบตาที่สดใสแวววาว “ฟังดูเหมือนบางคนกำลังต่อว่า? ไงหรือ จะคิดบัญชีเก่ากับฉันใช่ไหม?”

 

 

เฉวียนหมิงยกมุมปาก สีหน้าอ่อนโยน “ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ถ้าผมยกเรื่องเก่าขึ้นมา แล้วรู้สึกน่าน้อยใจ คุณจะปลอบโยนผมยังไง?” ผู้ชายที่รู้จักเอาใจยังรู้จักอ้อน ใครจะต้านทานได้ โดยเฉพาะยังเป็นผู้ชายรูปหล่อด้วย

 

 

อีลั่วเสวี่ยรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จะรับมืออย่างไร ในใจรู้สึกผิด “งั้นคุณบอกมา อยากให้ฉันทำอะไร? ถ้าคุณไม่รู้สึกว่ายุ่งยาก มาดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่นี่กับฉันทุกวันก็ได้ค่ะ”

 

 

“ไม่ยุ่งยากเลย แต่นอกจากเรื่องนี้แล้วผมยังมีเรื่องหนึ่งจะขอร้อง คุณจะรับปากผมไหม?”

 

 

“ฉันมีทางเลือกหรือคะ?” ตื่นเช้ามา กินอาหารเช้ามื้อใหญ่ที่เขาทำ ขืนปฏิเสธก็คงจะไม่ค่อยเข้าที อีกอย่างเขาคงไม่ให้ตนเองทำเรื่องยากหรือเรื่องที่ไม่อยากทำ รับปากย่อมไม่เป็นไร

 

 

เฉวียนหมิงเม้มปากแล้วนั่งลง ยื่นมือออกไปดึงอีลั่วเสวี่ย “อาเสวี่ย สุดสัปดาห์นี้คุณเป็นเพื่อนผมไปงานเลี้ยงกลางคืน คราวก่อนไม่ได้พาเพื่อนหญิงไปด้วย คราวนี้คงจะไม่ได้”

 

 

ก่อนนี้เขานั่งรถกเข็น ไม่มีเพื่อนหญิงมาด้วยจึงไม่ใช่ปัญหา แต่เวลานี้ต่างไปแล้ว ยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง พาเธอไปด้วยจะดีกว่า

 

 

“งานเลี้ยงกลางคืน? ได้ ฉันไปกับคุณค่ะ” อีลั่วเสวี่ยคิดเล็กน้อย สุดสัปดาห์นี้ไม่ไม่แผนอะไร เธอจึงตอบตกลง