บทที่ 618 เพลิงหยก

 

ในขณะที่ผู้อาวุโสจงกับโหลวอี้เซียวกําลังฝึกฝนแบบฝึกหัดอยู่นั้น ซูหยางก็กล่าวกับไค่เอียนว่า “ในเมื่อเจ้ายังมิเคยปรุงยามาก่อน ข้าก็จักสอนเจ้าที่ละขั้นทีละตอน”

 

“เจ้าได้เรียนรู้วิชาไปมากน้อยเท่าไหร่แล้ว” จากนั้นเขาก็ได้ถามเธอ

 

“ข้าเข้าใจมันเกือบทั้งหมด ท่านอาจารย์”

 

“ดี นั่นย่อมจะทําให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้น” เขากล่าว

 

“ข้าควรทําอะไรต่อไป อาจารย์” หวังชูเหรินพลันถามเขา รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งอยู่บ้างเมื่อมีศิษย์คนอื่นอยู่รอบกายเธอ

 

“คือ เจ้าสามารถที่จะทําอะไรก็ได้จนกว่าจะถึงตาของเจ้า” ซูหยางพูด

 

“ข้าเข้าใจ…” หวังชูเหรินแอบถอนหายใจก่อนที่จะไปปรุงยาบางตัว

 

“ตอนนี้ เรามาเริ่มอบรมเจ้ากัน” ซูหยางกล่าวยามเมื่อไค่เอียนนั่งอยู่ตรงหน้าเตาปรุงยาแล้ว

 

“ก่อนที่เราจะได้เริ่มปรุงยา เราจําเป็นที่จะต้องดูว่าเพลิงปรุงยาที่เจ้าได้เกิดมาพร้อมกับมันนั้นเป็นเพลิงอะไร”

 

“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเกิดมาพร้อมกับเพลิงปรุงยา แต่ข้าสามารถรับรู้มันได้จากพลังวิญญาณของเจ้าว่าเจ้าควรจะมีมัน”

 

ไค่เอียนพยักหน้าแล้วหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิกับวิชาที่เธอได้ฝึกฝนในช่วงเดือนที่ผ่านมา

 

สองสามนาทีให้หลัง ลูกบอลเพลิงเล็กๆสีเขียวซีดก็ปรากฏต่อหน้าเธอ

 

“โอ เพลิงปรุงยาของเจ้ากลับกลายเป็นเพลิงหยกไปจริงๆรึ นั่นช่างเป็นเรื่องประหลาดใจที่น่ายินดี” ซูหยางกล่าว

 

ก็เหมือนกับซูเมิ่งอี้ที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง ที่เกิดมาพร้อมกับเพลิงฟ้าที่เฉพาะตัว ไค่เอียนก็มีพรสวรรค์กับเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวที่เป็นที่รู้จักกันว่าเพลิงหยก เพลิงปรุงยาประเภทที่ทรงอํานาจแต่ยากที่จะควบคุม

 

“อะไร เพลิงปรุงยาเฉพาะตัวรึ” หวังชูเหรินหยุดปรุงยาแล้วหันมาจ้องดูไฟสีเขียวที่ลอยอยู่เหนือฝามือของไค่เอียน แม้ว่าเธอจะได้ยินคําร่ําลือมาก่อน แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอที่เห็นคนที่มีเพลิงปรุงยาเฉพาะตัว

 

“ช่างโชคดีจัง ถ้าเพียงข้าได้เกิดมาพร้อมกับเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวบ้าง ชีวิตข้าในฐานะของนักปรุงยาอาจจะง่ายกว่านี้มากนัก…” หวังชูเหรินถอนหายใจเสียงดัง

 

เมื่อได้ยินเสียงถอนใจของเธอ ซูหยางก็มองดูเธอแล้วกล่าวว่า “การได้รับพรสวรรค์ด้วยเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวนั้นมิได้หมายความว่าจักมีชีวิตที่สะดวกดายในฐานะนักปรุงยา”

 

“ท่านหมายความว่าอย่างไร เพลิงปรุงยาเฉพาะตัวโดยพื้นฐานแล้วก็จะเป็นเพลิงปรุงยาระดับที่เหนือกว่าเพลิงปรุงยาโดยทั่วไป มิใช่รึ”

 

อย่างไรก็ตามซูหยางกลับส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าการมีเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวอาจจะมีข้อได้เปรียบในหลายสถานการณ์ก็จริง แต่ก็เพราะว่าความเป็นเฉพาะตัว ดังนั้นพวกมันจึงยากที่จะควบคุมและเชี่ยวชาญกว่าเช่นเดียวกัน”

