ตอนที่ 849

Alchemy Emperor of the Divine Dao

เสียงที่ดังออกมาเต็มไปด้วยแรงกดดันของมังกรที่จะต้องทำให้ทุกคนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและคุกเข่า

สำหรับเผ่าใต้สมุทรความบริสุทธิ์ของสายเลือดนั้นคือทุกสิ่ง

ก่อนหน้านี้ตอนที่เฮ่อเหลียนหลงอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุ แม้แต่เฮ่อเหลียนหลงและเหวินเหรินเจี่ยที่เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติยังต้องยอมจำนน

เฮ่อเหลียนเทียนหยุนส่งเสียงกระแอมเล็กน้อยและเดินไปข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเด็ก แต่กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งและเขาพูดว่า “ข้าอยู่ที่นี่แล้ว จงไปบอกอ้าวซิงโปออกมาพบข้า!”

“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้ากล้าแสดงกิริยาหยาบคายต่อตระกูลจักรพรรดิแห่งท้องสมุทรรึ?” เสียงที่หนาวเย็นยิ่งกว่าเดิมดังขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า มันไม่มีประโยชน์อันใดที่เจ้าจะพูดถึง เผ่าใต้สมุทรขึ้นอยู่กับสายเลือด และข้ามีสายเลือดที่บริสุทธิ์กว่าพวกเจ้า แต่พวกเจ้ายังไม่เคารพข้าผู้นี้อีกรึ?” เฮ่อเหลียนหยุนแสยะยิ้ม

“โอ้ว นี่เจ้ากล้าพูดเรื่องความบริสุทธิ์ของสายเลือดกับตระกูลจักรพรรดิอย่างพวกข้าอย่างนั้นรึ?” ในขณะนั้นเองมีคนหลายร้อยคนออกมาจากช่องแคบ

พวกเขาสวมเสื้อคลุมลายมังกรทุกคนและแต่ละคนก็มีกลิ่นอายมังกรที่น่าเกรงขาม

พวกเขาเหล่านั้นเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ และมีสายเลือดของมังกรที่แท้จริง ความบริสุทธิ์สายเลือดของพวกเขานั้น เหนือกว่าเฮ่อเหลียนหลงและตระกูลเซียวหยู่อย่างมาก

“นี่เจ้ายังไม่โผล่หัวออกมาอีกรึ?” เฮ่อเหลียนหยุนกล่าว ถึงแม้ว่าเขาจะต่อสู้กับพวกนั้นไม่เลว แต่กลิ่นอายมังกรของเขานั้นไม่มีใครสามารถต่อต้านได้

เขาปลดปล่อยกลิ่นอายมังกรออกใส่พวกผู้คนจากตระกูลอ้าวทันที

ตู้ม กลิ่นอายมังกรระเบิดออกมา ผู้คนของตระกูลอ้าวหลายคนรวมถึงทุกคนที่อยู่ที่นี่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวทันที และเกือบจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฮ่อเหลียนหยุน

เฮ่อเหลียนหยุนกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า “เด็กน้อย เจ้าเห็นหรือไม่ว่าข้าแข็งแกร่งแค่ไหน!” เขาหันหลังไปพูดกับหลิงเจี้ยนเสวี่ยน

“หึ่ม!” ในขณะนั้นเองมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากเฮ่อเหลียนหยุนแม้แต่น้อย และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้ามันก็แค่มังกรจอมปลอม ข้าต่างหากมังกรที่แท้จริง!”

ตู้ม กลิ่นอายมังกรที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเฮ่อเหลียนเทียนหยุนเลย และกองทัพของเฮ่อเหลียนเทียนหยุนก็หมดสภาพในการต่อสู้เช่นกัน

หลินฮันขมวดคิ้วเล็กน้อยและพาเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเข้าไปในหอคอยทมิฬ แม้ว่าสายเลือดของนางจะบริสุทธิ์ แต่มันก็ยังห่างชั้นกับเฮ่อเหลียนเทียนหยุนอยู่มาก

– ส่วนพ่อและแม่ของหลิงฮันนั้น เขาได้พาพวกเขาเข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วก่อนที่จะมาถึงที่นี่

“อะไรกัน!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนรู้สึกตกตะลึง เจ้าเด็กนี่ไม่ได้ผลกระทบกลิ่นอายมังกรของเขาเท่านั้น แต่ยังปลดปล่อยกลิ่นอายมังกรที่ไม่ได้ด้อยกว่าเขาออกมาได้ด้วย

เป็นไปได้ยังไง!

ในทวีปฮงเทียนไม่ควรจะมีใครที่มีกลิ่นอายมังกรที่เทียบกับเขาได้!

แล้วทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงมีกลิ่นอายเทียบกับเขาได้?

“เจ้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?” หลิงฮันถามอีกฝ่าย

– ในเมื่อห้านิกายโบราณยังพาอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์ลงมาได้ แล้วทำไมตระกูลอ้าวจะทำไม่ได้ล่ะ?

“ฉลาดดีนิ!” ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม บนหัวของเขามีเขามังกรสองเขาอยู่บนหัวที่ให้กลิ่นอายที่เก่าแก่และสูงส่ง

“เขามังกรที่แท้จริง!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนรู้สึกตกตะลึง เขาที่เกิดใหม่ขึ้นมาจากเขี้ยวมังกร แน่นอนว่ามันทำให้เขามีประสาทสัมผัสที่ไวมากต่อกลิ่นอายมังกรที่แท้จริง

ไม่แปลกที่อีกฝ่ายสามารถต้านแรงกดดันของเขาได้ นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นลูกหลานของมังกรที่แท้จริงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์!

