สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดหนีไป
จางเซวียนแทบปล่อยโฮ ถ้ามีหลุมมีรูให้เขามุดเข้าไปตอนนี้ เขาคงมุดเข้าไปทันทีโดยไม่ลังเล
เขาต้องใช้ทั้งแก่นสารของเวลา มิติ และจิตวิญญาณ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำได้เพียงแค่ซึมซับเมล็ดไฟที่มีขนาดเท่าหัวเข็มเท่านั้น ซึ่งเขาก็ภูมิใจแล้วที่ตัวเองทำได้ขนาดนี้
แต่ในชั่วพริบตา ตัวโคลนของเขาก็โผล่มาและกลืนลูกไฟทั้งลูกลงไปในคราวเดียว…
แล้วยังสีหน้าท่าทางของหมอนั่นอีก หมอนั่นคิดอะไรกับเขา? กำลังดูถูกเขาอยู่ใช่ไหม?
ไปตายซะ*!แกมันก็แค่ตัวโคลน!เข้าใจไหม?แค่ตัวโคลน!*
มีส่วนไหนที่ทำให้แกยังไม่เข้าใจว่าแกเป็นตัวโคลน*?*
เปิดตาดูแล้วสำนึกไว้ด้วยว่าฉันคือร่างต้นแบบเรามันคนละชั้นกัน รับรู้ไว้เสียด้วย!
จางเซวียนครุ่นคิดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เขาได้ท้าทายหมอนั่นนับตั้งแต่มันปรากฏตัว แต่ดูเหมือนทุกครั้งก็จะลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ยับเยินของตัวเขาเอง ในแง่ของสถานภาพ ก็ดูไม่เหมือนว่าเขาจะมีอะไรที่เหนือชั้นกว่าตัวโคลนที่อยู่ตรงหน้า
ขณะที่จางเซวียนกำลังกล้ำกลืนความระทมลงไป เขาก็เงยหน้าขึ้นมองตัวโคลนด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ เป็นครั้งแรกที่จางเซวียนคิดว่ามันก็ไม่เลวร้ายเกินไปนักที่จะได้เห็นตัวโคลนของเขาถูกเปลวเพลิงสีดำนั้นแผดเผาจนตาย
แต่กลับตรงกันข้าม สิ่งที่เขาเห็นก็คือหมอนั่นเรอออกมาอย่างสบายอารมณ์ “อร่อยจัง!”
จากนั้น หมอนั่นก็ดำดิ่งเข้าสู่หมู่เมฆและหายตัวไป
“อะไรกัน?”
เห็นภาพนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ หอกสวรรค์กระดูกมังกรถึงกับชะงักด้วยความมึนงง มันรู้สึกราวกับว่า เรื่องน่าประหลาดใจที่ได้พบในวันนี้ก็มากพอที่จะใช้ไปได้ทั้งชีวิตแล้ว
อันที่จริง การที่นายท่านของมันมีตัวโคลนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญมากมายก็หลอมตัวโคลนของตัวเองขึ้นมา แม้แต่ปรมาจารย์ขงก็มีตัวหนึ่ง…แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นว่าตัวโคลนร้ายกาจกว่าร่างต้นแบบ!
ที่สำคัญกว่านั้น…นั่นคือเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดที่แม้ตัวมันยังหวาดกลัว แต่ไม่เพียงหมอนั่นจะไม่กลัวเกรงอะไรเลย ยังพุ่งเข้าใส่…เขาไม่กลัวว่าจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านหรือ?
ขณะที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรกำลังตกตะลึง ก็เห็นขาคู่หนึ่งโผล่ออกมาจากหมู่เมฆ และมืออีกข้างหนึ่งก็กำลังโบกไปมาอย่างสบายอารมณ์
บึ้มมมม!
