1940 vs 1941 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1940

ขอแต่งงาน 2

 “ฉินมั่ว แต่งเข้าตะกูลฉันเถอะ”

ด้วยแสงเงา บวกกับพลุที่สว่างไสว

ทำให้ประโยคดังกล่าวไม่ใช่แค่เกิดความเปลี่ยนแปลง แต่เหมือนแผ่นฟิล์มสไลด์ที่แสดงภาพกลีบกุหลาบบานออก แล้วกลับเข้ามารวมตัวกันใหม่ คล้ายกับแสดงผลสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ของเกมบนตัวตึก ทำให้เด็กๆ แถวลานกว้างต่างเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาเบิกโต ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “แม่ นั่นคืออะไร”

“นั่น…” คนเป็นแม่ชะงัก ลืมตอบโดยพลัน แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคู่รักวัยหนุ่มสาวที่กำลังเดินเล่นกัน แววตาของฝ่ายหญิงเต็มไปด้วยความอิจฉา เธอเอามือปิดปาก เอ่ยอย่างทอดถอนใจ “ถ้ามีผู้ชายมาทำแบบนี้กับฉัน รับรองว่าฉันแต่งแน่” พูดจบก็หันไปมองค้อนแฟนตัวเอง

ฝ่ายชายถือถังหู่ลู่ที่เพิ่งซื้อมา คิดเพียงว่าแม่เจ้า ไม่รู้ว่าผู้ชายคนไหนทำแบบนี้ ยอมเปลืองเงิน ยอมยุ่งยาก แถมยังยอมเปลืองสมองอีก คิดจะปล่อยโอกาสให้คนอื่นบ้างไหม แต่ผ่านไปเพียงครึ่งนาที เขากลับพบว่า “เมียจ๋า..”

 “ถอยไป ใครเป็นเมียเธอ” หญิงสาวหรี่ตาลงอย่างไม่พอใจ

“เปล่า ฉันหมายถึง เอ่อ ลองคิดดูสิ ลองคิดดูสิว่ามีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ชื่อฉินมั่ว?” ฝ่ายชายพยายามอธิบาย

ส่วนฝ่ายหญิงตะลึง…เธอลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย!

ประโยคนั้นยังไม่ดับ ครึ่งนาทีหลังจากนั้นก็สว่างต่อ ทั้งยังสวยจนยากที่จะมองผ่าน

ฝั่งตรงข้ามของตึกเป็นส่วนที่กำลังทำการสัมภาษณ์ เวลาอย่างนี้ย่อมมีคนอยู่ด้วย

ทีมเซียงหนานเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ เดิมมีคนกำลังคุยกับผู้จัดการทีมเล่นๆ ผู้จัดการทีมของทีมนี้ต่างไปจากทีมไดมอนด์ เขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ชอบยิ้มบางๆ ลักษณะเหมือนพระสังกัจจายน์

ตอนแรกจ้าวซานพั่งก็ฟังพวกเขาคุยกันอยู่ แต่ด้วยเป็นคนที่ไม่ชอบนั่งนานๆ กำลังจะถามว่าเมื่อไรหัวหน้าทีมจะกลับ เพราะพวกแฟนคลับที่ชอบหน้าตาเขากำลังรอให้เขาเล่นไลฟ์สดอยู่

ไม่คิดเลยว่าแค่หันไปก็จะเห็นประโยคที่ส่องแสงสีทองระยับไม่หยุด ทำอย่างกับให้ฟรีอย่างนั้นแหละ!

‘พึ่บ!’ เขายืนตัวตรง ส่วนคนสัมภาษณ์มองมาที่ตัวเขา กระทั่งผู้จัดการทีมยังส่งสัญญาณให้เขาสำรวมหน่อย

จ้าวซานพั่งลุกลี้ลุลนหนัก ควักมือถือออกมาส่งข้อความ โดยแอดชื่อคนสองคน “พวกนายจงใจใช่ไหม! เจ้าแบล็ก เจ้าแบล็ก ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

ตัวต้นเรื่องยังไม่ออกมา คนอื่นๆ ก็ส่งอิโมจิรูปหาวมาให้ ทั้งยังมีคนถามอย่างเป็นห่วง “สะเทือนใจอีกแล้วล่ะสิ”

จ้าวซานพั่งตอบกลับ “ตรงฝั่งถนนคนเดิน! รีบเปิดหน้าต่างดูด้านนอกเร็ว!”

