ตอนที่ 822 ดวลเดือดกับชิวไท่ยิง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 822 ดวลเดือดกับชิวไท่ยิง

ฮึ่ม**! ฮึ่ม!**

คลื่นหลิงในบริเวณนี้ผันผวนรุนแรง ขณะที่จันทร์เสี้ยวสีดำทั้งห้ารวมตัวกันภายใต้ฝ่ามือของชิวไท่ยิง ของเหลวสีดำไหลเข้าสู่จันทร์เสี้ยว ปล่อยรังสีกัดกร่อนน่ากลัวอย่างยิ่งออกมา

เหล่าจอมยุทธ์มีสีหน้าเคร่งขรึมลง พวกเขาต่างสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารจากกระบวนท่าของชิวไท่ยิง เห็นชัดว่าเขาไม่ต้องการลากการต่อสู้กับมู่เฉินต่อไปอีกแล้ว พยายามยุติการต่อสู้ที่น่าเบื่อในสายตาเขาให้เร็วที่สุด

จิ่วโยวกับเหล่าผู้บัญชาการมีสีหน้าเครียดลง แม้ว่าชิวไท่ยิงจะเพิ่งบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า แต่การโจมตีนี้ก็อยู่ในระดับที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าอย่างจริงจัง

“ไป!”

ชิวไท่ยิงมองมู่เฉินด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ จันทราทั้งห้าสั่นสะเทือน ทะลวงผ่านมิติหายเข้าไป อึดใจก็มาปรากฏเหนือร่างมู่เฉิน จันทร์เสี้ยวทั้งห้าฉวัดเฉวียดไปมาราวกับปลาน้อย

ชิวไท่ยิงแสยะยิ้มเย็นขณะมองมู่เฉินที่อยู่บนศีรษะร่างเทพสุริยะด้วยดวงตาพล่านไอเย็นเยือก ในเมื่อจะลงมือ ก็ต้องกำจัดความกล้าของมู่เฉินที่มีให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงกำหมัดแน่น

“หลอมรวมห้าจันทรา!”

จันทร์เสี้ยวสีดำเมื่อมทั้งห้าเปล่งไอเย็นเยือกไร้ที่สิ้นสุดออกมาก็ปะทะกันแล้วรวมตัว ทำให้พลังการโจมตีน่ากลัวมากกว่าเดิมหลายส่วน แม้แต่มิติก็ถูกฉีกแยกออกจากกัน

ทุกคนต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาเข่นฆ่าจากชิวไท่ยิง

มู่เฉินยืนบนศีรษะของร่างเทพสุริยะเงียบๆ เขามองการโจมตีน่าตกใจด้วยดวงตาดำมืด มือทั้งสองก็ประสานกัน วาดตราประทับมือวูบไหว

ฮึ่ม!

เมื่อตราประทับมู่เฉินเปลี่ยนไป แสงสีทองโชติช่วงก็ระเบิดออกมาจากคิ้วและหน้าอกของร่างเทพสุริยะ ราวกับดวงตะวันสองดวงฉายแสง

ขณะที่แสงสีทองกระจายออกไป ก็เทเข้ามาในร่างมู่เฉิน ทำให้เขาดูสว่างเจิดจ้าท่ามกลางแสงสีทอง

ทักษะเทห์สวรรค์ คลื่นเก้าตะวัน สองตะวัน!

แสงสีทองพุ่งผ่านม่านตาสีดำของมู่เฉิน ตราประทับเปลี่ยนไปอีกครั้ง เสียงตะโกนดังก้องในหัวใจ “คลื่นเก้าตะวัน ตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์!”

ฟิ้ว!

ตราประทับโบราณสีทองก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วใต้ฝ่ามือของมู่เฉิน สุดท้ายกลายเป็นแสงสีทองวาบผ่านขอบฟ้าพุ่งตรงไปยังแสงสีดำที่ฉีกผ่านมิติมาอย่างไม่ลังเล

เมื่อใช้ตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์ มู่เฉินก็ไม่ได้หยุดมือ เพราะเขารู้ดีว่าการโจมตีเต็มกำลังของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าไม่ใช่สิ่งที่ต้านทานได้ง่าย

โฮก!