เปลวเพลิงสีดำลูกใหญ่ลามเลียและกระจายตัวไปทั่วร่างนั้น เสียงระเบิดดังสนั่นได้ยินไปทั่ว แต่ก็ดูเหมือนเจ้าของร่างจะไม่ได้พรั่นพรึงเลยสักนิด กลับตรงกันข้าม เขาปล่อยเสียงครางอย่างพึงพอใจ เห็นได้ชัดว่า มีความสุขล้นเหลือกับกระบวนการทั้งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั่น…
“ขะ-เขา…ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?” หอกสวรรค์กระดูกมังกรถึงกับถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว
พูดตามตรง มันเคยลังเลเล็กน้อยว่าการที่มันยอมจำนนให้จางเซวียนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นอาวุธคู่กายของนักปราชญ์โบราณหรันชิวผู้โด่งดัง บุรุษผู้เป็นตำนานของประวัติศาสตร์! แต่เมื่อได้เห็นความเก่งกาจของตัวโคลนของจางเซวียน หอกสวรรค์กระดูกมังกรพลันรู้สึกว่าความภาคภูมิใจทั้งหมดถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้าแม้แต่ตัวโคลนยังไม่ภักดีกับร่างต้นแบบ แล้วตัวมันจำเป็นต้องภักดีหรือ?
เมื่อเกิดความคิดนั้น หอกสวรรค์กระดูกมังกรหันไปมองจางเซวียน และเห็นอีกฝ่ายตัวสั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว
“กลัวที่ไหนล่ะ? ฮึ่มมม!”
ฟิ้วววว!
ยังไม่ทันที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นจิตวิญญาณต้นกำเนิดของนายท่านพุ่งขึ้นสู่หมู่เมฆและหายวับไปในชั่วพริบตา
“….”
หอกสวรรค์กระดูกมังกรแทบคลั่ง
เหตุผลที่ตัวโคลนของนายท่านกล้าพุ่งเข้าใส่หมู่เมฆก็เพราะมันถูกหลอมขึ้นจากวัสดุที่แข็งแกร่ง แต่สำหรับนายท่านของมัน…เขาคิดอะไรถึงปล่อยให้จิตวิญญาณต้นกำเนิดพุ่งเข้าไปแบบนั้น
อยากตายมากนักหรือ?
ถ้าเขาตาย*…เราควรจะยอมรับตัวโคลนของเขาเป็นเจ้านายแทนหรือเปล่า?* หอกสวรรค์กระดูกมังกรคิดอย่างเคร่งเครียดขณะที่เริ่มวางแผนการในอนาคต
…..
จางเซวียนจะทนได้อย่างไรเมื่อเจอสายตาดูถูกเหยียดหยามของตัวโคลน?
เขาจึงพุ่งขึ้นสู่หมู่เมฆโดยไม่ลังเล
ฟิ้วววว!
ยังไม่ทันที่เขาจะรู้ตัว ลูกไฟมากมายนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าหาเขา
ตัวโคลนมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเรามากเพราะมันหลอมขึ้นจากบัวเก้าหัวใจแต่ในแง่ของจิตวิญญาณมันก็พอๆกันกับเรานี่แหละในเมื่อมันต้านทานเปลวเพลิงสีดำได้เราก็ควรทำได้เหมือนกัน…
อาจจะดูเป็นการตัดสินใจปุบปับที่จางเซวียนพุ่งเข้าใส่หมู่เมฆแบบนั้น แต่จะเรียกว่าหุนหันพลันแล่นก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
จางเซวียนคิดคำนวณความเสี่ยงและตัดสินใจแล้วว่าพอมีทางเป็นไปได้
หลังจากที่เขาสำเร็จศิลปะแห่งจิตวิญญาณเทียบฟ้าในระดับหนึ่งที่น่าพอใจแล้ว ศิลปะนั้นก็ถูกถ่ายทอดให้กับตัวโคลนเมื่อเขาเข้าสู่รังนางพญามด และขณะที่เขากำลังฝึกฝนวรยุทธของจิตวิญญาณ ตัวโคลนก็ทำแบบเดียวกัน พูดอีกอย่างก็คือตัวโคลนได้ฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นร่างทรงเกียรติแล้วเหมือนกันกับจางเซวียน
และในเมื่อตัวโคลนต้านทานเปลวเพลิงสีดำได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้?