 

“ก็เหมือนกับการที่เกิดมาพร้อมกับร่างสวรรค์ แต่ไม่รู้ว่าจะฝึกฝนร่างกายอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งนั่นก็จะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายมากกว่าที่จะเป็นผลดีต่อการฝึกปรือของเจ้า”

 

“และถ้าหากว่าเป็นผู้เริ่มต้นอย่างเช่นไค่เอียนกับเพลิงหยกถูกสอนจากคนที่ไร้ความสามารถ ชีวิตเธอในฐานะนักปรุงยาก็ย่อมจักกลายเป็นเพียงเรื่องน่าสังเวชเท่านั้น บางทีก็ถึงกับจบลงด้วยโศกนาฏกรรมเท่านั้น”

 

“อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าต้องการที่จะมีเพลิงปรุงยา นั่นก็มิถึงกับเป็นไปไม่ได้” ซูหยางพลันกล่าวกับหวังชูเหริน จนทําให้ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

 

“ท่านหมายความว่าข้าก็สามารถที่จะมีเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวได้งั้นรึ ข้าคิดว่าเราสามารถที่จะเกิดมาพร้อมกับมันเท่านั้นเสียอีก” หวังชูเหรินอุทานออกมาด้วยเสียงสับสน

 

“ไม่ เจ้าก็สามารถเช่นกันที่จะมีเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวหากว่าเจ้าได้ดูดซับมันเข้าไป เพียงแต่ว่าข้าสงสัยว่าเจ้าจักสามารถที่จะหาเพลิงปรุงยาได้หรือไม่ในโลกนี้ ในเมื่อมันต้องการเวลานับแสนปีในการเติบโต”

 

“เราสามารถที่จะดูดซับเพลิงปรุงยาด้วยรึ นี่นับเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเช่นนี้ และท่านหมายความว่าอย่างไรกับคําว่า “เติบโต” เราจะทําให้เพลิงปรุงยาเติบโตได้อย่างไร” หวังชูเหรินรีบถามเขา

 

“เพลิงปรุงยานั้นก็มิได้ต่างไปจากสมบัติวิญญาณในแง่ที่ว่าพวกมันทั้งคู่สามารถที่จะสร้างขึ้นมาได้ตามธรรมชาติ แต่เพลิงปรุงยานั้นปกติแล้วจะใช้เวลานานกว่าในการปรากฏตัวเนื่องจากธรรมชาติเฉพาะตัวของพวกมัน”

 

“…..”

 

หวังชูเหรินพูดไม่ออก อย่างไรก็ตาม หัวใจของเธอก็เต้นด้วยความตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าเธออาจจะสามารถที่จะใช้เพลิงปรุงยาเฉพาะตัวได้ในอนาคต

 

“อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าต้องการที่จะรู้ให้มากขึ้นเกี่ยวกับเพลิงปรุงยา ข้าก็จักบอกเจ้าทั้งหมดเกี่ยวกับพวกมันในภายหลัง” ซูหยางพูดก่อนที่จะหันกลับมาที่ไค่เอียน

 

“ตอนนี้เมื่อเรารู้ว่าเจ้ามีเพลิงหยก ข้าก็จักเปลี่ยนวิธีการฝึกของเจ้า”

 

ไค่เอียนพยักหน้าอย่างเยือกเย็น

 

“นั่นจักต้องใช้เวลาข้าอยู่บ้างสําหรับการเขียนเคล็ดวิชา ดังนั้นข้าจักให้เจ้าทําความคุ้นเคยกับเพลิงหยกก่อนในตอนนี้”

 

จากนั้นเขาก็หันไปหาหวังชูเหริน “ข้าต้องการให้เจ้าสอนพื้นฐานการควบคุมเพลิงและคอยระวังมิให้เกิดข้อผิดพลาดใดในระหว่างที่ข้าสร้างวิชาให้กับเธอ”

 

“เพียงแค่พื้นฐาน ท่านสามารถปล่อยให้ข้าดูแลได้” หวังชูเหรินพยักหน้าด้วยสีหน้ามั่นใจ

 

