เหอเฟิงตะลึงค้างเขาไม่คิดเลยว่าจู่ๆสถานการณ์มันจะพลิกผันไปกระทันหันแบบนี้ ในชีวิตเขามันมีเพียงไม่กี่อย่างที่ทำให้เขาตะลึงค้างแบบนี้ได้ ครั้งสุดท้ายก็คือตอนที่เกิดการปะทุโลกาวินาศนั่นเอง
”นาย?”ซางจิ่วตี้เองก็ชะงัก พยายามควบคุมอาการช็อคในใจ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “เมื่อไหร่? นายเจอกับชูฮันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
”โอ้!เธอถามว่าฉันเจอกับชูฮันได้ยังไงและเข้าร่วมกับหน่วยข่าวกรองลับของกองทัพเขี้ยวหมาป่าตั้งแต่เมื่อไหร่ใช่มั้ย?” ซงเสี่ยวหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาและตอบคำถาม “น่าจะตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากติดตามพี่ชูฮัน แต่เพราะด้วยข้อจำกัดมากมาย พี่ชูฮันเลยวางตัวฉันให้ไปประจำการที่ค่ายตวนเป็นเวลาหกเดือน ที่จริงแล้วฉันคือสมาชิกคนแรกของหน่วยข่าวกรองลับแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่านะ”
คำพูดของซงเสี่ยวถูกต้องแล้วเขาแอบทำงานลับๆให้ชูฮันมาเป็นเวลานาน ก่อนที่หน่วยข่าวกรองลับจะถูกตั้งขึ้นด้วยซ้ำ!
หลูปิงเซ่อสติหลุดไปแล้วสมาชิกหลักของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่อยู่ในห้องประชุมมีอาการหนักยิ่งกว่า เรื่องราวที่ไ้ด้รับรู้มันทั้งเหลือเชื่อและสับสนมากเกินไป
เหอเฟิงกระพริบตาปริบๆและอดไม่ได้ที่จะถามต่อ “พี่…ชูฮัน?”
เจ้าเด็กซงเสี่ยวนี่เรียกชูฮันอย่างสนิทสนมแบบนี้?แถมยังจงใจไม่พูดถึงซางจิงหรือตัวตนของตัวเอง หรือว่านี่เป็นการทำตามแผนการของชูฮัน?
ไม่!
”ใช่พี่ชูฮัน” ซงเสี่ยวตอบด้วยเสียงจริงจัง “พี่ชูฮันเป็นไอดอลของผม”
หน้าเหอเฟิงแทบจะเปลี่ยนเป็นสีดำทันทีปากบิดอย่างไม่พอใจ “ไอดอลของนาย ไม่ใช่ฉันงั้นเหรอ?”
ซงเสี่ยวยิ้มอย่างเฉลียวฉลาด”ตอนนี้ผมเปลี่ยนคนแล้ว”
เหอเฟิงเงียบสนิทไปพักหนึ่งหลังจากได้ยินคำตอบก่อนจะพูดเสียงกัดฟัน “ยินดีต้อนรับหลายชายของผู้บัญชาการมู๋สู่ค่ายเขี้ยวหมาป่าอย่างเป็นทางการครับ”
”ฟู่—-!”หลิวยู่ติงซึ่งเป็นทหารตั้งแต่ในยุคศิวิไลซ์และเป็นคนที่เงียบมาตลอด เขาที่ตอนแรกกำลังนั่งจิบชาอยู่สะดุ้งตกใจจนพ่นน้ำชาใส่หลูเหวินเฉิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
หลานชายผู้บัญชาการมู๋?
นี้มันข่าวใหญ่!
”ครบห้านาทีแล้ว”ติงเซวพูดเตือนทุกคนถึงจุดประสงค์ของการประชุม
ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องประชุมก็เปลี่ยนไปทันทีบรรยากาศสบายๆและขำขันหายวัยไปในพริบตา ทุกคนเข้าสู่โหมดตึงเครียดอย่างรวดเร็ว สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เหอเฟิงอย่างไม่ลังเล รอคอยให้การประชุมเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าเหอเฟิงจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจนแต่ทุกคนในนี้ล้วนเป็นทหารผ่านศึกกันทั้งนั้น พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี้คือการประชุมกลยุทธ์เตรียมพร้อมก่อนเกิดสงคราม?