เขากระทืบเท้า คลื่นหลิงไร้ขอบเขตราวกับมังกรพวยพุ่งในร่าง จากนั้นเสียงคำรามของมังและคชสารก็ดังขึ้นจากในร่าง ทำให้พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะเทือน

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

เสาแสงสี่เสาพุ่งออกจากร่างมู่เฉิน ก่อนจะรวมตัวอย่างรวดเร็วเป็นมังกรและคชสารอย่างละสองตัว มังกรคดตัว คชสารย่ำฟ้า ปลดปล่อยคลื่นหลิงป่าเถื่อนออกมา

“วิชาเก้ามังกรคชสาร!”

สัตว์อสูรสองตัวมีร่างกายลุกโชนด้วยเพลิงสีม่วง ส่วนอีกสองตัวเปล่งประกายสายฟ้าไร้รูปร่าง พวกมันมีองค์ประกอบแตกต่างกันและมีความรุนแรงอย่างยิ่งในตอนนี้

ตู้ม!

สองมังกรสองคชสารปะทะกัน พร้อมกับคลื่นหลิงรุนแรงผันผวนออกมาราวกับคลื่น ขณะที่จานแสงมังกรคชสารยักษ์ก่อร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทะยานออกมาเป็นลำแสงสายหนึ่ง

ตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์นำหน้า จานแสงมังกรคชสารต่อท้าย กระบวนท่าทรงพลังทั้งสองถูกปลดปล่อยออกมาแบบไม่มียั้งจากมู่เฉิน การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากรู้สึกใจสั่นเช่นกัน แม้ว่ามู่เฉินจะเพิ่งบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ ทว่าการโจมตีนั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ที่บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่มานานยังยากจะต้านทานได้

แต่เขาจะสามารถต้านทานท่าพิฆาตของชิวไท่ยิงได้ด้วยสิ่งนี้หรือ?

ภายใต้สายตากระวนกระวายนับไม่ถ้วน ลำแสงก็ฉีกผ่านมิติก่อนจะปะทะกันราวกับอุกกาบาต

ตึง!

การปะทะกันนี้ทำให้พายุคลื่นหลิงกวาดออกมาอย่างฉับพลัน แรงปะทะคลื่นหลิงราวคลื่นสูงหมื่นจั้งกวาดอาละวาดรุนแรงทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ

แสงสีดำและสีทองกินพื้นที่ท้องฟ้าคนละครึ่ง ขณะที่กัดกร่อนปะทะกันรุนแรง

ชิวไท่ยิงมองการปะทะด้วยสายตาไม่แยแส จากนั้นไอเย็นเยือกในดวงตาก็แรงกล้าขึ้นขณะที่ตะโกนออกมา “สลาย!”

ฮึ่ม!

จันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ที่ก่อตัวจากจันทร์เสี้ยวห้าดวงกระตุก ไอเย็นเยือกพวยพุ่ง มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ แตกตราประทับสีทองออกจากกัน

หลังจากฉีกตราประทับแสงสีทองออกจากกัน จันทร์เสี้ยวสีดำก็พุ่งตรงมาที่จานแสงมังกรคชสารที่พุ่งเข้ามา

จานแสงมังกรคชสารระเบิดแตกออกกลายเป็นจุดแสงสลายหายไป แต่จันทร์เสี้ยวสีดำนั้นก็หม่นแสงลงอย่างหนัก มากจนมีรอยแตกปรากฎขึ้น

“พลังงานที่เหลืออยู่ก็เพียงพอที่จะจัดการแกแล้ว” ชิวไท่ยิงเค้นเสียง แม้พลังการโจมตีของเขาจะลดลงไปจากการปะทะกับกระบวนท่าทั้งสองของมู่เฉิน แต่พลังที่เหลืออยู่ก็นับว่าเพียงพอแล้ว

มู่เฉินมองจันทร์เสี้ยวที่ทะยานเข้ามาขณะยืนอยู่บนศีรษะของร่างเทพสุริยะ จากนั้นก็ทำสิ่งที่น่าตกใจ เขาไม่มีสัญญาณว่าจะหลีกเลี่ยงใดๆ กลับพุ่งตรงไปหาจันทร์เสี้ยว!