จางเซวียนจะไม่ยอมพลาดเหตุการณ์สำคัญแบบนี้เป็นอันขาด
ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงเริ่มส่องตัวโคลนของเขาที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก หมอนั่นถูกล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงสีดำ ประเดี๋ยวหนึ่งก็ยืดหลัง เดี๋ยวก็โน้มตัวมาข้างหน้า เดี๋ยวก็นอนยืดอย่างสบายใจ ราวกับกำลังรื่นรมย์กับการใช้ชีวิตในวันหยุด
เปลวเพลิงสีดำสนิทยังคงแผดเผาทั่วทั้งร่างของเขา ไม่ช้าร่างนั้นก็เริ่มเรืองแสงสีทองออกมา จิตวิญญาณต้นกำเนิดของตัวโคลนแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
เราเข้าใจแล้ว*!* จางเซวียนตาโตขณะที่นึกบางอย่างได้
หอกสวรรค์กระดูกมังกรพูดไว้ว่าการทดสอบร่างอันทรงเกียรติแบ่งออกเป็นการทดสอบแผดเผาวิญญาณการทดสอบแผดเผาจิตและการทดสอบแผดเผาหัวใจ*…เราคิดมาตลอดว่าการทดสอบแผดเผาวิญญาณคือด่านแรกและที่เหลือก็จะตามมานั่นอาจเป็นความจริงสำหรับการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์โดยทั่วไปแต่กับเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดนั้นทั้ง 3 ด่านจะเกิดขึ้นพร้อมกัน!*
ความร้อนของเปลวเพลิงสีดำนั้นอยู่ในจุดที่เรียกว่าแทบจะต้านทานไม่ไหวแต่สำหรับเราก็ไม่ถึงขั้นที่จะเรียกว่ารับไม่ได้เพราะถึงอย่างไรเราก็ได้ฝึกฝนวรยุทธของจิตวิญญาณด้วยศิลปะแห่งจิตวิญญาณเทียบฟ้าและจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเราก็ได้รับการบ่มเพาะจากการทดสอบสายฟ้ามาแล้วหลายครั้งในแง่ของความแข็งแกร่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเราเทียบชั้นได้กับของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว*…*
แต่เราก็กลับหวาดกลัวเปลวเพลิงสีดำใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะหลีกเลี่ยงการซึมซับมัน…นี่คงเป็นการทดสอบความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นของเรา!
ตัวโคลนพุ่งเข้าใส่เปลวเพลิงสีดำโดยไม่ลังเลเพราะมันมั่นใจในความแข็งแกร่งของกายเนื้อของตัวเองประกอบกับในหัวใจของมันก็ปราศจากความหวาดกลัวอานุภาพของเปลวเพลิงสีดำจึงลดลงมากสิ่งนี้ก็เหมือนกับการเดินทางในความมืดมันอาจเป็นประสบการณ์ที่น่าพรั่นพรึงสำหรับผู้ที่มีความกลัวอยู่ในหัวใจพวกเขาจะคอยตรวจสอบบริเวณโดยรอบอยู่ตลอดเกรงว่าจะมีใครเข้ามาทำร้ายแต่หากมุ่งหน้าไปด้วยใจที่เปิดกว้างยามค่ำคืนก็จะไม่ใช่สิ่งที่น่าพรั่นพรึงสำหรับผู้นั้นอีกต่อไป…
เมื่อจางเซวียนคิดได้ เขาก็เปิดจิตวิญญาณต้นกำเนิดออกกว้างเพื่อรับลูกไฟสีดำสนิทที่กำลังพุ่งเข้ามา ในเวลาเดียวกัน เขาก็ทำลายลำแสงสีทองที่โอบล้อมจิตวิญญาณต้นกำเนิดไว้ ปลดปล่อยตัวเองให้พร้อมรับเปลวเพลิงสีดำ ประหนึ่งยอมพลีชีพ
ซรืดดดดด!