ไม่ถึงวินาที กรุ๊ปวีแชทก็เหมือนโดนระเบิดลง

“เฮ้ยๆๆๆๆ”

“ให้ฉันทำใจก่อน”

“รู้สึกว่าทีมเซียงหนานสะเทือนใจอย่างแรง พวกเขากำลังให้สัมภาษณ์ที่ฝั่งตรงข้าม”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันหล่อขนาดนี้ ยังไม่เคยมีใครมาขอแต่งงานเลย!”

ตอนที่มือถือสั่น เจ้ลั่วคนสวยและหัวหน้าเซียวต่างได้เห็นข้อความดังกล่าว จากนั้นหันไปดูฝั่งตรงข้าม งานนี้ไม่ต้องสัมภาษณ์กันอีกต่อไป

ต่อให้จ้าวซานพั่งใจลอยก็ยังพอว่า แต่ที่เหลืออีกสองนี่สิ

คนสัมภาษณ์จึงมองตามสายตาอีกฝ่ายไป เล่นเอาตะลึงงันเลยทีเดียว!

ขะ ขอ ขอคุณชายฉินแต่งงาน?

ขอแต่งงาน?

ขอแต่งงาน?

พวกเขาอ่านไม่ผิดใช่ไหม!

ใครกัน? เจ๋ง…ขนาดนี้?

จ้าวซานพั่งเห็นแล้วก็ไม่กลัวอะไรอีก คุยกับพวกของตัวเอง “เจ้ลั่ว หัวหน้า เจ้าแบล็กมันจงใจแน่! เจ้านี่ชอบโชว์หวานอวดชาวบ้านอยู่ด้วย!”

……………………………………

 ตอนที่ 1941

เธอเลี้ยงฉันนะ

ขนาดจ้าวซานพั่งที่อยู่สถานที่จริงยังพูดได้ขนาดนี้ แค่คิดก็รู้ได้ว่าสถานการณ์ในกรุ๊ปวีแชทเป็นอย่างไร

เข้าใจลูกไม้ที่ใช้โดยพื้นฐานแล้ว

นี่ก็แค่กำลังอวดหวาน ไม่มีอะไรอื่น

สำหรับเรื่องนี้ ป๋อจิ่วยอมรับ ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเธอก็ได้แต่โชว์หวานต่อหน้ารถ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เพราะเธอได้ประกาศความเป็นเจ้าของให้ทุกคนรู้แล้ว

แต่จะว่าไป ป๋อจิ่วก็ไม่แน่ใจ

เพราะเธอรู้ดีตั้งแต่แรก อย่างตระกูลฉินจะยอมให้เกิดเรื่องที่เขาแต่งเข้าตระกูลเธอได้อย่างไร

แถมยังมีนิสัยขององค์หญิงน้อยฉินอีก…

เมื่อพิจารณามาถึงตรงนี้ ป๋อจิ่วจะเอ่ยอะไรขึ้น

แต่กลับมีเสียงดังขึ้นข้างหูอย่างไม่เร็วไม่ช้าไป “สวยดี”

แล้วจะตอบตกลงไหมล่ะ?

เธออยากถามให้รู้ผลชัดๆ ไปเลย

ทว่ากลับเห็นเขายื่นมือมา นิ้วลูบไล้บนใบหน้าเธอ ราวกับจะเช็ดสิ่งที่เปรอะเปื้อนให้ สัมผัสที่เย็นนิดๆ ทำให้รู้สึกสบายอย่างประหลาด

“ไปกันเถอะ”

แค่นี้?

ป๋อจิ่วมองดูมือที่จูงมือเธอไว้ ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาวขาวนวล ดูสวยมากจริงๆ แต่เขาตอบตกลงหรือเปล่าเนี่ย?