โห้!

จอมยุทธ์ที่อยู่รอบลานพิธีก็ระเบิดความโกลาหล

“แกรนหาที่ตาย!” ไอเย็นเยือกพวยพุ่งในดวงตาของชิวไท่ยิง

ฮึ่ม!

แสงสีทองสุกใสระเบิดออกจากร่างมู่เฉิน ราวกับมีภาพมังกรและหงส์ฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏบนผิวกาย เกราะทองคำก็เผยขึ้นมาด้วยเช่นกัน

เขาเหวี่ยงหมัดไปข้างหน้าปะทะอย่างหนักหน่วงกับจันทร์เสี้ยวสีดำที่แผ่พลังงานเย็นเยือกปริมาณมากอย่างน่าตกใจภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน

คลื่นหลิงรุนแรงกวาดสร้างหายนะ

ร่างของมู่เฉินถลากลับไป

แต่เวลาเดียวกันกับที่มู่เฉินกระเด็นถอยหลัง ทุกคนก็เห็นรอยร้าวแผ่กระจายอย่างรวดเร็วบนจันทร์เสี้ยวสีดำหลังจากรับหมัดจากมู่เฉิน ก่อนที่จะพังทลายลงกลายเป็นจุดแสงสีดำ

การโจมตีเต็มกำลังของชิวไท่ยิงถูกมู่เฉินจัดการได้ในที่สุด!

เมื่อร่างมู่เฉินกระเด็นถอยออก มือใหญ่ของร่างเทพสุริยะก็ยื่นออกคว้าตัวเขาไว้ ทว่าพลังงานสะท้อนน่ากลัวจนทำให้เกิดรอยร้าวบนมือใหญ่ของร่างเทพสุริยะ

มู่เฉินพลิ้วตัวลงบนมือร่างเทพสุริยะ เกราะทองคำจางหายไป ทุกคนก็เห็นเลือดหยดลงมาจากฝ่ามือเขา

มู่เฉินทำเพียงเหลือบมองรอยเลือดบนมือ เขารู้สึกถึงความเจ็บชาแผ่ออกมา หากไม่ใช่เพราะเกราะมังกรหงส์และกายามังกรหงส์ละก็ จันทร์เสี้ยวสีดำคงจะฉีกร่างเขาไปในพริบตาแล้ว

การโจมตีเต็มกำลังของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้ แม้ว่าพลังงานส่วนใหญ่จะหมดไป แต่พลังงานที่เหลืออยู่ก็เพียงพอที่จะสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่แล้ว

ทว่าชิวไท่ยิงประมาทความสามารถของมู่เฉินอย่างเห็นได้ชัด

ความโกลาหลพล่านไปทั่วบริเวณ คิดว่าคนจำนวนมากคงรู้สึกตระหนกไปกับความจริงที่มู่เฉินได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็สามารถต้านทานการโจมตีเต็มกำลังของชิวไท่ยิงได้แล้ว

สีหน้าของชิวไท่ยิงเย็นลงเมื่อมองภาพนี้ เขามองมู่เฉินที่มีดวงตาสงบไร้ริ้วอารมณ์ใดๆ โทสะในหัวใจก็แรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ

มู่เฉินทำให้การโจมตีของเขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาเสียหน้ามาก

แต่ถึงเขาจะทั้งประหลาดใจและโกรธ ชิวไท่ยิงก็เริ่มปฏิบัติกับมู่เฉินในฐานะคู่ต่อสู้แท้จริง เขารู้ว่าหากยังมีความคิดดูถูกอีกฝ่ายอยู่ในใจ เขาจะเป็นฝ่ายล้มเหลวอย่างไม่คาดฝัน ซึ่งเขาไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน

ซู้ด

ชิวไท่ยิงสูดหายใจลึก โทสะในส่วนลึกของดวงตาเริ่มหายไปแทนที่ด้วยไอเย็นเยือก

พอเห็นความเปลี่ยนแปลงของชิวไท่ยิง มู่เฉินก็ขมวดคิ้ว ฝ่ายหลังในสภาวะเช่นนี้ชัดว่าต่อกรได้ยากขึ้น

ชิวไท่ยิงมองมู่เฉินอย่างเย็นชาก่อนจะกระทืบเท้า อาวุธสีดำเมื่อมรูปจันทร์เสี้ยวปรากฏบนมือร่างมหาจันทรา ไอเย็นคมกริบแผ่ออกมาจากใบมีด

ตู้ม!