แวตาคมกริบของเหอเฟิงมีประกายชื่นชมฉายชัดอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่เขามาทำหน้าที่แทนชูฮัน หากไม่มีใครสักคนในนี้ที่แสดงปฏิกิริยาต่อต้านเขาเลย ทุกคนในที่นี้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการฝึกฝนที่เข้มงวดของชูฮันได้อย่างชัดเจนที่สุด
บรรยากาศภายในห้องประชุมณ ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของทุกคนที่กระตือรือร้นพร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับอย่างไม่มีข้อแม้
”ผลการวิเคราะห์ของหน่วยข่าวกรองถูกส่งมาแล้ว”เหอเฟิงพยายามกดความตื่นเต้นเอาไว้และพูดออกมาท่ามกลางความเงียบ “พวกลูกผสมชิงลงมือล่วงหน้า และคนของเราจากแผนกหน่วยข่าวกรองและลาดตระเวรบางคนถูกฆ่าตาย ผลของการวิเคราะห์นั้นพบว่าพวกมันได้ส่งพรรคพวกไปซุ่มโจมตีตามค่ายต่างๆและชนเผ่าผู้รอดชีวิตทั้งหลายก่อนหน้าที่เราจะรู้ถึงเจตนาที่แท้จริงของพวกมัน”
”ส่วนสำหรับเมืองอันลูแผนการในการกำจัดซอมบี้นั้นมีการเปลี่ยนแปลง สมาชิกบางคนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าหายตัวไป” เหอเฟิงค่อยๆไล่อ่านรายงานทีละข้อ “สาเหตุไม่สามารถวิเคราะห์ได้ ทำได้เพียงแค่คาดเดาว่าลูกผสมน่าจะมีพลังควบคุมฝูงซอมบี้ล่วงหน้า และจุดภูมิศาสตร์ที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ก็ค่อนข้างหวาดเสียว”
”กองทัพซอมบี้สองกองทัพ”เหอเฟิงสรุปต่อ “จุดประสงค์คงยังเป็นค่ายเขี้ยวหมาป่า ส่วนค่ายอื่นๆทั้งหลายเป็นแค่ความกระหายและเพื่อดึงความสนใจของเราเท่านั้น โชคร้ายที่ซอมบี้ระยะ 6 ยังเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับพวกเรา และตอนนี้พวกลูกผสมก็คงรู้แล้วว่าเรามีวิวัฒนาการระยะ 6 ซ่อนตัวอยู่”
หลังจากได้ยินข้อสรุปทุกคนก็เริ่มดำดิ่งอยู่กับความคิดในหัวตัวเอง การเคลื่อนไหวของพวกลูกผสมเป็นการเผยแผนการป้องกันของพวกเราอย่างชัดเจน ซอมบี้ระยะ 6 บีบบังคับให้นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของค่ายเขี้ยวหมาป่าต้องเผยตัวออกมา!
