บทที่ 501 เทพธิดาตกสวรรค์

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 501 เทพธิดาตกสวรรค์

“มือสังหารไร้หน้า?”

ฉู่เหินหรี่ตาลง

ใบหน้าของคนขับรถม้าราบเรียบปราศจากดวงตา คิ้ว จมูก ปาก มันเป็นเพียงผิวหนังราบเรียบเหมือนกำลังสวมใส่หน้ากากอย่างไรอย่างนั้น

แต่เห็นได้ชัดว่าคนขับรถม้ายังสามารถใช้งานประสาทสัมผัสทั้งห้าได้อย่างไม่มีปัญหา

เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า ‘มือสังหารไร้หน้า คือนักฆ่าที่มีฝีมือน่ากลัวที่สุด’

วิทยายุทธ์การต่อสู้ของนักฆ่ากลุ่มนี้ จะถ่ายทอดกันแต่เพียงในสำนักมือสังหารไร้หน้าเท่านั้น

สำนักมือสังหารแห่งนี้มีอิทธิพลกว้างไกลทั่วจักรวรรดิ โดยมีนักฆ่าในสังกัดเป็นที่หวาดกลัวไปทุกหย่อมหญ้า

คิดไม่ถึงเลยว่าสำนักมือสังหารจากโลกใต้ดิน กลับมีสัมพันธ์อันดีกับท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อัน

แต่ฉู่เหินแสดงความประหลาดใจออกมาเพียงเล็กน้อย

เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขาก็ชำเลืองมองเกวียนบรรทุกกรงขังที่จอดอยู่ด้านหลัง ก่อนยิ้มเหยียดหยามด้วยความดูแคลน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉู่เหินคงต้องหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

แต่บัดนี้…

“พูดจาสามหาว แบบนี้ต้องสั่งสอน…”

เขากระแทกหมัดออกไปข้างหน้า

“นับว่าเจ้ารนหาที่ตายเองนะ” คนขับรถมาแผ่รังสีอำมหิต ชายเสื้อโบกสะบัด

ฟึบ!

เข็มพิษจำนวนหนึ่งถูกยิงตรงไปที่กลุ่มของฉู่เหิน

นี่คือเข็มสังหารเทพเจ้า

เป็นอาวุธลับระดับพิเศษ

สามารถทะลวงได้แม้แต่ม่านพลังของผู้มีพลังระดับยอดปรมาจารย์ มักถูกใช้ในการสังหารระยะประชิด

เมื่อปลายเข็มทะลุผิวหนัง พลังลมปราณในตัวเหยื่อก็จะสูญสลายหายไป พิษจะแล่นเข้าสู่กระแสเลือด กระจายไปตามอวัยวะภายใน สุดท้ายพิษก็แล่นเข้าสู่หัวใจ แล้วเป้าหมายก็จะถึงแก่ความตายด้วยความทุกข์ทรมานในที่สุด

ที่คนขับรถม้าเลือกยืนห่างจากอีกฝ่ายเป็นระยะสิบวา นั่นก็เป็นเพราะว่านี่คือระยะที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้เข็มพิษชนิดนี้

ตัวของคนขับรถม้ามีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ เมื่อซัดอาวุธลับระดับพิเศษออกมา มันจึงมีอานุภาพน่ากลัวมากขึ้น

ดวงตาของฉู่เหินเป็นประกายวาวโรจน์

ดูเหมือนคนขับรถม้าจะมั่นใจในการโจมตีครั้งนี้อย่างยิ่ง

แต่ว่า…

ฉู่เหินเปลี่ยนกำปั้นกลายเป็นฝ่ามือ ตวัดรวบเข็มทุกเล่มที่ลอยอยู่ในอากาศ

แล้วเข็มสังหารเทพเจ้าก็นอนแน่นิ่งอยู่บนฝ่ามือของฉู่เหินอย่างปราศจากอันตราย

คนขับรถม้าถึงกับชะงักกึก

ฉู่เหินสะบัดฝ่ามือพร้อมกับโคจรพลังลมปราณ

วูบ!

เข็มอาบยาพิษทุกเล่มที่อยู่บนฝ่ามือของเขาพลันพุ่งสวนทางกลับไปหาร่างของคนขับรถม้า

“หึ่ย…”

คนขับรถม้ามีเวลาเพียงอุทานออกมาด้วยความขุ่นเคืองใจ เขาสะบัดมือและนำแผ่นแม่เหล็กออกมาจากถุงเก็บของวิเศษ เพื่อใช้มันดูดซับเข็มอาบยาพิษเหล่านั้นเอาไว้ทั้งหมด

“ต้องการคำอธิบายอื่นใดอีกหรือไม่?”

ฉู่เหินพุ่งเข้ามาเหมือนเสือร้าย

เขาง้างกำปั้นขึ้นสูง

หมัดนี้ดูเรียบง่าย แต่มีความเร็วเป็นอย่างยิ่ง

คนขับรถม้าชักกระบี่ออกมาตั้งรับการโจมตีของฉู่เหินด้วยมือซ้าย

เพล้ง!

กระบี่แตกหัก!

กระดูกก็แตกหัก!

หัวไหล่ของคนขับรถม้ายุบหายลงไปครึ่งหนึ่ง เลือดและกระดูกสาดกระจายในอากาศ

“อ๊าก…”

คนขับรถม้าส่งเสียงร้องโหยหวนขณะลอยกระเด็นออกไป

“ไม่นะ…” คิดไม่ถึงเลยว่าใบหน้าที่ปราศจากคิ้วตาจมูกปากของคนขับรถม้า กลับสามารถแสดงความหมดหวังและความตื่นกลัวออกมาได้อย่างเด่นชัด

ลมหายใจต่อมา

หมัดที่สองจากฉู่เหินก็ระเบิดร่างคนขับรถม้าแตกกระจายไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูก

ชายชรามองกำปั้นของตนเองด้วยความเหลือเชื่อ

แขนกลเทพเจ้าดาวเหนือ

นอกจากแข็งแรงทนทาน

ยังมีความสวยงามอีกด้วย

ซ้ำยังสามารถใช้หยิบจับเข็มอาบยาพิษได้โดยไม่มีปัญหา

ครั้งนี้ ที่เขาสามารถเอาชนะคนขับรถม้าได้ ก็เป็นเพราะแขนกลคู่นี้เท่านั้น

นี่คือแขนกลแห่งชัยชนะ

ประสิทธิภาพของมันเลิศล้ำเกินจินตนาการ

กลุ่มคนที่ยืนอยู่โดยรอบมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป

หลายคนหวาดกลัว

กลัวในความอำมหิตของชายชรา

ท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันเดิมทีเตรียมตัวนั่งรับชมการต่อสู้อย่างสบายอารมณ์ เขามั่นใจว่าคนขับรถม้าต้องลากตัวพวกของฉุยหมิงโหลวเข้าไปขังอยู่ในกรงได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมา สีหน้าของท่านอ๋องก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ฉู่เหินถลึงตา หันไปมองหน้าท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่

ท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันใบหน้ากระตุก พูดตะกุกตะกัก “บังอาจนัก เจ้า…”

ฉู่เหินสะกิดเท้าเตะด้ามกระบี่ที่ตกอยู่บนพื้นพุ่งออกไป

วูบ!

ด้ามกระบี่ที่แตกหักพุ่งผ่านข้างแก้มของท่านอ๋องไปอย่างเฉียดฉิว

จอนผมสีเทาของท่านอ๋องหลุดออกไปกระจุกหนึ่ง

ท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันร้องเสียงหลงพลัดตกจากเก้าอี้ด้วยความตื่นตระหนก

โครม!

