ทัพชิงไซที่เมืองหนานเกิงกำลังเจอศึกหนัก ทัพเฮยอวี่เข้ากวาดล้างพวกเขาอย่างกับพายุฝูงตั๊กแตน หลิวอี้เจาไม่คาดว่าจะได้มาเจอศัตรูระดับหนึ่งในครั้งแรกแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นเกือบฆ่าเขาตายในการโจมตีระลอกแรก
อย่างไรก็ตามทัพชิงไซนั้นเป็นกองทัพผู้บำเพ็ญ พวกเขาพัฒนาอาวุธเวทมนตร์มาอย่างยาวนานเพื่อป้องกันการโมตีจากระดับหนึ่งที่สามารถบินไปในอากาศได้ โดยปกติแล้วอาวุธพวกนี้จะถูกเก็บอย่างดีในคลังแสง แต่ต้องขอบคุณลางสังหรณ์ของหลิวอี้เจาที่ทำให้พวกเขาเอาออกมาใช้ได้ทัน
ทักเฮยอวี่กำลังพุ่งมาอย่างดุเดือด หลิวอี้เจารู้ดีว่าการรุกของทักเฮยอวี่นั้นจะหนักหน่วงกว่าการรุกครั้งที่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสั่งการให้คนที่เขาไว้ใจที่สุดไปเอาอาวุธที่เอาไว้ต่อสู้กับพวกระดับหนึ่งออกมา
ตอนนี้เมืองหนานเกิงก็ถูกล้อมไว้แล้วและกำลังเสริมของพวกเขาก็ยังไม่มาถึง หลิวอี้เจาเตรียมพร้อมที่จะยอมแพ้อยู่แล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากตายไปพร้อมกับเมืองนี้
ทัพฉือเหยียนซึ่งควรจะเป็นกำลังเสริมของเมืองหนานเกิงกำลังปกป้องช่องเขาหลีหยางซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกมากกว่า 500 กิโลเมตร พวกเขาคงจะมาถึงกันในสองวันแล้วถ้าพวกเขาอยากจะช่วยจริงๆ แต่หลิวอี้เจาก็รู้ว่าพวกนั้นคงไม่อยากมาเสี่ยง พวกเขาอยากจะเห็นว่าทัพเฮยอวี่ต้องการจะทำอะไรก็เลยเสียสละทัพชิงไซไป
ส่วนทักอู่เว่ยทางตอนเหนือน่ะเหรอ…หลิวอี้เจาไม่อยากจะไปคาดหวังอะไรมากจากพวกเขาเลย…
ลูกน้องคนสนิทของหลิวอี้เจาเขามากระซิบกับเขา “ท่านแม่ทัพครับ ทัพเฮยอวี่กำลังทำการใหญ่อยู่ครับ ข่าวบอกมาว่าตวนมู่หวงฉี่จอมทัพสวรรค์บูรพานั้นได้ทำสัญญากับทัพเฮยอวี่ว่าจะมอบรางวัลให้กับนายทหารและคนของพวกเขา จากนั้นก็จะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองทั้งหมดสิบเมืองถ้าพวกเขาไปตีเอาเมืองในรัฐทางใต้มาได้สิบเมือง”
หลิวอี้เจามองหน้าเขากลับอย่างใจเย็น “ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ พวกทัพฉือเหยียนคิดว่าตัวเองจะปกป้องช่องเขาหลีหยางโดยไม่มีเราได้อย่างนั้นเหรอ น่าขำสิ้นดี พวกมันต้องลืมไปแล้วแน่ว่าเรามีชะตาแบบเดียวกัน”
“งั้นเราจะทำอย่างไรกันดีครับท่านแม่ทัพ” ชายคนนั้นถามเสียงเบา
“ทิ้งเมืองหนานเกิงแล้วยกให้กับทัพเฮยอวี่ไปเสีย จากนั้นค่อยมุ่งไปทางเหนือแล้วรวมเข้ากับทัพอู่เว่ย ฉันอยากจะเห็นว่าทัพฉือเหยียนจะปิดกั้นทัพเฮยอวี่ทั้งหมดออกจากช่องเขาหลีหยางได้เองหรือเปล่า!” หลิวอี้เจากล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา ตอนนั้นเองทัพชิงไซก็มีกองกำลังเพียงพอที่จะออกมาจากการปิดล้อมก่อนที่ทัพเฮยอวี่จะบุกทะลวงเข้ามาอีกครั้ง