และในเวลาเดียวกันดูจากทุกแง่ของสถานการณ์ในตอนนี้ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันขนาดใหญ่
”คาดว่าก่อนที่เราจะรับรู้ถึงจุดประสงค์ของพวกลูกผสมอีกฝ่ายก็ได้เริ่มการโจมตีตามค่ายและชนเผ่าต่างๆในบริเวณไปแล้ว มันยังมีความเป็นไปได้อื่นมั้ย?” หลูเหวินเฉิงจากหน่วยข่าวกรองลับรีบประมวลผลในหัวด้วยความเร็วสูงสุด “หลังจากนั้นเราไม่รู้จำนวนแล้ว เพราะเหล่าผู้รอดชีวิตได้ถูกเปลี่ยนเป็นซอมบี้อย่างลับๆ”
”ฮืออฮา—–”
หลายคนรู้สึกเหมือนกับมีหินมาถ่วงหัวใจตัวเองทุกอย่างมันเกินคำบรรยาย
”นั่นแหละปัญหา”เหอเฟิงพูดสั้นๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก “มันมีความเป็นไปได้สูงว่าเราอาจจะไม่รู้ข้อมูลเรื่องตำแหน่งและปริมาณของซอมบี้เลย”
”หน่วยลาดตระเวน”เสียงของซางจิ่วตี้ดังขึ้นมากระทันหัน “ขอแผนที่เมืองอันลู”
เจียงเทียนชิงลอดตัวโผล่มาพร้อมกับหยิบแผนที่มากางบนโต๊ะทันทีที่ผ่าานมาในระหว่างที่ซูชิงและหวังชื่อชรงกำลังง่วนอยู่กับการก่อสร้าง เจียงเทียนชิงที่พาทีมลาดตระเวนไปสำรวจรอบเมืองอันลูจึงทำการวาดภาพจดเป็นข้อมูลกลับมาด้วย
ในตอนแรกที่ซางจิ่วตี้ต้องดูแลอยู่ที่นี้เธอสิ้นหวังมากกับการทำงานวิจัยของชูซิงที่ดูจะไม่มีหนทาง อย่างไรก็ตามเขาก็ทำจนสำเร็จและสความสามารถของชูซิงก็ได้พัฒนาไปอีกระดับแล้ว
ไม่มีใครคิดว่าความสามารถที่หลบซ่อนของชูซิงจะมอบแผนที่ที่ครอบคลุมรายละเอียดอย่างลึกซึ้งของทั้งเมืองอันลูให้กับค่ายเขี้ยวหมาป่าอย่างนี้!
ภูเขาที่ไล่ติดกันต่อเนื่องแม่น้ำทั้งหลาย ธรณีวิทยาทั้งหลายที่เกิดการเปลี่ยนได้ถูกล่าสุดบันทึกออกมาเป็นแผนที่
เมื่อเหอเฟิงเห็นแผนที่หัวใจเขาก็เต้นรัวขึ้นมาทันที เป็นที่รู้กันดีว่าการใช้ชีวิตในโลกาวินาศมันแตกต่างกับในยุคก่อนอย่างมาก มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ไว้ในป่าเขากว้างใหญ่นั้นมีอะไรอยู่บ้าง ไม่ใช่แค่ไม่เหมือนเดิมแต่สิ่งที่เราเคยคุ้นเคยมันเปลี่ยนเกินคาดหมายไปไกล
แผนที่ที่อยู่ตรงหน้าแม้แต่ค่ายใหญ่อย่างซางจิงก็ไม่กล้าจะเอ่ยบอกทำแผนที่ขึ้น เพราะการทำแผนที่มันจำเป็นต้องใช้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญและมีความสามารถจำมาก และรวมถึงอุปกรณ์เทคโนโลนยีเฉพาะด้านอีกหลายอย่าง
ค่ายเขี้ยวหมาป่าทำได้ยังไง?
ในที่ที่น่าอัศจรรย์เช่นที่นี้มีคนที่มีพรสวรรค์กี่คนกันที่เลิกจะปิดบังตัวตนและตามชูฮัน?
ไม่อยากจะเชื่อ!
”เหอเฟิง”ซางจิ่วตี้เลิกคิ้ว แอบยืดอกด้วยความภูมิใจ “แผนที่มีรายละเอียด กลยุทธ์ที่ฉันไม่เข้าใจ และถ้าจะดูว่าซอมบี้ซ่อนอยู่ที่ไหนได้ อันนั้นมันต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของนาย”
เหอเฟิงจ้องแผนที่ไม่วางตาอย่างละเอียดไล่อ่านทุกอย่างหลังจากผ่านไปสักพักเขาก็ได้สติกลับมา พร้อมกับถอยหายก่อนจะบ่น “ยังไม่มีเรื่องอัตราการกระจายของคนในค่าย นอกเหนือจากตัวเลขเจาะจง ข้อมูลที่แนะนำมาเบื้องต้นในแผนที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์!”
”นี้”ในตอนที่เหอเฟิงถอนหายใจ กูเหลียงเฉินที่เงียบมาตลอดก็จิ้มลงบนจุดหนึ่งในแผนที่ “นี้คือภูเขาป่า มีหุบเขาลึกลับซ่อนอยู่ระหว่างน้ัน ถึงเราจะกระจายกันหาซอมบี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะทำได้”