“หึ่ม เจ้าพวกกบก้นบ่อที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย!” ชายหนุ่มคนนั้นส่ายหัวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ข้าจะเป็นมังกรที่แท้จริงได้อย่างไร เพราะข้ายังไม่ได้บรรลุระดับสร้างสรรพ แล้วข้าจะมีคุณสมบัติเรียกตัวเองว่ามังกรที่แท้จริงได้อย่างไร!”

เฮ่อเหลียนเทียนหยุนรู้สึกตกตกละงึ เขาคิดว่าสายเลือดของตัวเองนั้นบริสุทธิ์มากจนคิดว่าตัวเองเป็นมังกรที่แท้จริงแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าความจริงมันจะเป็นแบบนั้น เขาจึงพูดออกไปว่า  “หึ่ม เจ้าหนูอย่าคิดที่จะหลอกลวงข้าผู้นี้!”

เขามีอายุแค่ห้าหรือหกปี แต่กลับเรียกอีกฝ่ายว่าเจ้าหนู นี่เขาไม่ละอายใจเลยหรือไง

“ข้าชื่ออ้าวเจี้ยนไม่ใช่เจ้าหนู!” การแสดงออกของชายหนุ่มนั้นดูสุขุมและไม่แยแส

“เผ่าใต้สมุทรขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของสายเลือด ในเมื่อเจ้ามีสายเลือดบริสุทธิ์ที่เทียบเท่าได้กับข้า ถ้างั้นพวกเรามาตัดสินกันด้วยความแข็งแกร่ง”

เฮ่อเหลียนเทียนหยุนหันไปมองหลิงฮัน ซึ่งทำให้เขาดูประหลาดใจเล็กน้อย

แน่นอนมันสมเหตุสมผล ในเมื่อสายเลือดบริสุทธิ์เท่ากัน เช่นนั้นก็ต้องตัดสินด้วยความแข็งแกร่ง!

แต่ปัญหาคือ อ้าวเจี้ยน…เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ!

หากต่อสู้มีแต่จะรนหาที่ตายเท่านั้น

หลิงฮันยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาในครั้งนี้ พวกเขาได้ประเมินดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่ำไป

เขาคิดว่ามันจะราบรื่นเหมือนกับตอนที่ห้านิกายโบราณส่งอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลงมาซะอีก

ในขณะเดียวกัน เฮ่อเหลียนเทียนหยุนก็คิดว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาหมดแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่า…มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในช่วงสุดท้าย

ถ้าเฮ่อเหลียนเทียนหยุนตาย เผ่าใต้สมุทรก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลอ้าวอีกครั้ง และจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น

เขาที่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์จะต่อสู้กับระดับทลายมิติได้อย่างไร? ในเมื่อห้านิกายโบราณส่งอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สทธิ์ที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาวลงมาได้ แล้วตระกูลอ้าวล่ะ?

ไม่ดีเลย!

หลิงฮันส่ายหัวให้เฮ่อเหลียนเทียนหยุนทันที ไม่ว่าเขาหรือเฮ่อเหลียนเทียนหยุนสิ่งที่พวกเขาขาดมากที่สุดคือเวลา ถ้าพวกเขามีเวลาสักสองถึงสามปี ไม่สิ บางทีอาจแค่ปีเดียว พวกเขาก็สามารถทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้สำเร็จ และจะกลายเป็นตัวตนสูงสุดของโลกโดยที่ไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใด

แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อสู้กับอ้าวเจี้ยน หากสู้กับเขามีแต่จะรนหาที่ตายเท่านั้น

เฮ่อเหลียนเทียนหยุนพยักหน้าขานรับหลิงฮันเป็นนัยน์ว่าเขาเห็นด้วย

หลิงฮันพูดกับเฮ่อเหลียนเทียนหลงสองสามคำ จากนั้นเขาพาเจ้ากระต่าย อสูรศิลา และฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬ และคว้าตัวเฮ่อเหลียนเทียนหยุน แล้วหันหลังกลับเพื่อหลบหนี

แน่นอนเขาจะต้องหนี จะให้เขาแวะพักดื่มชาอยู่ที่นี่หรือไง?

ทุกคนรู้สึกตกตะตึง ทำไมพวกเขาถึงหลบหนี?

เฮ่อเหลียนหลงได้รับเสียงจากหลิงฮัน เขารีบพูดตามทันทีว่า “เจ้าพวกขี้ขลาด แน่จริงอย่าหลบหนี!” เขาถูกแรงกดดันของอ้าวเจี้ยนกดทับอยู่ทำให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้ และทำได้แค่ส่งเสียงตะโกนประณามเขาเท่านั้น

เมื่อเห็นเช่นนั้นเผ่าใต้สมุทรทั้งสี่ตระกูลเองก็ทำตามเฮ่อเหลียนหลงและตะโกนประณามหลิงฮัน

มันไม่มีทางเลือกอื่นที่พวกเขาทำได้ สำหรับเผ่าใต้สมุทรสายเลือดเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง ตอนนี้พวกเขาได้แสดงจุดยืนที่มั่นคงของพวกเขาออกมาให้เห็นแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลิงฮันถึงขอให้เฮ่อเหลียนหลงตะโกนประณามเขา

นั่นเป็นเพราะถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนหลงจะสามารถหลบหนีได้ แต่ผู้คนของตระกูลเฮ่อเหลียนไม่สามารถหนีได้