ต้นไม้ทางด้านหลังปรากฏรูโบ๋ขนาดเท่าชามข้าวขึ้นมาหนึ่งรู

มันเป็นรูที่เกิดขึ้นมาจากด้ามจับกระบี่เมื่อสักครู่นี้ หลังจากทะลวงเปลือกไม้เข้าไปแล้ว มันก็ฝังตัวอยู่ใจกลางลำต้น

“นี่แค่คำเตือนเท่านั้น” ฉู่เหินพูด “เห็นแก่ท่านที่เป็นเชื้อพระวงศ์ ได้โปรดอย่ายื่นมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับท่านเลยดีกว่า”

ท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันใบหน้าขาวซีด ตัวสั่นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าขณะร้องเรียก

“องครักษ์ องครักษ์…”

กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดเทารีบวิ่งเข้าไปห้องล้อมอยู่รอบกายท่านอ๋องทันที

การต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ ดึงดูดความสนใจของนายทหารกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่แถวนั้น

“ผู้ใดมาส่งเสียงเอะอะโวยวายในที่แห่งนี้?”

เจ้าหน้าที่ในชุดเกราะของหน่วยนักรบมังกรดำร้องตะโกนเสียงแข็งกระด้าง “ผู้ใดก่อกวนให้ฆ่าทิ้งได้โดยไม่ต้องปราณี”

เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งดังขึ้นทันที

ขบวนเจ้าหน้าที่ของหน่วยนักรบมังกรดำปรากฏตัวห้อมล้อมพวกของฉู่เหินเร็วไว

ฉู่เหินมีดวงตาเป็นประกายแวววาวด้วยความโกรธแค้น

ก่อนหน้านี้ กลุ่มองครักษ์ของท่านอ๋องแห่งแคว้นไห่อันเจตนาเข้ามาหาเรื่องพวกเขา แต่นายทหารกลุ่มนี้กลับทำเพิกเฉยเหมือนมองไม่เห็น อาจารย์อาวุโสจึงคิดไม่ถึงเลยว่าในขณะนี้ นายกองผู้ควบคุมกองทหารหน่วยนี้กลับลุกขึ้นมาหาเรื่องพวกเขาได้อย่างไร้ยางอาย.. นี่ออกจะแสดงเจตนาก่อกวนกันชัดเจนเกินไปหน่อยแล้ว

“พวกเราเพียงป้องกันตนเองเท่านั้นขอรับ”

ฉุยหมิงโหลวพูดออกมาเสียงดัง

“ป้องกันตนเอง?”

เจ้าหน้าที่ยศนายกองหันหน้าไปมองท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ก่อนจะหันกลับมา พูดว่า “เจ้ารบกวนความสงบสุขของท่านอ๋อง โทษครั้งนี้ควรค่าที่จะทำให้เจ้าต้องตายหลายพันครั้ง จงยอมถูกจับกุมแต่โดยดี มิฉะนั้น อย่าหาว่าพวกเราไม่ปราณี”

ฉู่เหินขมวดคิ้วและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง…

“นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ“

“คนพวกนั้นต่างหากที่เข้ามาหาเรื่องก่อน…”

ชาวเมืองที่คุกเข่าสวดภาวนาอยู่แถวนั้นต่างก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงขณะนี้ พวกเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ต้องลุกขึ้นมาห้อมล้อมกลุ่มของนายทหารหน่วยนักรบมังกรดำเอาไว้บ้าง

ตู้ม!

มือกระบี่เทพวารีกระอักเลือดและซวนเซถอยไปข้างหลัง

“บัดซบที่สุด หึ่ย…”

เขาร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ดวงตามีแต่ความหมดหวัง

อีกด้านหนึ่ง

นักพรตหญิงชินกำลังเดินเชื่องช้าอยู่กลางอากาศ

ปีกกระบี่สี่ข้างกางอยู่บนแผ่นหลัง รัศมีสีเงินแผ่ออกมาจากร่างกายครอบคลุมพื้นที่รอบบริเวณ ในขณะนี้ หัวหน้านักบวชสาวจึงเหมือนเทพธิดาจากสวรรค์ที่กำลังเสด็จลงมาสู่โลกมนุษย์