ร่างมหาจันทราโจนทะยานออกมาพร้อมกับไอเย็นเชี่ยวกราก ปลดปล่อยการโจมตีรุนแรงใส่มู่เฉิน ตอนนี้ชิวไท่ยิงได้รวมคลื่นหลิงของตนเองเข้ากับร่างมหาจันทรา กระบวนท่าที่ปล่อยออกมาจากการรวมตัวทำให้ฟ้าถล่มดินทลายได้

เมื่อเห็นภาพดังกล่าว ตราประทับในมือมู่เฉินก็เปลี่ยนแปลงพร้อมกับเสาปีศาจปรากฎในพริบตา มาอยู่ในมือของร่างเทพสุริยะก่อนจะฟาดออกไป

ตู้ม!

ร่างใหญ่โตสองร่างปะทะกันบนท้องฟ้า ทำให้เมฆกระจายออกไปจากบริเวณนี้ พายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง แม้แต่ชั้นเมฆก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แสดงให้เห็นว่าการโรมรันระหว่างทั้งสองเข้มข้นอย่างไร

ทุกคนต่างมีสีหน้าขรึมลงขณะมองร่างเทห์สวรรค์ปะทะกัน

“พี่ใหญ่จิ่วโยว สถานการณ์ของมู่เฉินไม่ดีเลย” ถังปิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาขณะที่สายตาจับจ้องไปบนท้องฟ้า นั่นเพราะร่างมหาจันทราเป็นฝ่ายเหนือกว่าในการปะทะ

จิ่วโยวพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ชิวไท่ยิงไม่ใช่คู่ต่อสู้กระจอกๆ จากการดูถูกในตอนแรกซึ่งส่งผลให้เกิดความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็ปรับความคิดให้ถูกทางได้แล้ว

เขาไม่ต่อสู้กับมู่เฉินด้วยกลยุทธ์อีกต่อไป เลือกวิธีต่อสู้ที่เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ นั่นก็คือรวบรวมพลังของตัวเองและร่างเทห์สวรรค์ด้วยกัน

ตัวเขามีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า ดังนั้นความแข็งแกร่งของคลื่นหลิงและความอดทนย่อมเหนือกว่ามู่เฉิน!

หากการต่อสู้ยืดเยื้อต่อไป มู่เฉินจะพ่ายแพ้อีกไม่ช้าอย่างแน่นอน

เห็นชัดว่าไม่ได้มีเพียงจิ่วโยวมองทะลุปรุโปร่ง เหล่าผู้บัญชาการที่เหลือก็ส่ายหน้าเช่นกัน จังหวะของการต่อสู้ครั้งนี้ตกอยู่ในมือของชิวไท่ยิง หากไม่ใช่เพราะร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินไม่ธรรมดา เขาคงจะพ่ายแพ้ไปนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือลากเวลาที่จะแพ้ออกไปเท่านั้น

บนบัลลังก์ทอง มั่นถัวหลัวขมวดคิ้วเข้าด้วย หรือว่ากระทั่งมู่เฉินก็ไม่สามารถขัดขวางชิวไท่ยิงในการขึ้นเป็นผู้บัญชาการได้เรอะ…

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินที่ยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะก็เงยหน้าขึ้นมองร่างมหาจันทราซึ่งปลดปล่อยการโจมตีร้ายกาจออกมา ชิวไท่ยิงยืนอยู่บนศีรษะร่างมหาจันทรา กระตุกยิ้มน่าขนลุกส่งมาให้เขา

เห็นชัดว่าใครๆ ก็บอกข้อเสียเปรียบของมู่เฉินได้

มู่เฉินสูดหายใจเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ จมลงในร่างเทพสุริยะทีละน้อย…ละน้อย

อยากจัดการข้าด้วยวิธีการเท่านี้ มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก…