บทที่ 740 การเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

เสียงที่หวังเป่าเล่อเลือกใช้นั้นแหบพร่าเล็กน้อยแถมยังแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งเกินควบคุม ชายหนุ่มพยายามเลียนเสียงต้นไม้ยักษ์ เสียงสนั่นของเขาดังก้องไปทั่วเรือบินรบ ก่อนจะมีเสียงกัมปนาทดังกึกก้องอยู่ในศีรษะของผู้ฝึกตนที่อยู่บนเรือ ทุกคนดูเหมือนว่าหูจะดับ พากับนั่งใบ้เบื้อด้วยสีหน้าตื่นตะลึงกันไปหมด

ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในไม่อาจทานทนเสียงของหวังเป่าเล่อได้ โลหิตไหลบ่าออกจากทุกรูบนใบหน้าของพวกเขา จิตใจปั่นป่วน แถมพลังปราณยังถูกยับยั้งเอาไว้ ส่วนผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณที่มีพลังมากขึ้นมาหน่อยก็ยังได้รับบาดเจ็บแม้จะน้อยกว่า ใจของพวกเขาอื้ออึง ก่อนจะบ้วนเลือดออกมากองใหญ่ พวกเขาซวนเซและต้องคว้ากำแพงที่ใกล้ที่สุดเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้ม

มีเพียงผู้อาวุโส ที่มีระดับพลังปราณสูงสุดเท่านั้นที่สามารถรับมือกับเสียงของหวังเป่าเล่อได้ ถึงกระนั้น ก็ยังมีเลือดไหลซึมออกมาตรงมุมปาก ใบหน้าของเขาซีดขาว มีประกายความตื่นกลัวฉายชัดอยู่ในแววตา

ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นก่อนที่หวังเป่าเล่อจะปรากฏกายด้วยซ้ำ ชายหนุ่มยังคงหายตัวอยู่ในร่างมายา และใช้เพียงเสียงกระแทกใส่คนอื่นๆ ราวกับเป็นปีศาจร้าย จนทำให้ทุกคนแทบจะเสียสติไป ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา!

ในวินาทีต่อมา ก่อนที่ใครจะตั้งตัวได้ติด ปราณมืดก็เริ่มไหลบ่ามาจากกำแพงและพื้นของเรือบินรบ เรือบินรบทั้งลำถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังน่าสะพรึงกลัว ควันดังกล่าวมีอำนาจกัดกร่อนซึ่งหลอมละลายทุกอย่างที่มันสัมผัส

ภายในพริบตา ปราณมืดก็เข้าปกคลุมเรือบินรบและพุ่งไปยังผู้ฝึกตนทุกคนบนนั้น ทุกคนต่างก็ไร้กำลังที่จะต่อต้านควันสีดำ ควันเข้าไปในกายของพวกเขา ม้วนตัวเข้าไปในกระเป๋าคลังเก็บและสมบัติเวทต่างๆ ของคนเหล่านี้ก่อนจะจากไปทันที

สมบัติเวทบางชิ้นเป็นจี้ที่ห้อยอยู่บนคอของผู้ฝึกตนเหล่านี้ บ้างก็เป็นสมบัติภายในกายที่พวกเขาหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ ไม่มีชิ้นใดหลุดรอดไปได้ ทุกๆ ชิ้นถูกปราณมืดช่วงชิงเอาไป พลังปราณมืดหอบกระเป๋าคลังเก็บและสมบัติเวทมารวมกันอยู่บนอากาศตรงหน้าของทุกคน ก่อนจะแปรสภาพสิ่งของเหล่านี้ให้กลายเป็นร่างเงาพร่าเลือน!

ร่างเงานั้นมีใบหน้าไม่ชัดเจน และถูกห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มของหมอกควันที่ขยับเคลื่อนย้ายหดเล็กและขยายใหญ่อยู่ไปมา ช่างเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง จู่ๆ แสงไฟสีโลหิตสองดวงก็ส่องสว่างขึ้นบนใบหน้าของร่างนั้น ก่อนจะหันไปทางบรรดาผู้ฝึกตนที่เพิ่งถูกชิงสมบัติไป

ดวงตามายาทั้งสองเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในวินาทีนั้น สายตาที่จับจ้องมาทำให้ทุกคนตื่นกลัวจนใกล้สิ้นสติ

สายลมเย็นเริ่มหมุนวน ก่อนที่ความเย็นเยียบน่าสะพรึงกลัวจะชำแรกเข้ามาภายในเรือบินรบ ความเย็นนั้นทำให้กายเนื้อเย็นเยียบแต่กลับแผดเผาดวงวิญญาณให้ร้อนเร่า บรรดาผู้ฝึกตนต่างรู้สึกราวกับว่าวิญญาณของพวกเขาถูกเปลวไฟเผาไหม้ ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี้เข้าปกคลุมผู้ฝึกตนทุกคนบนเรือบินรบ ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกแปร่งและน่าสะพรึงกลัว ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในไม่อาจทานทนได้อีกจึงหมดสติไปทันที

ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณก็ประสบความยากลำบากเช่นกัน พวกเขาพยายามปลดปล่อยพลังปราณออกมาจนสุดเพื่อต่อต้านความเจ็บปวดที่สัมผัสได้ทั้งบนร่างกายและในจิตวิญญาณ ผู้อาวุโสบ้วนเลือดออกมาอีกกองใหญ่ขณะที่ซวนเซไปจับเก้าอี้ซึ่งวางอยู่ใกล้ๆ จากนั้นเขาก็ละล่ำละลักพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัว

“พวกเขาเป็นศิษย์สำนักพันวิญญาณ ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเราคือกงซุนโหว ผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ…”

“หุบปาก!” ร่างที่ก่อขึ้นมาจากควันสีดำตะโกนแทรกก่อนที่ผู้อาวุโสจะพูดจบ เสียงนั้นดังราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่าที่ฟาดสนั่นลงมาในศีรษะของทุกคน ผู้อาวุโสขั้นจุติวิญญาณไม่อาจทานทนได้อีก จึงพ่นโลหิตออกมาอีกหลายครั้ง ร่างปริศนายกมือขวาขึ้นกวาดไปในอากาศ

พลังปริศนาพลันปรากฏขึ้น พายุหมุนก่อตัวขึ้นภายในเรือบินรบนั้นและขยายออกไปจนถึงงภายนอก ก่อนจะดึงดูดทุกสิ่งไปหาด้วยพลังอันรุนแรง มันลากทุกคนบนเรือบินรบเข้าไปหาด้วยความตั้งใจที่จะกลืนพวกเขาเข้าไปทั้งหมด

ผู้ฝึกตนทุกคนมาปรากฏตัวอีกครั้งด้านนอกเรือบินรบในชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ สายลมรุนแรงฟาดฟันเข้าใส่ เสียงสายฟ้าฟาดดังเปรี้ยงปร้างอยู่ในหู ทั้งหมดตัวสั่นเทา แม้จะเกรงกลัวแต่ก็โล่งใจที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ามองเรือบินรบของตนปลดปล่อยความเร็วสูงสุดออกมาและพุ่งตัวไปในความเวิ้งว้าง!

การปล้นครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บรรดาเหยื่อของการกระทำต่างก็ตัวสั่นอยู่ในสายลมหนาวเหน็บ หลายคนต่างมีสีหน้าสับสน ทุกคนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น พวกเขาเป็นโจวสลัดแห่งจักรวาลที่เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากการปล้นซึ่งสำเร็จอย่างล้นหลาม แต่ก่อนที่จะได้กลับสู่ดาวเคราะห์บ้านเกิด พวกเขากลับถูกคนอื่นปล้นไปเสียฉิบ!

ผู้อาวุโสที่เป็นผู้นำกลุ่มยืนนิ่งขึงตะลึงอยู่นับสิบวินาทีก่อนจะส่งเสียงโหยหวนเจ็บปวดออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ ก่อนจะเมินบรรดาศิษย์ร่วมสำนักและใช้ความเร็วเต็มที่พุ่งตัวลงไปยังพื้นดินทันที!

ขณะที่พุ่งตัวออกไปนั้น เขาก็ยกมือขวาขึ้นทุบอกอย่างแรงโดยที่ไม่มีใครทันเห็นเพื่อเพิ่มอาการบาดเจ็บให้ตนเอง ชายชรามีสภาพดูไม่ได้ เลือดไหลซึมออกมาจากปากไม่หยุดหย่อนขณะที่ร่วงหล่นผ่านชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ลงไป เขากำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่ได้นัดหมายกับคนของสำนักเอาไว้

ชายชราปรากฏกายตัวออกมาจากชั้นบรรยากาศก่อนจะมาถึงจุดนัดหมาย ผู้ฝึกตนนับสิบจากสำนักที่มาเพื่อรับกลุ่มของเขาโผล่เข้ามาในคลองจักษุ พอเห็นดังนั้นผู้อาวุโสก็รีบส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดทันที

“ท่านเจ้าสำนัก ข้าทำภารกิจล้มเหลว ข้าพยายามเต็มที่และต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียจนไม่อาจจะรักษาเรือบินรบของเราเอาไว้ได้ เรือบินรบของเรา…เรือบินรบของเรา…ถูกขโมยไปขอรับ!”

ผู้อาวุโสแค่นคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปาก ก่อนจะกระอักเลือดออกมากลางอากาศ เขาดูราวจะบาดเจ็บสาหัสจนเหาะเหินต่อไปไม่ไหวและร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ผู้ฝึกตนร่วมสำนักที่เดินทางมาไกลเพื่อมาต้อนรับกลุ่มของเขาต่างก็พากันตกใจที่ได้เห็น รีบทะยานขึ้นไปรับร่างที่ร่วงหล่นลงมาก่อนจะรักษาบาดแผลให้ พลางถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในบรรดาคนเหล่านั้นมีผู้ฝึกตนวัยกลางคนอยู่คนหนึ่ง สีหน้าของเขาตื่นตะลึงเมื่อได้ฟังเรื่องที่ผู้อาวุโสเล่า เขาหยิบแผ่นหยกออกมาและส่งข้อความเสียงทันที

วินาทีต่อมาท้องฟ้าก็เริ่มแปรเปลี่ยน สายลมหมุนวน ก้อนเมฆเคลื่อนคล้อย ร่างๆ หนึ่งปรากฏขึ้นจากที่ไกลๆ การมาของเขาสังเกตเห็นได้จากพายุหมุนรุนแรงที่ปรากฏอยู่รอบกาย ผู้ฝึกตนที่เห็นการปรากฏตัวของร่างนั้นต่างก็พากันตื่นตะลึง วินาทีถัดมา ผู้มาใหม่ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสซุน เขาเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ที่สูงกว่าคนทั่วไปอยู่หลายช่วง มีรัศมีพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นแผ่ออกมาจากกาย ชายผู้นี้คือผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักพันวิญญาณ กงซุนโหวนั่นเอง!

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” บุรุษร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงขึงขัง สายตาของเขาเปล่งประกายกล้าด้วยความมีอำนาจ

ผู้อาวุโสซุนตัวสั่นเพราะการปรากฏตัวของผู้อาวุโสสูงสุด ก่อนจะละล่ำละลักเล่าเหตุการณ์การปล้นออกมา สายตาอาฆาตปรากฏขึ้นในแววตาของกงซุนโหวเมื่อได้ฟังจนจบ เส้นผมของผู้อาวุโสสูงสุดสั่นไหวอยู่ไปมาแม้อากาศจะนิ่งงัน เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดโทสะขึ้นอย่างแรงกล้า

“ใครกันช่างกล้าปล้นเรือบินรบของสำนักพันวิญญาณ เบื่อจะมีชีวิตแล้วหรือไร” กงซุนโหวยกมือขวาขึ้นกำหมัดแน่น สายฟ้าพุ่งจากสรวงสวรรค์มารวมกับกำปั้นของเขา ก่อนจะแปรสภาพเป็นไฟฟ้าลูกกลมที่ส่งเสียงแตกเปรียะน่าสะพรึง เขาเหวี่ยงกำปั้นออกไปข้างหน้า ไฟฟ้านั้นก็พุ่งออกไปในชั้นบรรยากาศก่อนจะระเบิดกลายเป็นทางเดิน

กงซุนโหวผู้เกรี้ยวกราดย่างกรายไปบนทางเดินนั้นก่อนจะเริ่มแผ่สัมผัสสวรรค์ออกไป เขาสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ จนจับตำแหน่งเรือบินรบของสำนักได้ จากนั้นก็รีบติดตามไปทันที!

ขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักพันวิญญาณกำลังติดตามมาอย่างกราดเกรี้ยวนั้น หวังเป่าเล่อกำลังยืนอยู่ภายในเรือบินรบของสำนักซึ่งห่างออกมาจากผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ประมาณหนึ่ง ชายหนุ่มปรากฏตัวในรูปลักษณ์ของจั่วอี้เซียน จ้องมองกระเป๋าคลังเก็บที่เพิ่งเปิดเมื่อครู่ ดวงตาลุกโพลงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

“ศิลาดารามายา!”