ในมือข้างหนึ่งของนางถือกระบี่ธรรมดาเล่มหนึ่ง

เมื่อเผชิญหน้ากับม่านพลังวารีที่ก่อตัวขึ้น คมกระบี่ก็สาดประกาย

นักพรตหญิงชินยังไม่ต้องโคจรพลังลงไปในตัวกระบี่

นักพรตหญิงชินยังไม่ต้องใช้วิชาที่มีความซับซ้อนใดๆ

เป็นเพียงการตวัดกระบี่ธรรมดาเท่านั้น

แต่ม่านพลังของมือกระบี่เทพวารีกับสลายหายไปแล้ว

นี่คือการต่อสู้ที่ดำเนินไปอย่างราบเรียบ

ตั้งแต่เปิดฉากการต่อสู้ มือกระบี่เทพวารีต้องเป็นฝ่ายตั้งรับตลอดเวลา

ด้วยระดับฝีมือที่ห่างชั้นกันมากเกินไป แม้เขตสนามรบศักดิ์สิทธิ์จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เอื้อต่อพลังปราณธาตุน้ำ แต่นั่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้อีกแล้ว การต่อสู้ที่เกิดขึ้นจึงดำเนินไปเหมือนมือกระบี่เทพวารี เป็นเพียงเด็กทารกคนหนึ่งเท่านั้น

ทั้งๆ ที่มือกระบี่เทพวารีมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์

เขาเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้เก็บชัยชนะมาทุกสารทิศ

มีหรือที่จะเคยเผชิญหน้าความอับอายเช่นนี้มาก่อน?

“ฟู่…”

มือกระบี่เทพวารีกระอักเลือดออกมาจากปากอีกคำใหญ่ ในดวงตาปรากฏความตื่นกลัวชัดเจน

ไม่เหลือขวัญกำลังใจที่จะต่อสู้อีกแล้ว

นี่แทบจะไม่เป็นการต่อสู้อีกต่อไป

ไม่มีความหวังที่จะรอดชีวิต

นักพรตหญิงชินเดินอยู่บนท้องฟ้า เคลื่อนกายเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า

กระบี่ในมือถูกตวัดอีกครั้ง

เปรี้ยง!

ร่างของมือกระบี่เทพวารีลอยกระเด็นออกไปอีกรอบ

แต่ด้วยความที่ค่ายอาคมแห่งนี้คอยช่วยเหลือเขาอยู่ตลอด บาดแผลฉกรรจ์บนร่างกายจึงถูกเยียวยาในเวลาอันรวดเร็ว การต่อสู้จึงยืดเยื้อต่อไป ไม่มีทางว่าจะสิ้นสุดลงโดยง่าย

แต่โลหิตก็ยังไหลทะลักออกมาจากปากของชายหนุ่ม

แม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้พลังปราณธาตุน้ำรักษาตนเอง แต่อาการบาดเจ็บในครั้งนี้ มันรุนแรงมากเกินไป

“มีข่าวลือว่าบนโลกใบนี้ มีเทพธิดาตกสวรรค์นางหนึ่งถูกขับไล่ลงมาจากดินแดนทวยเทพเพราะทำผิดกฎสวรรค์ นางหันหน้าเข้าหาศาสนา และกลายเป็นนักบวชในวิหารแห่งหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่านางคือผู้ใด ไม่มีใครรู้ว่านางมีตัวตนจริงหรือไม่ แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่เล่าขานสืบต่อกันมาไม่รู้จบ”

มือกระบี่เทพวารีคิดถึงตำนานของนักบวชหญิงผู้หนึ่งขึ้นมาจับใจ

หรือว่านักบวชสาวที่กำลังยืนอยู่เหนือศีรษะของเขาในยามนี้จะเป็นเทพธิดาตกสวรรค์ผู้นั้น?