แต่พวกเขาก็ต้องเสียกำลังคนไปมากกว่าครึ่ง ทักชิงไซมีกันทั้งหมด 30,000 คน คงจะมีทหารเพียงไม่กี่พันนายเท่านั้นที่จะรอดออกมาได้ แต่หลิวอี้เจาก็ยืนยันที่จะเสี่ยงดวงในครั้งนี้ เพราะเขารู้สึกว่ายอมสูญเสียคนส่วนใหญ่ดีกว่ามาตายกันหมดที่นี่ ถ้าทัพฉือเหยียนปฏิเสธที่จะช่วยเมืองหนานเกิง หวังว่าพวกนั้นจะมีกลเม็ดอื่นๆ ซ่อนอยู่นะ
“โทษของการละทิ้งเมืองก็คือตายสถานเดียวนะครับ” ผู้ชายคนนั้นเตือน
“แต่ตอนนี้มีคนอยากให้พวกเราตายอยู่แล้ว เราไม่มีที่อยู่ในรัฐทางใต้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วเราก็อาจจะต้องใช้ชีวิตเป็นผู้อพยพไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่” หลิวอี้เจาถอนหายใจ
เขาทอดสายตามองออกไปไกล เขาคิดว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่มีคนอยากฆ่าเขาโดยใช้ทัพเฮยอวี่ แต่เขาก็พูดเรื่องนี้ออกมาให้ใครฟังไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะรายงานเรื่องที่ทัพฉือเหยียนไม่เข้ามาช่วยกับจอมทัพสวรรค์ได้ หลิวอี้เจาก็รู้ดีว่าเขาก็คงจะเป็นศพก่อนที่จะไปพบจอมทัพสวรรค์แล้ว
ถ้ามีคนชักใยอยู่เบื้องหลังทัพฉือเหยียนจริง เขาคนนั้นก็คงไม่ปล่อยให้หลิวอี้เจาไปหาจอมทัพสวรรค์ได้แน่
หลิวอี้เจาถามขึ้นมา “พวกเขากลับมาจากหมู่บ้านเถียนเกิ่งกันหรือยัง”
“กลับมาแล้วครับ” ผู้ชายคนนั้นตอบ “เราส่งหน่วยลาดตระเวนที่ดีที่สุดไปสถานที่นั้นอย่างที่ท่านกำชับ แต่ข้างในนั้นกลับไม่มีใครเลย ทั้งหน่วยก็รายงานว่าสถานที่นั้นน่าจะถูกทัพเฮยอวี่เปิดโปงแล้ว และคนที่อยู่ข้างในก็คงหนีออกไปก่อนจะโดนทัพเฮยอวี่จับได้”
หลิวอี้เจาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เข้าใจแล้ว ออกไปได้ เตรียมบุกทะลวงออกไปจากการปิดล้อมตอนเที่ยงคืนนี้”
…
ตอนนั้นเองหลี่ว์ซู่ก็มองพวกทหารอู่เว่ยที่อยู่นอกกำแพงด้วยสีหน้าเครียด เขายอมตอบรับข้อเสนอไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบและความอวดดีของตัวเอง แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ
แต่หลังจากที่เขากลับไปที่โลกที่เขาจากมา เขาก็สามารถเอาเรื่องตำนานนี้ไปเล่าให้พวกเพื่อนๆ ฟังได้ เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพโดนไม่ต้องพยายามอะไรมาก และโจรอย่างเขาก็ได้รับการล้างมลทินได้ในชั่วข้ามคืน…
แต่คำถามก็คือเขาจะเลี้ยงปากท้องคนตั้งมากมายได้อย่างไรกัน!
หลี่ว์ซู่ให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ส่งแอนโทนี่ออกไปตามทัพเฮยอวี่จากที่ไกลๆ เพื่อรอดูการเคลื่อนไหวของพวกเขา เขาไม่รู้ว่าทัพเฮยอวี่จะโจมตีเข้ามาอีกเมื่อไหร่
ทันใดนั้นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ขมวดคิ้ว เธอกระซิบกับหลี่ว์ซู่ “ทัพชิงไซดูจะตีออกมาจากการปิดล้อมในเมืองหนานเกิงได้แล้วนะ พวกเขาเข้าปะทะกับทัพเฮยอวี่ในทางเหนือ”
หลี่ว์ซู่ตอบกลับอย่างใจเย็น “ฉันรู้สึกว่าขนาดของสงครามในครั้งนี้จะไม่ใช่เล็กๆ แล้วสิ เราไปเก็บของแล้วปิดโรงงานทำสบู่ไปก่อนดีกว่า เราจะกินถั่วลิสงเป็นอาหารหลักของทุกวันกัน”
“เข้าใจแล้ว” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้า
“เจอทางหนีบนภูเขาบ้างหรือเปล่า” หลี่ว์ซู่ถาม
“เจอแล้ว มีถ้ำลึกยาวอยู่หลังเทือกเขา ตอนที่ฉันไปหาแร่ด่างมาก็ไปเจอกลับถ้ำหินปูนใต้ดินขนาดใหญ่ น่าจะยาวไปถึง 10 กิโลเมตรได้ เหมาะดับการหลบภัยเพราะมีแหล่งน้ำอยู่ด้วย แถมยังไม่ชันมาก” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตอบ “แล้วเรื่องอาหารล่ะ”
“ดีหน่อยที่เราเพิ่งซื้อถั่วลิสงกันมามาก ตอนนี้เราก็มีอาหารพอแล้ว น่าจะอยู่ได้สักพัก แต่เราจะกินแต่ถั่วลิสงไม่ได้หรอก” หลี่ว์ซู่พูดหลังจากคิดอะไรบางอย่าง “อีกอย่างทัพเฮยอวี่ที่บุกเมืองอวิ๋นอันไม่ได้เข้าไปเติมเสบียงเพราะพวกเขาจะต้องไม่ขนของไปหนักมาก ฉันว่าเย่เสี่ยวหมิงจะต้องมีอาหารเก็บอยู่ไว้มากแน่ หลิวเชียนจือบอกมาว่าเย่เสี่ยวหมิงมียุ้งฉางส่วนตัวสองแห่งด้วย ไปดูที่นั่นพร้อมกับหลี่เฮยทั่นกับหลิวเชียนจือนะ เอาอาหารทุกอย่างที่หาได้เก็บไว้ในแหวนมิติ ถ้าเก็บไม่พอให้ไปขอให้คนขนมา ระวังพวกทหารอู่เว่ยด้วยล่ะ ถ้าต้องฆ่ากบฏคนไหนก็ฆ่าไปเลย”
ช่วงเวลาที่พิเศษก็ต้องการการปฏิบัติอย่างพิเศษหน่อย ตอนนี้หลี่ว์ซู่พร้อมที่จะบุกเข้าไปในภูเขากับทัพอู่เว่ยแล้ว ทัพชิงไซตีวงล้อมออกมาได้แล้ว และเมืองอวิ๋นอันก็เสียแนวป้องกันสุดท้ายไปแล้ว เพราะฉะนั้นทัพเฮยอวี่ก็ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ไปทั้งหมด
เขาสังเกตสมาชิกใหม่จากทัพอู่เว่ยในสองวันที่ผ่านมา พวกเขาดูตั้งใจทำงานหนักระหว่างการปลูกถั่วลิสงกันดีอย่างกับว่านี่เป็นบททดสอบแรกของพวกเขา
หลี่ว์ซู่ข้าใจแล้วว่าคนเร่ร่อนบางคนไม่ได้เป็นพวกขี้เกียจ พวกเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น และพวกที่สันหลังยาวก็ตายไปด้วยเงื้อมมือของทัพเฮยอวี่แล้ว
เมื่อตะวันตกดิน หลี่เฮยทั่นก็กลับมาพร้อมกับสีหน้าดีใจ เขาแบกถุงสองสามถุงอยู่บนบ่า เมื่อเขาเห็นหลี่ว์ซู่เขาก็รีบบอกอย่างร่าเริง “เรารวยกันแล้วครับท่าน เย่เสี่ยวหมิงนั่นมีเงินเยอะจริงๆ!”