เปลวเพลิงเริ่มแผดเผาจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขา แต่ด้วยสภาวะจิตที่สงบและสุขุม มันจึงไม่สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสแบบเดิม กลับตรงกันข้าม ด้วยการบ่มเพาะจากเปลวเพลิง จิตวิญญาณต้นกำเนิดของจางเซวียนก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป็นอย่างที่เราคิดไว้เลย*!* เมื่อเห็นว่าได้ผล จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เปลวเพลิงสวรรค์เป็นพลังอันลึกลับของธรรมชาติ มันไม่เพียงแต่แผดเผาร่างกาย แต่ยังแผดเผาจิตวิญญาณและสภาวะจิตด้วย
ยิ่งเขาหวาดกลัวมันมากเท่าไหร่ อานุภาพของมันก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น นั่นเป็นเพราะเป้าหมายของเปลวเพลิงไม่ได้อยู่ที่จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นสติสัมปชัญญะและจิตใจด้วย
ความหวาดกลัวทำให้คนๆหนึ่งอ่อนแอ ง่ายต่อการที่จะปลูกฝังความคิดและความเข้าใจที่ผิดๆให้ สำหรับนักรบในระดับของจางเซวียน ความคิดไม่ได้เป็นเพียงแค่ความคิดอีกต่อไป
ดังนั้น เมื่อเขาละวางความกลัวทั้งหมดและพร้อมอ้าแขนรับเปลวเพลิงสีดำนั้น อานุภาพของเปลวเพลิงก็กลับลดลงมาก
แต่ถึงความร้อนแผดเผาของมันจะลดลงมาก จางเซวียนก็ยังคงรู้สึกได้ถึงการโจมตีและความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขา ทำให้เขารู้สึกเหมือนจะถูกฉีกเป็นชิ้นได้ทุกขณะ
ตอนนี้เราควรเพ่งสมาธิกับการบ่มเพาะจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเราเสียก่อน*…*
ถึงจะรู้สึกเจ็บปวด แต่จางเซวียนก็เปิดจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาออกกว้างและซึมซับเปลวเพลิงที่ลามเลียอยู่โดยรอบอย่างดุเดือด
บึ้มมมม!
เปลวเพลิงสีดำพุ่งเข้าโอบล้อมจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขา ด้วยความร้อนอันน่าทึ่งที่แผ่ออกมา จิตวิญญาณต้นกำเนิดของจางเซวียนค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง และแสงที่เรืองออกมานั้นก็เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเขากำลังจะกลายร่างเป็นพระพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิต
ขอดูหน่อยเถอะว่าเราจะกำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดได้หรือไม่*!*
หลังจากที่รู้สึกว่าจิตวิญญาณต้นกำเนิดของตัวเองเริ่มจะคุ้นชินกับความร้อนของเปลวเพลิงสีดำแล้ว จางเซวียนก็เคลื่อนเปลวเพลิงสีดำนั้นเขาใส่สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิด
ราวกับเผชิญหน้ากับบางอย่างที่น่าพรั่นพรึง สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว
จางเซวียนตาโตขณะขับเคลื่อนเปลวเพลิงสีดำเข้าใส่สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดต่อไปเพื่อต้อนให้มันจนมุม
ฟิ้วววว!
สุดท้าย สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดก็ทนไม่ไหวและพุ่งออกจากจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขา มันหลบหนีไปโดยแปรสภาพตัวเองเป็นควันสีดำก่อนจะหายวับไปกับตา
สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดมีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง ไม่อย่างนั้นมันคงไม่อาจหนีรอดจากการโจมตีของพลังปราณเทียบฟ้าได้
“ในที่สุด!” เมื่อเห็นว่าสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดหลบหนีไปแล้ว จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
สิ่งนี้เป็นระเบิดเวลาสำหรับเขาตลอดมา ตั้งแต่เขาค้นพบว่ามีมันอยู่ ก็ต้องมีชีวิตด้วยความหวาดกลัวว่าตัวเองจะตายได้ทุกขณะ และมันคือแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เขาไม่หยุดยั้งการฝึกฝนวรยุทธ
แต่วันนี้ เขาเป็นอิสระจากมันแล้ว!