หลังจากขึ้นรถ ป๋อจิ่วรู้สึกว่าควรจะได้คำตอบชัดเจนเร็วๆ หน่อย จึงส่งมือข้างหนึ่งออกไป ในสายตามีความรู้สึกนิรนามอยู่ เมื่อกำลังจะเอ่ยขึ้น ริมฝีปากของชายหนุ่มพลันประกบลงที่ปากเธอ

ป๋อจิ่วชะงักไปทันที

ฉินมั่วรวบเธอมาไว้ในอ้อมแขนทั้งแบบนี้ นัยน์ตาเขาแวววาว “ไม่หนาวเหรอ?”

“ยังไหว” แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เมื่อยังไม่สำเร็จตามความต้องการ ป๋อจิ่วก็รู้สึกว่า…ยังไงดีล่ะ “เมื่อกี้…”

ฉินมั่วขัดจังหวะ เอ่ยเสียงนุ่มว่า “ก็เอาทะเบียนบ้านให้เธอแล้วไม่ใช่เหรอ”

“หือ?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

ชายหนุ่มเลิกผมให้เธอ “เธอเพิ่งจะรู้เหรอว่า ฉันเป็นของเธอมาตั้งนานแล้ว?”

ป๋อจิ่วแววตาสว่างวาบ ใบหน้าสวยหล่อได้ใจเล็กน้อย “ก็ไม่เชิงหรอก แต่อยากให้มันถูกกฎหมายหน่อย”

แม้เธอใช่ว่าจะเคารพกฎเกณฑ์สังคมสักเท่าไร

ทว่าเรื่องจะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าหญิงน้อยเป็นสิ่งเดียวที่เธออยากทำให้ถูกต้องตามประเพณี

“ถูกต้องตามกฎหมาย” ฉินมั่วไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ใจอ่อนยวบไปหมด คนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาชอบเป็นแบบนี้ ดูท่าทางเหมือนจิ้งจอกที่พร้อมจะหนีได้ทุกเวลา ความจริงกลับมีความรู้สึกลึกซึ้งกว่าใคร

เวลานี้ฉินมั่วรู้สึกโชคดีที่สุดที่ได้รู้จักคนแบบนี้ตั้งแต่เด็ก และยึดครองไว้แต่เพียงผู้เดียว

เพราะเมื่อมีคนแบบนี้ ก็เสมือนมีไข่มุกดำที่เปื้อนฝุ่น

ถึงแม้สีสันจะทึบ แต่กลับส่องสว่างในยามกลางคืน

“รอให้เธออายุครบ แล้วพวกเราจะแต่งงานกัน” ฉินมั่วหัวเราะเสียงเบา เสียงนั้นราวกับกระทบลงในหัวใจของป๋อจิ่ว “ฉันจะแต่งกับเธอ แล้วจะใช้แซ่เธอด้วย”

ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร ป๋อจิ่วเข้าใจดี

ต่อไปถ้าพวกเขามีลูกด้วยกัน จะต้องใช้แซ่ป๋อเท่านั้น ไม่ได้ใช้แซ่ฉิน

นอกจากนั้นโลกแฮกเกอร์ต้องมีทายาทสืบต่อไป

และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่อาจเข้ากองทัพได้อีก เป็นการขัดต่อกฎของตระกูลฉิน “แล้วตระกูลฉิน…” ป๋อจิ่วดีใจอยู่แล้ว ดีใจมากจนถึงกับชะงักเล็กน้อยเมื่อต้องถามคำถามสำคัญ

ฉินมั่วกลับไม่ร้อนใจอะไรมาก “ถ้าแฟนคลับรุ่นแม่ของเธออยากจะได้ทายาทสืบทอดตระกูลฉิน ก็รีบอาศัยจังหวะที่อายุยังไม่มากรีบมีลูกอีกคนกับมิสเตอร์ฉินได้ ก็แค่ว่า…”

“อะไรเหรอ?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

ฉินมั่วมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง “ฉันที่ไม่สามารถสืบทอดตระกูลฉินได้ จะต้องให้เธอเลี้ยงดูแล้ว”

………………………………………