“ข้ารวยแล้ว!” หวังเป่าเล่อกล่าวอย่างลิงโลดใจ ลืมเจ้าลาข้างกายที่กำลังเลียริมฝีปากอย่างใจจดใจจ่อไปเสียสนิท ชายหนุ่มโบกมือหนึ่งครั้งเพื่อเก็บกระเป๋าคลังเก็บเหล่านั้นไว้ทั้งหมด จากนั้นสายตาก็หยุดอยู่ที่เรือบินรบเป็นเป้าหมายต่อไป เขาควบคุมเรือบินรบไว้ได้ง่ายดายพอสมควร

ต้องมีตัวส่งสัญญาณซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งบนเรือบินรบนี้แน่…แต่ข้าจะยอมเสียมันไปไม่ได้ มันน่าเสียดายเกินไป… หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงก่อนจะเริ่มต้นทำงาน

ความชำนาญด้านอาวุธเวทและประสบการณ์การทำงานที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายเดือนเป็นประโยชน์ทันทีที่หวังเป่าเล่อเริ่มแยกชิ้นส่วนเรือบินรบ เขาไม่มีเวลาหลอมหุ่นเชิดเพิ่มเลยในช่วงหลายเดือนมานี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแยกชิ้นส่วน เขาจึงใช้กระบวนท่าสารัตถะสร้างร่างอวตารที่มีพลังน้อยกว่าขึ้นมาอีกหลายร่างเพื่อช่วยกันทำงาน

ส่วนแรกที่หวังเป่าเล่อเข้าไปรื้อถอนคือวัตถุเวทที่อยู่ใจกลางเรือบินรบ จากนั้นจึงเป็นแหล่งกำเนิดดาราที่เป็นตัวให้พลังงาน แล้วก็เป็นระบบป้องกันและโจมตี ด้วยความช่วยเหลือของบรรดาร่างอวตาร หวังเป่าเล่อจึงสามารถชำแหละเรือบินรบออกเป็นชิ้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว เป้าหมายของเขาคือการแยกส่วนมันออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยให้ความสำคัญกับส่วนที่สามารถถอดออกมาได้ง่ายๆ และมีมูลค่าสูงสุดก่อน

“แหวนสื่อวิญญาณเช่นนั้นหรือ ขอรับไปละนะ!”

“เครื่องยนต์หรือ ของดีนี่ เป็นของข้าเสียเถิด!

“ชิ้นส่วนที่ทำมาจากศิลาผนึกหมอก ของหายาก เอามาด้วยก็แล้วกัน!”

หวังเป่าเล่อยิ่งรู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ ขณะกำลังฉีกทึ้งเรือบินรบอยู่ไม่หยุด เจ้าลาก็เริ่มรู้สึกเช่นเดียวกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการแยกชิ้นส่วนนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชิ้นส่วนที่เสียหายเหล่านั้นกลายมาเป็นอาหารอันโอชะของเจ้าลา มันเคี้ยวเศษชิ้นส่วนอยู่ตุ้ยๆ ข้างกายชายหนุ่ม…

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ในช่วงเวลานี้ กงซุนโหวยังคงเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่งข้ามดาวเคราะห์มา ขณะเดียวกัน เรือบินรบก็ลดขนาดลงถึงหนึ่งในสามจากการแยกส่วนของหวังเป่าเล่อและการขบเคี้ยวของเจ้าลาคู่ใจ!

ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็สามารถควบคุมความโลภของตนเอาไว้ได้ ชายหนุ่มอัดของใส่ในกระเป๋าคลังเก็บที่ขโมยมาจนเต็ม จากนั้นจึงหยุดรื้อค้นเรือบินรบด้วยความเสียดาย เขากอดเจ้าลาไว้แน่นก่อนจะหายตัวไปอีกครั้ง ทั้งคู่ทะลุผ่านเรือบินรบและหนีไปทันที เรือบินรบที่เสียชิ้นส่วนไปถึงหนึ่งในสาม รวมถึงแหล่งพลังงานค่อยๆ ชะลอตัวลง มันหลุดจากวงโคจรของดาวเคราะห์ก่อนจะเริ่ม…ทิ้งดิ่งลงไปยังพื้นดินราวกับเป็นดาวหางที่กำลังพุ่งชนโลกก็ไม่ปาน!

………………………