หลี่ว์ซู่ถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาเห็นว่ามีคนกว่าพันคนที่ออกเดินทางไปแล้วกลับมาพร้อมถุงที่แบกไว้บนบ่า ซึ่งหมายความว่าการไปครั้งนี้สำเร็จแล้ว อย่างน้อยปัญหาขาดแคลนอาหารตอนนี้ก็ถูกแก้ไปแล้ว งั้นเย่เสี่ยวหมิงก็โกหกเรื่องที่ว่าเขาไม่มีเงินจะอุดหนุนทหาร น่าจะเป็นเพราะเขาไปขอเงินพวกขุนนางและนายทาสจากทั้งประเทศมา
ในคืนเดียวกันนั้นเองหลี่ว์ซู่ก็ตรวจสอบเสบียงของเขา น่าดีใจที่ตอนนี้เสบียงของกองทัพมีเพียงพอแล้ว เย่เสี่ยวหมิงทำเหมือนกับว่าทัพอู่เว่ยนั้นเป็นแค่สิ่งของที่เขาเป็นเจ้าของและจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้ เขาวางแผนที่จะหาเงินโดยการกักตุนเสบียงทหารและขายเอากำไรช่วงสงคราม ซึ่งสุดท้ายประโยชน์นั้นก็ตกอยู่ในมือของหลี่ว์ซู่
“อาหารพวกนี้น่าจะทำให้เรารอดไปได้ครึ่งปีเลยถ้าเราลดการสูญเปล่าให้ได้มากที่สุด” หลี่ว์ซู่กล่าว “ฉันสงสัยว่าเราจะสงบศึกในรัฐทางใต้ได้เมื่อไหร่กัน”
ตอนนั้นเองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ทำรายการของในคลังด้วยความตั้งใจ หน้าของเธอดูเป็นผู้ใหญ่และจริงจังเกินอายุ ตอนนี้เด็กสาวก็กลายเป็นเลขารอบรู้ส่วนตัวของหลี่ว์ซู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเธอขอบทำอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่เธออยากช่วยหลี่ว์ซู่ทำงานต่างหาก
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋คิดว่านี่มันก็เหมือนการเล่นเกม เธอจะอยู่ข้างหลี่ว์ซู่ตอนเล่นเกมอยู่แล้ว
หลี่ว์ซู่หันไปมองราตรีอันมืดมิดที่อยู่ข้างหลัง “บุกเข้าไปในภูเขาตอนรุ่งสาง!”
ข้างหลังเขามีกลุ่มโจรและทหารทัพอู่เว่ยไร้บ้านอยู่ พวกเขารับคำในความเงียบงันและรอให้หลี่ว์ซู่นำพวกเขาไปสู่ชีวิตใหม่
ในตอนนี้ยังไม่มีใครคาดคิดว่าทัพอู่เว่ยจะทรงเกียรติและมีชื่อเสียงในอนาคต และคืนนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนอย่างแท้จริง