ครั้นเมื่อซูหยางจากไปเพื่อเขียนวิชาใหม่เพื่อไค่เอียนแล้ว หวังชูเหรินก็กล่าวกับเธอว่า “วิธีที่จักทําตัวเจ้าคุ้นเคยกับเพลิงปรุงยาของเจ้านั้นง่ายดายด้วยการใช้มันนี้ ลองพยายามที่จะจุดไฟ ภายใต้เตาปรุงยานี้ด้วยการควบคุมพลังวิญญาณของเจ้าแล้วจินตนาการว่ามีไฟปรากฏภายใต้เตาปรุงยา” หวังชูเหรินชี้ไปที่เตาปรุงยาของเธอ

 

ไค่เอียนพยักหน้าแล้วสูดลมหายใจลึก ก่อนที่จะสร้างเปลวเพลิงดวงเล็กภายใต้เตาปรุงยา

 

“ดี ตอนนี้รักษามันไว้อย่างนั้นให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

 

อย่างไรก็ตาม เพลิงปรุงยานั้นก็ได้หายไปภายในเวลาสองสามวินาทีให้หลัง และไค่เอียนก็เริ่มหอบหายใจอย่างหนัก ดูเหมือนกับว่าหมดพลังไปแล้ว

 

“เอ๋ เกิดอะไรขึ้น นั่นยังมถึงสิบวินาทีเสียด้วยซ้ํา” หวังชูเหรินถามเธอด้วยใบหน้าประหลาดใจ

 

“ข้าข้ามิรู้” ไค่เอียนกล่าวกับเธอด้วยเสียงหมดแรง “ข้าพยายามที่จะรักษาเพลิงปรุงยา ให้คงอยู่ แต่พลังวิญญาณของข้านั้นก็ได้หมดสิ้นไปก่อนที่ข้าจะได้ทันตระหนัก”

 

“หรือว่าเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวนั้นใช้พลังวิญญาณมากมายอย่างงั้นรึ กระทั่งนักปรุงยา มือใหม่ในเขตปฐมวิญญาณก็ยังสามารถที่จะรักษาเพลิงปรุงยาของตัวเองไว้ได้ถึงสิบนาทีก่อนที่พวกเขาจะหมดพลังวิญญาณ แต่เจ้ากลับมิอาจแม้กระทั่งจะรักษามันไว้ได้ถึงนาทีทั้งที่อยู่ในเขตสัมมาวิญญาณ นี่มันแปลกไปแล้ว”

 

“บางที่นี่คงเป็นสิ่งที่ซู-ท่านอาจารย์พูดถึงเมื่อเขาพูดว่ามีเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวมิได้หมายความว่าจะมีชีวิตที่ง่ายดายในฐานะของนักปรุงยา…” หวังชูเหรินสุดท้ายก็เข้าใจในคําพูดของซูหยาง

 

“ข้าควรจะทําอะไรในตอนนี้ พี่หญิง” ไค่เอียนถามเธอด้วยสายตาเศร้าใจ เธอจะปรุงยาได้อย่างไรถ้าเธอไม่สามารถแม้กระทั่งที่จะรักษาเพลิงปรุงยาของเธอไว้ได้นานพอที่ให้ความร้อนแก่เตาปรุงยา อย่าว่าแต่จะปรุงยา

 

“เจ้าคงสามารถเพียงแค่เพิ่มพลังวิญญาณของเจ้าในจุดนี้ใช่ไหม แต่ว่าเจ้าต้องการพลังวิญญาณมากแค่ไหนในการรักษาเพลิงปรุงยาที่เปลืองพลังงานเช่นนั้น” หวังชูเหรินส่ายหน้าในเวลา หลังจากนั้นแล้วก็ถอนหายใจ “ข้าเดาว่าข้าคงเป็นอาจารย์ที่ “ไร้ความสามารถที่ท่านอาจารย์ได้ พูดถึงในสถานการณ์เช่นนี้”

 

“เอ้อ คงมิมีอะไรมากที่เราจักสามารถที่จะทําได้ในเวลานี้นอกจากรอให้ท่านอาจารย์เสร็จสิ้นสิ่งที่เขาทํา” หวังชูเหรินพูด

 

อย่างไรก็ตามไค่เอียนก็ไม่ค่อยยินยอมที่จะพ่ายแพ้ง่ายดายนัก จึงพยายามที่จะรักษาเพลิงหยกของเธอไว้

 

หลังจากเวลาผ่านไป

 

“ฮาาาา…ฮาาา… นี่เป็นไปไม่ได้…” ในที่สุดไค่เอียนก็ยอมแพ้หลังจากที่ล้มเหลวไปหลายสิบครั้ง “การคงสภาพเพลิงหยกนั้นมิสามารถเป็นไปได้ในเมื่อมันดูดกลืนพลังวิญญาณทั้งหมดของข้าไปอย่างรวดเร็วและข้าก็มสามารถที่จะควบคุมมันได้…”

 

“ทําไมเรามถามผู้อาวุโสจงล่ะ แม้ว่าเขาอาจจะมิได้อยู่ในระดับเดียวกับท่านอาจารย์ เขาก็ยังเป็นนักปรุงยาที่โดดเด่นที่มีประสบการณ์มากมายหลายสิบปี บางทีเขาอาจจะรู้สึกอย่างสองอย่างเกี่ยวกับเพลิงปรุงยาของเจ้า ข้าจะไปปลุกเขา” หวังชูเหรินกล่าวก่อนที่จะสะกิดผู้อาวุโสเจิ้งจากการหลับไหล

 

“คือ ข้าสิ้นสติไปอีกแล้วจากการหมดเรี่ยวแรง” ผู้อาวุโสจงลุกขึ้นนั่งด้วยสายตาอ่อนล้า

 

“ใช่ท่านสิ้นสติไป แต่นั่นมิใช่เหตุที่ข้าปลุกท่านขึ้นมา” หวังชูเหรินพูด แล้วเธอก็พูดต่อว่า “ท่านรู้จักอะไรบ้างเกี่ยวกับเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวหรือไม่”

 

“เพลิงปรุงยาเฉพาะตัวรึ นั่นมิได้เป็นคําพูดที่ได้ยินกันบ่อยๆหรอกนะ” ผู้อาวุโสจงพยักหน้า

 

“แม้ว่าข้ารู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเพลิงปรุงยาเฉพาะตัว แต่ข้าก็มสามารถที่จะพูดได้ว่าข้ารู้มากมายนักเกี่ยวกันมันเพราะว่าพวกมันหายากมาก ทําไมท่านจึงถามล่ะ”

 

เมื่อได้ยินคําถามของเขา หวังชูเหรินก็หันไปมองยังไค่เอียนแล้วกล่าวว่า “แสดงให้เขาเห็น”

 

สองสามอึดใจให้หลัง ไค่เอียนก็เสกเพลิงหยกออกมาชั่วขณะ

 

อย่างไรก็ตามเพียงชั่วขณะนี้ก็เกินพอที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้อาวุโสจงจนตาสว่าง

 

“เพลิงปรุงยาเฉพาะตัวรี เจ้ามีเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวจริงๆรึ สวรรค์ นี่นับว่าเป็นครั้งที่สองที่ข้าได้เห็นใครสักคนที่มีพรสวรรค์เช่นนั้น” เขาอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

 

“โอ ท่านรู้จักคนที่มีเพลิงปรุงยาเฉพาะตัวเช่นนั้นด้วย” หวังชูเหรินดวงตาเป็นประกายด้วยความสนใจ

 

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสจงกลับมีสีหน้าที่มืดหม่นหลังจากที่ได้ยินคําถามของเธอ แล้วเขาก็พูดด้วยเสียงโศกเศร้าหลังจากนั้นชั่วขณะว่า “ใช่ ข้ารู้จักคนที่เคยมีเพลิงปรุงยาสีม่วง อย่างไรก็ตามคนผู้นั้นตายไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อเขาสูญเสียการควบคุมเพลิงปรุงยาของตนเอง เผาผลาญตัวเองจนกระทั่งเหลือแต่ขี้เถ้า”

 

“…” หวังชูเหรินและไค่เอียนจ้องมองดูเขาด้วยสายตาหวาดกลัว

 

“ค-คนผู้นั้นเผาตัวเองตายโดยใช้เพลิงปรุงยาของตัวเองงั้นรึ” ไค่เอียนถามเพื่อยืนยัน

 

ผู้อาวุโสจงพยักหน้าก่อนที่จะถอนหายใจ “เขาเป็นชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ซึ่งเป็นศิษย์คนแรกของข้า อย่างไรก็ตามเพราะว่าข้ามิรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเพลิงปรุงยาสีม่วงในตอนนั้น ข้าจงมิสามารถที่จะแนะนําเขาได้ถูกต้อง จึงจบลงด้วยอุบัติเหตุน่ากลัวนั้น”

 

หวังชูเหรินพูดไม่ออก ในเมื่อเธอไม่คิดว่าเขาจะมีประวัติที่แสนเศร้าเช่นนั้น